ประกาศศักดาเรียบร้อยสำหรับ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อสามารถไล่แซงกลับมาเอาชนะ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ได้ 2-1 ทั้งที่โดนนำไปก่อนตั้งแต่ต้นเกม ในรูปเกมที่สนุกตื่นเต้นจนหยดสุดท้าย
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก (5 ธ.ค.52)
แมนฯ ซิตี้ 2-1 เชลซี
สนาม : ซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์
ประตู :
0-1 อเดบายอร์ 8 (เข้าประตูตัวเอง)
1-1 อเดบายอร์ 37
2-1 เตเวซ 56
ศึกบิ๊กแมตช์ประจำสัปดาห์เป็นการพบกันของสองทีมเศรษฐี "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี โดยเกมนี้ฝ่ายหลังก็อยากจะหนีแมนฯ ยูไนเต็ด ที่ไล่จี้มาเหลือแค่ 2 แต้มออกไปให้ได้
นัดนี้ทั้งสองทีมขนนักเตะชุดใหญ่กันมาเต็มๆไม่มีกั๊ก โดยเจ้าบ้านได้ โรบินโญ่ หายเจ็บกลับมายืนเป็นตัวจริงได้เป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน และก็ทำผลงานได้ดีทีเดียวในช่วงต้น
แต่ถึงนาทีที่ 8 ก็มาโชคร้ายต้องเสียประตูให้กับ เชลซี ก่อนเมื่ออิวาโนวิช สบจังหวะได้ซัดเต็มๆไปติดเซฟของ เชย์ กิฟเว่น ก่อนที่อเนลก้า จะซ้ำดาบสองก็ติดเซฟอีกแต่ครั้งนี้บอลไปกระเด้งโดนหัวของ อเดบายอร์ เข้าประตูตัวเองไป
หลังเสียประตู 1-0 ซิตี้ ก็พยายามที่จะตั้งหลักกลับมาและก็ค่อยๆขึงเกมรุกใส่ทีมเยือนได้มากขึ้นเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะเกมริมเส้นที่ทำได้น่ากลัวมากทั้งสองฝั่งสนาม
และหลังจากที่ขึงอยู่พักใหญ่ แมนฯ ซิตี้ ก็มาตีเสมอได้สำเร็จในนาทีที่ 37 จากจังหวะกังขาเล็กน้อยเมื่อได้ลูกเตะมุม เชลซีสกัดออกมาโดน ไรท์ ฟิลลิปส์ ยิงสวนเข้าไปโดนแขน ริชาร์ดส ก่อนไปเข้าทางอเดบายอร์ ที่จังหวะแรกเก็บบอลไม่ได้แต่บอลยังกระเด้งโดนตัวกัลลาสมาเข้าทางตัวเองได้ยิงเผาขนเข้าไป
จากนั้น ซิตี้ ก็เป็นฝ่ายบุกกดดันต่อเนื่องกะจะแซงให้ได้ก่อนหมดครึ่งแรก แต่ก็เกือบมาโดนทีเด็ดจากลูกฟรีคิกระยะอันตรายหน้าเขตโทษของ ดร็อกบา ที่ซัดข้ามกำแพงก่อนจะเฉี่ยวสามเหลี่ยมออกไปแค่นิดเดียวเท่านั้น ก่อนที่เกมจะจบลงด้วยการเสมอกันอยู่ 1-1 ในครึ่งแรก
ครึ่งหลัง เชลซี แก้เกมกลับมาเล่นได้รัดกุมขึ้นแต่ในเกมรุกยังขาดตอนอยู่ทำให้ไม่สามารถจะกดดันเจ้าบ้านได้ ขณะที่ ซิตี้ เล่นอย่างอดทนและมาได้โอกาสดีในนาทีที่ 53 ซึ่งต้องชม ไรท์ ฟิลลิปส์ ที่กระชากหนีโคลเข้าไปในเขตโทษก่อนตเข้ากลางมาถึง อเดบายอร์ ได้ตั้งป้อมซัดแต่ไปติดบล็อก
