หลังจากเป็บย้ายไปคุมแมนเชเตอร์ซิตี้ ก็มีหลากหลายความเห็นมาก ทั้งชื่นชม ทั้งตั้งตารอดู แขวะ สบประมาท และจากที่ผมสังเกตมาดูเหมือนหลายๆคนอาจจะยังมีบางเรื่องที่ยังไม่รู้เกี่ยวกับเป็บ เลยอยากจะเล่าให้ฟังในฐานะแฟนบาร์ซ่าคนนึงครับ(จะเน้นในตอนที่เป็บคุมบาร์ซ่านะครับ กับบาเยิร์นผมพอจะได้ดูบ้างแต่ไม่บ่อยมาก)

จะสรุปให้เป็นหัวข้อนะครับ (ผมอาจจะไม่เรียงตามไทม์ไลน์นะครับ)


- the Beginning ก่อนเป็บคุมบาร์ซ่า 

เป็บเริ่มต้นอาชีพผู้จัดการทีมกับบาร์ซ่าเบ ซึ่งเป็นทีมสำรองของชุดใหญ่ โดยจะเป็นเด็กๆอายุราวๆ17-21 เป็บพาทีมเลื่อนชั้นจากลีกล่างระดับ3ขึ้นไปเซกุนด้าระดับ2ได้โดยใช้เวล่เพียงแค่ปีเดียว และในยุคนั้นหากถามแฟนบาร์ซ่าที่ตามกันมานานจะรู้กันดีว่าลามาเซียยุคนั้นค่อนข้างตกต่ำพอสมควร(จากปัญหาการเมืองและการเงิน จะกล่างถึงต่อไป) ลีกระดับ3ก็คือลีกอาชีพนะครับ พูดง่ายๆก็คือเป็บจะต้องพาทีมที่มีแต่เด็กๆอายุน้อยประสบการณ์น้อย แข่งขันกับทีมอื่นๆที่มีพวกนักเตะอาชีพ(ผู้ใหญ่) ตรงจุดนี้คงทำให้เห็นภาพแล้วนะครับว่าเป็บเคยคุมทีมที่มีทรัพยากรน้อย งบน้อยมาแล้ว

บอร์ดบริหารของบาร์ซ่านั้นมีการแบ่งแยกกัน ลาปอต้า(ประธานบอร์ด) ถูกริดรอนอำนาจ เพราะนโยบายและการตัดสินใจผิดพลาด รวมทั้งข่าวลือ(?)เรื่องการฉ้อโกง

การเงินของบาร์ซ่าในตอนนั้นเรียกได้ว่าเป็น เจ้าบุญทุ่มถังแตกก็ว่าได้ บัญชีติดตัวแดงมาอย่างยาวนาน เครดิตกับธนาคารและสถาบันการเงินเริ่มหดหาย และแน่นอนว่างบการเสริมทีมก็น้อยตาม

ขณะที่ชุดใหญ่นั้น ทีมอยู่ในสภาพ "กำลังจะแตก" ตอนนั้นผู้จัดการทีมคือไรจ์การ์ด 2ปีสุดท้ายของไรจ์การ์ดกับบาร์ซ่านั้น ทีมวืดแชมป์2ปีติดๆกัน

เหยินน้อย โรนัญดินโญ่ ทำตัวเละทะ ไม่มีระเบียบวินัย ไม่ฟิต น้ำหนักขึ้น เรียกว่า อยากเจอเหยินน้อย ไปหาตามสถานบันเทิงง่ายกว่าสนามซ้อมครับ เดโก้ที่ชีวิตนอกสนามมีปัญหาพอๆกับเหยินน้อย และยังมีปัญหากับทางบ้านอีก เอโต้ที่มีปัญหาเรื่องอีโก้ ชาบี้ที่จะย้ายออก(แน่ๆ โดยมีข่าวว่าแมนยูของเซอร์อเล็กสนใจ) อิเนียสต้าในตอนนั้นจะได้สลับกันลงกับชาบี้ ถึงจะบอกว่าฟอร์มดี แต่อิเนียสต้าก็ยังไม่ถึงระดับฝากผีฝากไข้ได้ ห้องแต่งตัวแบ่งเป็นฝั่งสตาร์ และนักเตะที่เหลือ หลังจากจบซีซั่น 2007-2008 ไรจ์การ์ดก็ถูกปลดตามคาดการ และบอร์ดบาร์ซ่า(จริงๆก็ปู่ครัฟฟ์อะนะ) ก็ได้เลือกเป็บมาเป็นผู้จัดการทีมคนต่อไป

