ยามที่อิตาลีขาดแคลนซึ่งกองหน้า ทั้งอันโตนิโอ คาสซาโน่ ที่ผ่าตัดหัวใจ และ จูเซ็ปเป้ รอสซี่ ซึ่งเจ็บยาว แต่อัซซูรี่ยังมีชายคนนี้ 


        "มาริโอ บาโลเตลลี่" บุรุษผู้ยืนอยู่ท่ามกลางเสียงด่าทอ เอ๊ยวิจารณ์ถึงความเกรียนล้างโลก แต่เจ้าตัวก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ถึงจะเป็นแบบนั้น ก็ยังโชว์ฟอร์มได้ดีอยู่เสมอมิใช่รึ!


        โอกาสที่เทรนเนอร์เชซาเร่ ปรันเดลลี่ เทรนเนอร์มะกะโรนีให้ในทีมชาตินั้น ก็ต้องบอกว่าเป็นเพราะเจ้าตัวประพฤติเรียบร้อยขึ้น ไม่ค่อยมีเรื่องกวนโอ๊ยนอกสนามให้เห็น ไม่มีพิษภัยกับใครอีก แล้วดูนักเตะเองมุ่งมั่นมากขึ้น ไม่ขี้เล่นไม่เข้าที่เหมือนพยายามยิงด้วยลูกส้นตอนอุ่นเครื่องกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ช่วงเปิดฤดูกาล


        เจ้าตัวเคยสวมเสื้อ why always me! ประมาณว่า "ทำไมต้องเป็นกรู!" ที่โดนสับแหลกจากสื่ออยู่เรื่อย


        คนอื่นก็มีโว้ยที่ดินเหล้าหยำเป เที่ยวกลางคืน เมาแหลกหลังเกม โดยเฉพาะพวกแข้งเมืองผู้ดีทั้งหลาย ในใจมาริโอ คงคิดอย่างนิด


        อายุของบาโลเตลลี่ตอนนี้ 21 ปี ความคิดความอ่านก็ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น แม้ว่ายังออกแนวแว้นอยู่บ้างก็ตามในช่วงจังหวะของอารมณ์โชกโชนวัยหนุ่ม


        มิใช่เรื่องนอกสนามเท่านั้น ในเกมดูเหมือนมาริโอเล่นด้วยความคิด ฉลาด และมีไหวพริบมากขึ้น ทั้งการผ่านบอลให้เพื่อน การทำทาง การหาพื้นที่ว่างขณะตนเองไม่มีบอล การรับบอลรองบอล และสัญชาติญาณในการพังตาข่าย


        ประตูที่มาริโอได้จากมาร์คิซิโอ ก่อนปั่นไซด์โค้งข้ามหัวเซ็คเซียสนี่ นายทวารโปแลนด์ อันเป็นประตูขึ้นนำ 1-0 ของอิตาลี บอกได้คำเดียวว่า "คลาสสิก"


        คือบางครั้ง ศูนย์หน้าระดับเพชรฆาต มีจังหวะแล้วต้องจบสกอร์ให้เป็นประตูทันที ซึ่งในช่วงก่อนหน้านั้น อิตาลีก็มิได้เล่นดีเด่นอะไรมาก เพราะยิงได้ปุ๊ปเหมือนปลดล็อค เกมของตนได้ตามสะดวก


        ในเกมนั้น บาโล มีจังหวะอีกหลายครั้งหลายหนทั้งการโขก การยิงฟรีคิก รวมถึงมีส่วนทำให้อัซซูรี่ได้ประตู 2-0 ด้วยจากการเปิดบอลกราบซ้าย แล้วเปเป้ สะกิดนิดหน่อย ก่อนที่ จามเปาโล ปาซซินี่ ชาร์จจ่อๆไม่เหลือ


        สิ่งที่โรแบร์โต้ มันชินี่ พูดอาจดูเวอร์ตอนที่บอกว่า เกรียนมาริโอ มีสิทธิ์เทียบชั้นดาวดังอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หรือ ลิโอเนล เมสซี่


        แม้ในความคิดของผู้คนทั่วไป คงมิได้เป็นถึงขนาดนั้น แต่ดูจากฟอร์มการเล่นกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และอิตาลีเวลานี้แล้ว บอกได้เลยว่า มาริโอพัฒนาการแสดง เอ๊ย ฝีเท้ามากขึ้น ทั้งด้านความสามารถเฉพาะตัว แทคติค และการทำเกมรุกในแดนหน้า


        สิ่งที่บรรดาดาวเตะรุ่นใหม่ของปรันเดลลี่ยังขาดไปบ้างคือประสบการณ์ในเกมระดับท็อป เวลาต้องเจอคู่แข่งใหญ่ๆ ซึ่งถ้าเป็นนัเกตะใหม่ๆ แล้วมักตื่นเต้น และใจไม่อยู่กับร่องกับรอย เมื่อเจอกับสถานการณ์ที่ความกดดันและความตึงเครียดสูงๆ


        ไม่แปลกที่ปรันเดลลี่จะเลือกเฟ้นคู่แข่งระดับหินมาลับเกือกก่อนยูโร 2012 เริ่มต้นจากโปแลนด์ ต่อด้วยอุรุกวัย 


        นี่คือการเตรียมความของอัซซูรี่ที่เริ่มเดินมาถูกทางแล้ว และรอวันที่มาริโอ สุกงอมพอดีในโปแลนด์-ยูเครน!