แต่อีก 3 นาทีถัดมา แมนฯ ซิตี้ ก็มาได้ประตูแซงนำจริงๆเมื่อมาได้ฟรีคิกระยะ 20 หลา หน้าเขตโทษพอดีเป๊ะ และเป็น คาร์ลอส เตเวซ ที่ปั่นฟรีคิกแหวกกำแพงเข้าประตูไปอย่างสวยงามให้เจ้าบ้านนำ 2-1
เชลซี ตื้ออยู่นานก็มาเกือบตีเสมอได้จากลูกฟรีคิกโดยเป็น ดร็อกบา ที่โถมขึ้นโขกหน้าปากประตูเหนือ เลสค็อตต์ แต่ก็หลุดกรอบออกไป ก่อนที่อันเชล็อตติ จะส่งบัลลัค และ เบลเล็ตติ ลงมาแก้เกม
จังหวะลุ้นของทีมเยือนยังต้องหวังพึ่งจากลูกตั้งเตะเป็นหลัก ซึงก็มีโอกาสอีกครั้งจากจังหวะการขึ้นโขกของ อิวาโนวิช ขณะที่ซิตี้ ต้องเสีย ไมกาห์ ริชาร์ดส ที่เจ็บต้องต้องเปลียนเอา เนดุม โอนูโอฮาลงมาแทน
เท่านั้นไม่พอ ซิตี้ ยังต้องเสีย เวย์น บริดจ์ ไปอีกคนจากจังหวะที่โดน เบลเล็ตติ เข้าชาร์จอย่างรุนแรง ซึ่งผู้ตัดสินก็แจกใบเหลืองให้แบ็กแซมบ้าที่เล่นนอกเกมด้วย
ช่วงนี้ เชลซี เริ่มโหมหนักขึ้นและก็มาได้จุดโทษในนาทีที่ 82 เมื่อ ดร็อกบา เก็บบอลได้ในเขตโทษก่อนจะโดนโอนูโอฮาสอยร่วงไป ผู้ตัดสินเป่าให้เป็นจุดโทษทันทีไม่ลังเล แต่ว่า แลมพาร์ด ยิงไปติดเซฟของ กิฟเว่น ที่พุ่งถูกทางดักเอาไว้ได้
เกมดำเนินไปอย่างดุเดือดโดยทาง ซิตี้ ก็พยายามจะสวนกลับในยามที่เชลซี พลาดแต่ทีมเยือนก็ยังไม่ยอมแพ้และทำได้ใกล้เคียงจากจังหวะที่ เอสเซียง แทงทะลุช่องให้ ดร็อกบา หลุดเข้าเขตโทษแต่ว่ายิงไม่ดีหลุดกรอบออกไปเอง
ในนาทีสุดท้าย ซิตี้ เกือบฝังเชลซีได้เด็ดขาด เมื่ออเดบายอร์ แทงบอลให้ เตเวซ หลุดเดี่ยวเข้าไปถึงในเขตโทษแต่ว่ามี อิวาโนวิช วิ่งตามมาบังไลน์ได้ทันทำให้มุมเหลือน้อยและเลือกยิงเสาแรกก็โดน เช็ก ล้มตัวปัดได้ ก่อนที่ ซิตี จะรักษาสกอร์เอาไว้ได้จนหมดเวลา จบเกมจึงเฉือนชนะไปแบบสุดมัน 2-1 แซงขึ้นไปอยู่ที่ 5 ได้สำเร็จ ส่วน เชลซี ยังรักษาตำแหน่งจ่าฝูงได้แต่ก็ไม่ปลอดภัยเหมือนเดิม
รายชือผู้เล่นทั้งสองทีม
แมนฯ ซิตี้ : เชย์ กิฟเว่น, ไมกาห์ ริชาร์ดส (เนดุม โอนูโอฮา 69), โคโล ตูเร่, โจเลียน เลสค็อตต์, เวย์น บริดจ์ (แวงซ็องต์ กอมปานีย์ 76) , ไนเจล เด ยอง, แกเร็ธ แบร์รี่, ฌอน ไรท์ ฟิลลิปส์, คาร์ลอส เตเวซ, โรบินโญ่ (พาโบล ซาบาเลต้า 90) , เอ็มมานูเอล อเดบายอร์
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ (เบลเล็ตติ 63) , จอห์น เทอร์รี่ (ฟลอร็องต์ มาลูด้า 88) , แอชลี่ย์ โคล, มิชาแอล เอสเซียง, มิชาเอล บัลลัค (มิเคล 64) , แฟรงค์ แลมพาร์ด, เดโก้, ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา, นิโกล่าส์ อเนลก้า
ผู้ตัดสิน : ฮาวเวิร์ด เวบบ์
Source: MSN Foolball
Tags:
-
▶ Reply to This