ช่วงเวลาแห่ง Alien
ศาสดาผู้กอบกู้ประโยคนี้คงไม่เกินไปเลย ด้วยความคาดหวังและความกดดันสูง สำหรับตัวเป็บเองที่เป็นตำานของสโมสร เป็นถึงกัปตันของชุดดรีมทีม(ยุคปู่ครัฟฟ์คุม) นี่คือการเดิมพันครั้งใหญ่ของบาร์ซ่า ว่าจะกลายเป็นยักษ์ล้มหรือจะกลับมาผงาดได้อีกครั้ง (ช่วงนั้นต้องยอมรับว่าเราเป็นลูกไล่มาดริดอยู่นาน) ทุกคนต่างตั้งตารอคอยการเปิดฤดูกาลใหม่

งานแรกของเป็บหลายๆคนอาจจะรู้แล้วก็คือกำจัดตัวปัญหา เป็บขายเหยินน้อย และเดโก้ทิ้ง(เอโต้หาทีมรับซื้อไม่ได้เลยรอดไป) เหยินน้อยที่แฟนๆบาร์ซ่ามองว่าถ้าหมดเค้าทีมจบเห่แน่ๆ เพราะในยุคของไรจ์การ์ด2คนนี้คือ คีย์แมน เพลเมคเกอร์ที่คอยขับเคลื่อนทีม แล้วชาบี้กับอิเนียสต้าละ ในขณะนั้นอิเนียสต้ากำลังพัฒนาฟอร์มอยู่เรื่อยๆ แต่ทั้ง2คนยังคงอยู่ใต้ร่มเงาของเดโก้ที่เป็นจอมทัพในแดนกลางอยู่ ขณะที่ชาบี้ รายนี้หนักเลยปัญหารุมเร้า เริ่มไม่เชื่อมั่นในตัวเอง และฟอร์มการเล่นที่ทรงๆ ห่างไกลกับคำว่าฟอร์มเทพเยอะครับ ในยุคไรจ์การ์ด ทั้งชาบี้และอิเนียสต้าไม่ได้เป็นตัวจริงยาวๆนะครับ ทั้ง2คนจะสลับกันลง ซึ่งตอนนั้นชาบี้อายุไม่ใช่น้อยๆแล้ว(27-28) นี่ไม่ใช่อายุที่จะมาเป็นอะไหล่หรือตัวหมุนเวียน ประจวบเหมาะกับพี่บิ้กปีศาจแดงแห่งเมืองแมนเชสเตอร์ให้ความสนใจ ทำให้เจ้าตัวเตรียมจะเก็บกระเป๋าออกจากบ้านaf แต่ก็เป็นเป็บนี่เองที่โน้มน้าวให้ชาบี้อยู่ต่อ

แค่เริ่มก็ทำท่าจะไม่รอดซะแล้ว 3-4เกมแรกของ บาร์ซ่าของเป็บไม่ชนะใครเลยสักทีม สาวกกูเล่และสื่อเล่นข่าวกันอย่างหนัก ดูเหมือนเจ้าบุญทุ่มกำลังจะจบเห่!! และก็เป็นอีกครั้งที่นักเตะเทวดาโยฮัน ครัฟฟ์ ต้องยื่นมือเข้ามาช่วย หลังจากได้พบปะพูดคุยกัน ดูเหมือนปู่ครัฟฟ์จะทำให้เป็บเชื่อมั่นในตัวเองและปรัชญาที่ปู่วางไว้ให้ หลังจากออกสตาร์ทอย่างกระท่อนกระแท่นทีมก็เริ่มจะดีวันดีคืน บอลมีทรงขึ้นอย่างชัดเจน การเข้าทำที่เริ่มจะเฉียบคมและ6แชมป์ในปีแรก จากฉายาเจ้าบุญทุ่ม ก็ได้รับฉายาใหม่ว่า "ต่างดาว" หลังจากนั้นก็อย่างที่เห็น ยุคของต่างดาวได้เริ่มขึ้นแล้ว...




