ประมาณเดือนที่แล้วผมเคยเขียนถึง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พร้อมกับการสรรเสริญเยินยอว่า พวกเขาเป็นทีมที่แข็งแกร่งที่สุดทีมนึงใน พรีเมียร์ลีก ไปแล้ว เสียหมาครับ บอกตรงๆเลยว่า เสียหมาจริงๆ
หลังจากที่ได้มีโอกาสนั่งชมเกมระหว่าง "เรือใบสีฟ้า" บุกไปเยือน นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด แบบเต็มๆ เมื่อคืน (วันจันทร์ที่ 20 ต.ค.) ที่ผ่านมา พูดได้เลยครับว่า แย่จริงๆ แย่มากๆ เพราะ เรือใบ เล่นได้ติ๋มสุดๆ และเชื่อว่า แฟนๆ เรือใบ ก็คงเชียร์ทีมรักด้วยอารมณ์เซ็งเป็ดยังไงชอบกลเหมือนกัน
นี่ถ้าไม่ได้นักเตะที่ชื่อว่า สตีเฟ่น ไอร์แลนด์ ที่ดูเหมือนจะเล่นฟุตบอลเป็นอยู่คนเดียวเมื่อคืนนี้ มาสวมบทฮีโร่ทำประตูตีเสมอเป็น 2-2 ในช่วงท้ายเกมล่ะก็ ซิตี้ อาจจะได้แพ้เป็นนัดที่ 5 ของฤดูกาลไปแล้วก็เป็นได้
เกมนี้ "แมนซิ" ได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจากจังหวะจุดโทษของ โรบินโญ่ ซึ่งพอมาดูทีหลังแล้วจะเห็นได้ชัดเลยว่า อาบิ๊บ เบย์ เสียบโดนบอลก่อนจริงๆ แถมมันก็ไม่ควรจะรุนแรงถึงขนาดเป็นใบแดงด้วย แต่ ร็อบ สไตล์ กรรมกร เอ้ย กรรมการจอมอื้อฉาว ก็ดันฟักใบแดงออกจากกระเป๋าเสื้อไล่ เบย์ ออกไปนอนพักตั้งแต่นาทีที่ 12
บรรดา "ทูนส์อาร์มี่" ในสนาม โห่กันตรึมครับ แล้วเสียงโห่ก็เหมือนจะได้ผลด้วย เมื่อสถานการณ์ของ "เรือใบสีฟ้า" มันแย่ลงเรื่อยๆ เริ่มตั้งแต่มันทำให้พวกเขาครองบอลกันอย่างสะเปะสะปะ แถม โช หัวหอกตัวเป้าทีมชาติบราซิล ก็ดันเล่นไม่ออก หายจ้อยไปจากเกมซะอย่างงั้น แล้ว 10 ตัว ของ นิวคาสเซิ่ล ก็มาแซงนำเป็น 2-1 จนได้ จากความผิดพลาดเต็มๆของกัปตันทีมอย่าง ริชาร์ด ดันน์
ริชาร์ด ดันน์ เรียกว่าฟอร์มใช้ได้ทีเดียวในเกมนี้ (อันนี้ประชด) จังหวะที่เสียประตูแรกเขาสกัดบอลพลาดไปกระเด้งเพื่อนร่วมทีมก่อนจะกระดอนมาเข้าทาง โชล่า อเมโอบี้ ซัดจ่อๆเข้าไป ส่วนลูกที่ 2 นี่เต็มๆเลยครับ นิวคาสเซิ่ล เปิดลูกเตะมุมเข้ามา แล้วก็เป็น ดันน์ ที่สวมวิญญาณกองหน้ายิงเข้าสามเหลี่ยมประตูตัวเองไปอย่างสวยงาม
ย้อนกลับไปตอนจังหวะที่ ซิตี้ มีผู้เล่นมากกว่า นิวคาสเซิ่ล 1 คน ตอนนั้นแฟนๆคงได้จินตนาการวาดภาพกันอย่างเมามันส์แล้วว่า ทีมของพวกเขาคงจะเปิดเกมรุกเข้าใส่คู่แข่งแบบไม่ยั้ง เพื่อเอาประตูที่ 2 แน่ แต่แล้วมันก็ไม่เป็นอย่างนั้น
แต่สิ่งที่มันขัดลูกหูลูกตาแฟนๆ แมนฯ ซิตี้ฯ มากที่สุดก็คือเรื่องที่ทำไม มาร์ค ฮิวจ์ส กุนซือเลือดมังกร ถึงไม่ยอมส่ง เอลาโน่ เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติบราซิลอีกคน ลงสนามมานี่แหละ
เชื่อเถอะ ถ้า เรือใบ ยังเล่นด้วยฟอร์มติ๋มๆต่อไปอย่างนี้ การที่จะไปติดกลุ่มท็อปโฟร์ ก็ไม่ต้องคิดให้เปลืองรอยหยักสมองกันหรอกครับ เอาให้มาอยู่ครึ่งบนของตารางให้ได้ก่อนดีกว่า และถ้ายังจะมาอ้างว่าเล่นนอกบ้านไม่ดี มันก็ไม่ใช่เรื่อง เพราะการที่จะเป็นทีมที่สุดยอดได้นั้น มันต้องชนะให้ได้ทั้งในบ้านและนอกบ้าน
เจาะข่าวฮอต : สยามสปอร์ต