Rising stars ยอดนักปั้น

อัญมณี 2 ก้อนแรกที่เป็บค้นพบในบาร์ซ่าเบก็คือ บุสเก็ต และเปโดร

เปโดรได้รับโอกาสตั้งแต่ปีแรกของเป็บในชุดใหญ่ทันที ด้วยความที่เป็นนักเตะจอมขยัน ขึ้นสุดลงสุด และด้วยความจมูกไว ที่เจ้าตัวมักจะอยู่ถูกที่ถูกเวลา รวมทั้งเป็นนักเตะที่ใช้โอกาสไม่เปลืองเลย ทำให้เจ้าหนูรายนี้กลายเป็นลูกรักคนนึงของเป็บในเวลาอันสั้น

ขณะที่บุสเก็ตนั้นแม้ในปีแรกจะเริ่มต้นไม่สวยนัก เพราะจ่ายบอลพลาดหลายต่อหลายครั้ง และการตัดเกมที่เรียกได้ว่ากระดูกคนละเบอร์กับตัวจริงอย่างยาย่า แต่เป็บก็พยามอย่างหนักจะเข็นเจ้าหนูรายนี้ลง(ผมเองก็ค่อนข้างสงสัยว่าบุสเก็ตแกจะมาแย่งตำแหน่งกับยาย่าเนี่ยนะ?? ไม่น่ารอดนะ) แต่ยิ่งเล่น เจ้าบุสเก็ต ที่สปีดระดับหอยทากเรียกพี่ แถมยังผอมเก้งก้าง กลับพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเค้าดีเกินพอกับบทบาทมิดฟิลด์ตัวรับแบบฉบับบาร์ซ่า ทุกครั้งที่ทีมคู่แข่งฉกบอลพยามจะสวนใส่บาร์ซ่า แฟนๆจะตะลึงกับเจ้าบุสเก็ตที่ราวกับวาร์ปมาจากไหนไม่รู้เข้ามาสกัดและแย่งบอลกลับมาเล่นต่อได้หลายต่อหลายครั้ง แถมเจ้าตัวไม่ใช่แค่แย่งกลับมา กลับยังสามารถจะจ่ายระดับคิลเลอพาสให้เพื่อนๆทำประตูได้อีกด้วย

นอกจาก2คนนี้แล้วก็ยังมีนักเตะอีกหลายต่อหลายราย ทั้งปิเก้ ที่เป็นแค่สำรองของแมนยู โบยาน เจฟเฟรน เตโญ่ โรแบโต้ รวมทั้ง ติอาโก้อีกด้วย(ขอไม่เขียนถึงทั้งหมดนะครับเดี้ยวจะยาวเกิน)




Money Money เป็บใช้เงินเปลืองมั้ย??

มาดูกันดีกว่า ปีแรกที่กวาดได้ทุกแชมป์ เป็บซื้อใครไปบ้าง

นักเตะค่าตัวแพงรายแรก ที่แฟนๆบาร์ซ่านึกว่าเคยจบจากลามาเซีย อย่าง อัลเวส ที่ใช้คำว่าคุ้มเกินคุ้มครับ ประมาณ 26ล้าน ถ้าผมจำไม่ผิด

อีกคนที่จะว่าพลาดก็ว่าได้(แต่จริงๆก็มีเวลาแค่ปีเดียว) คือ ชิรินสกี้ จากชัคเตอร์ โดเน็ท ค่าตัวราวๆ20กว่าล้าน อยู่ได้แค่ปีเดียวขายกลับไป15ล้านคืนให้ ชัคเตอร์ คนนี้ผมเคยอธิบายไปทีนึงแล้ว ขอยกมาเลยละกันนะครับ

คนนี้มันมีหลากหลายปัจจัย ขออธิบายนะครับ
1 แกต้องการเวลาปรับตัวนานกว่าคนอื่น เพราะแน่นอนมาจากลีกยูเครนระดับมันไม่เท่าลาลีกาอยู่แล้ว แล้วมาเจอกับแทคติคของเป็บ สไตล์บาร์ซ่าอีก ยากแน่นอน ซึ่งเป็บแกก็ขอให้บอร์ดเก็บไว้แล้ว ตรงนี้ไปต่อที่ข้อ2

2 ปัญหาการเมือง ระหว่างลาปอตา(ปธ คนเก่า) และโรเซล(ปธ คนใหม่) โรเซลอยากจะขายเพื่อเรียกเสียงซัพพอตจากแฟนๆ เพื่อตอกย้ำว่าเป็นความผิดพลาดของลาปอตา

ตอนย้ายมาบาร์ซ่า อายุน้อยมาก 22-23เอง  


นอกจาก2คนนี้ที่ค่าตัวค่อนข้างแพง ก็ไม่มีคนอื่นที่แพงแล้วครับ ก็จะมี เทพเกอิต้า ปิเก้(ที่ไม่ได้แพงเลย แถมเป็นตัวหลักยาว ยิ่งกว่าคุ้ม)

หรือปีต่อๆมาที่แพงหน่อยก็มี มาสเค(24ล้าน) บีญ่า(30-40) 

แมกเวล, อเฟลาย , อาเดรียโน่, ปินโต พวกนี้ไม่ได้แพงอะไรเลย 

และ อิบรา (จะกล่าวถึงในหัวข้อต่อๆไป)



ความท้าทายแห่งใหม่ ณ Munich

เป็นแชมป์ยากแล้ว รักษามันไว้ยากกว่า นี่คือความท้าทายครั้งใหม่ของเป็บ ที่จะต้องนำเอาสไตล์และฟุตบอลแบบเป็บมาผสมกับฟุตบอลสไตล์เยอรมัน 

การคว้าแชมป์ลีคเร็วที่สุด ทำลายสถิติเลย ต่อยอดโครสที่ยุคปู่จุ้บเล่นดีแล้ว ยุคเป็บฟอร์มโหดเลยทีเดียว ลาห์มที่โลกรู้จักในฐานะวิงแบ็คเวิลด์คลาส แต่เป็บเอามาเล่นได้หลากหลายตำแหน่ง ทั้งมิดฟิลตัวรุก ตัวคุมเกม อลาบา ที่เล่นได้หลากหลายตำแหน่งไม่แพ้กัน บังเต็งที่แต่ก่อนแฟนๆบาเยินบอกเป็นเสียงเดียวกัน 3วันดี4วันไข้ ฟอร์มผีเข้าผีออก เป็บต่อยอดให้เป็นเซ้นเตอร์เบอ1ของบาเยินและเยอรมัน และอีกหนึ่งผลงานอย่างการดึงเจ้าหนูคิมมิช ที่ค่าตัวโคตรถูก(ไม่ถึง10ล้าน) ที่รอวันพัฒนาเพื่อจะก้าวขึ้นมาเป็นตัวแทนของลาห์ม น่าเสียดายที่เป็บไม่อาจคว้าแชมป์หูใหญ่มาให้แฟนๆเชยชมได้ แต่3ปีของเป็บกับบาเยินก็ยังเข้ารอบรองเป็นอย่างต่ำตลอด(เช่นเดียวกับบาร์ซ่า)



Tactic และสไตล์

เริ่มต้นด้วย 4-3-3 คลาสสิคของบาร์ซ่า 3-4-3 และ 3-5-2 ที่ปรับมาใช้แก้เกม

3-5-2 ที่มักจะใช้ตอนครองเกมอย่างเบ็ดเสร็จ

3-4-3 ที่จะเรียกว่าเป็นครั้งแรก ที่ใช้ False 9 ถึง2คน คือเมสซี่และเชส

เกมเพลสซิ่งสุดโหดและ กฎ 6 วินาทีอันโด่งดัง

หรืออย่างตอนคุมบาเยินที่ปีสุดท้าย ที่ในเกมลีก ไม่มี 11คนแรกตอนสตาร์ทเหมือนกันสักเกม


False 9 ลีโอเนล เมสซี่ 
ในยุคของไรจ์การ์ด เมสซี่จะได้เล่นในตำแหน่งปีกอยู่ตลอด และในปีแรกของเป็บก็เช่นกัน เป็บเริ่มปรับให้เมสหุบเข้ามายืนหน้าตัวกลางจริงๆ ในเกม ucl รอบสุดท้ายที่ชิงกับแมนยู และเมสก็ทำได้อย่างดีเยี่ยม จนในที่สุดเมสก็แจ้งเกิดเต็มตัวในฐานะ false9ที่ดีที่สุดตั้งแต่โลกเคยมีมา แน่นอนว่าเป็บไม่ใช่คนแรกที่คิดตำแหน่งนี้ขึ้นมา ตำแหน่งนี้เกิดมาร่วมๆ100ปีแล้ว แต่ไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก เพราะหาคนเล่นได้ยาก กล่าวคือ ผู้เล่นจะต้องมีความสามารถรอบด้าน เข้าใจในแทคติค ต้องเป็นทั้ง กองหน้า และกองกลางในเวลาเดียวกัน สมัยก่อนยังพอมี false9อยู่บ้าง แต่ก็มีน้อยเหลือเกิน และสึ่งหนึ่งที่หลายๆคนชื่นชมเป็บก็คือ เมสซี่ เป็น false9 คนแรกๆที่ตัวเล็กมาก(ในยุคก่อนๆจะมีกองหน้าร่างเล็กกี่คนกันที่ยืนตรงกลาง เพราะส่วนใหญ่ก็มักจะได้เล่นริมเส้น)

Rotation และการปรับตำแหน่ง

ระบบของเป็บนั้นนักเตะจะต้องมีความฟิต เต็ม100 เพราะเวลาบุกก็จะบุกกันทั้งที เพลสก็จะเพลสกันทั้งทีม ทำให้จะต้องใช้นักเตะสลับสับเปลี่ยนกันเรื่อยๆ ทำให้นักเตะหลายๆคนจะได้รับโอกาส รวมทั้งนักเตะเยาวชน เนื่องจากระบบของเป็บนั้นเน้นความเข้าใจมาก่อนความสามารถเฉพาะตัว ถ้าเข้าใจระบบ ต่อให้เล่นได้ไม่ดีเด่แต่ขอแค่ไม่ทำระบบพังก็จะได้รับโอกาส


เรื่องของ Passion

เป็บทำงานด้วย passion เป็นหลัก วันที่เป็บจากลากับบาร์ซ่าก็มีข่าวลือเสียๆหายๆมากมาย
ทั้งทะเลาะกับบอร์ด เอาเมสซี่ไม่อยู่ ซึ่งไม่ใช่เรื่องจริงเลย เป็บได้ให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่าปีสุดท้ายของเค้าที่บาร์ซ่า เมื่อเค้ามองตานักเตะก็รู้ดีว่า passion ที่เคยมีในปีแรกๆนั้นเหือดหายไปเสียแล้ว รวมทั้งอิ่มตัวกับความสำเร็จมากมายที่เป็นประวัติการณ์ นั้นจึงเป็นเหตุผลที่เป็บจะต้องจากบ้านหลังแรกของเค้าไป กับบาเยินเองผมก็คิดว่าคงเป็นสาเหตุเดียวกัน เป็บไม่มีอะไรจะสอนลูกทีมอีกแล้ว นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เค้าจากลา

Perfectionist และความผิดพลาด

เป็บเป็นเพอร์เฟคชั่นนิสคนนึงอย่างแน่นอน จากการแสดงออกด้วยสไตล์การทำทีมที่เน้นการครองเกมเบ็ดเสร็จ

แต่แน่นอนครับ Nobody’s Perfect ทุกคนย่อมเคยผิดพลาดเป็นเรื่องธรรมดา เพราะเป็บเองก็เป็นมนุษย์ปุถุชนเหมือนเราๆท่านๆนั่นแหละ ปีสุดท้ายกับบาร์ซ่า เป็บลองปรับแทคติคหลากหลายรูปแบบ รวมทั้งให้โอกาสดาวรุ่งในแมทใหญ่ๆ แม่กระทั่ง เอลกลาซิโก้!! และแน่นอนว่าหลายๆรายไม่เคยต้องเจอความกดดันแบบนี้มาก่อนจะผิดพลาดก็เป็นเรื่องธรรมดา 

เป็บยอมรับในหนังสือ another way of winning การต่อสัญญาคุมบาร์ซ่าปีที่4เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด เจ้าตัวได้ขอโทษแฟนๆบาร์ซ่าทุกคน แต่หนึ่งในสาเหตุหลักที่เป็บอยากลองอยู่ต่อก็คือ บอร์ดไปซื้อเชส มาให้เป็บได้สำเร็จ(เจ้าตัวอยากได้มานานแล้ว) ปัญหามากมายที่แก้ไม่ตก ปิเก้กับชากีร่า ที่ดูเหมือนสมาธิของเจ้าตัวจะอยู่นอกสนาม เปโดรที่เจ็บออดๆแอดๆ อบิดัลและติโต้กับโรคร้ายอย่างมะเร็ง 

และสุดท้ายเรื่องของ อิบรา เป็บเป็นโค้ชประเภท มีให้ใช้ก็ใช้ เรื่องของอิบรานั้นมันเกิดจากในปี2009 เป็บอยากได้ตัว ดาวิด บีญ่ามาก แต่บาเลนเซียโก่งราคาไปมากพอสมควรจนเกินงบที่บาร์ซ่าจะซื้อให้ได้(การเงินสโมสรตอนนั้นไม่ค่อยดีนัก) ประจวบเหมาะกับใกล้ปีการเลือกตั้งบอร์ดบริหารชุดใหม่ ทำให้ ลาปอต้ามองว่า ไหนๆบีญ่าก็แพงขนาดนั้น สู่ไปซื้ออิบราที่แพงกว่าระดับนึงแต่โหดๆแถมดังกว่าบีญ่าเยอะไปเลยไม่ดีกว่าหรอ ดีลบ้าเลือด แถมยังเสียเงินยับเยินที่สุดในประวัติศาสตร์ที่สุดจึงเกิดขึ้นด้วยการจ่ายค่าตัวกว่า 50ล้านบวกกับ แถมเอโต้ไปให้กับอินเตออีก และผลก็อย่างที่เห็น อิบราไม่สามารถปรับตัวกับระบบของบาร์ซ่าได้ สุดท้ายบาร์ซ่าเสียหายจากดีลนี้เฉียดๆร้อยล้านเลยทีเดียว แถมยังมีดราม่าระหว่างอิบรากับเป็บเป็นของแถมอีก แหมคุ้มจริงๆ

Manchester City บ้านหลังใหม่ 

ตอนที่ประกาศข่าวเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการ ผมแอบตกใจนิดๆเนื่องจากเป็บเซ็น3ปีรวด ซึ่งปกติเป็บมักจะเซ็นแค่ปีต่อปี แสดงให้เห็นว่าท่านชีคน่าจะให้เวลาเป็บพอสมควร

ประเด็นหลักจากที่ผมฟังสัมภาษณ์ของเป็บกับแมนซิได้ก็คือ 1 อยากทำให้แฟนๆภูมิใจ 2 อยากพิสูจน์ตัวเอง และ 3 เป็บมาเพื่อเรียนรู้

ทั้งกับบาร์ซ่าและบาเยิน เป็บไม่เคยบอกเลยว่าผมจะการันตีแชมป์ กวาดถ้วยให้คุณได้แน่ๆ สอดคล้องกับการเป็นคนถ่อมตัวและให้เกียรติผู้อื่น

1. อยากทำให้แฟนๆภูมิใจ >> ในสไตล์การเล่นอันสวยงาม เอนเตอร์เทนคนดู บุกไม่ยั้ง

2. อยากพิสูจน์ตัวเอง >> ว่าเจ้าตัวจะรับมือกับพรีเมียลีกได้มั้ย จะผสมสไตล์ของเจ้าตัวลงไปในทีมแล้วออกมาดีหรือเปล่า

3 มาเพื่อเรียนรู้ โควท "ผมมาที่นี่เพื่อเรียนรู้ ไม่เช่นนั้นผมก็ยังคงอยู่บาร์เซโลน่า"



ผมเองก็ไม่ได้ตามเชียร์ทีมใดทีมนึงในพรีเมียลีกร์ แต่พอเป็บมาคุมแมนซิก็คงช่วยเชียอีกแรงครับหวังว่าจะมีความสุขและได้เกร็ดความรู้ใหม่ๆนะครับ(พึ่งเคยเขียนกระทู้ยาวๆครั้งแรก)