Members

“8 ต่อ 1”, อาจฟังดูเหมือน วิบากกรรม ณ ตลาดมีนบุรี ของ “น้องเกรียน”(ซึ่งหวังว่าคงไม่ใช่น้อง มาร์ค คนรักปลา) ผู้ซึ่งมีบุคคลิก "ดึงดูดบาทา" เหล่าบรรดา “เด็กช่าง” ละแวกดังกล่าว ว่าแล้วก็ผลัดกันเข้ามา มะรุมมะตุ้ม ประทับตรารองเท้าให้เป็น ของกำนัล ตามคอนเซ็บ “ของฝาก จากเมืองมีนฯ” กันสักหน่อยเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเที่ยว

ที่มาที่ไปของ รหัสลับ 8 ต่อ 1 หาใช่ เหตุการณ์สุดประทับใจที่บังเกิดขึ้นกับ “น้องเกรียน” คนที่ว่านี้ไม่ แม้หากพิจารณาจากเค้าโครงเรื่อง ซึ่งน่าจะมีแนวโน้มความเป็นไปได้ มากกว่า การออกมาเฉลยในภายหลังว่า “ 8 ต่อ 1 น่ะ จริงๆแล้ว มันคือผลการแข่งขันฟุตบอลคร้าบบ”

ผลการแข่งขันฟุตบอล “บนมาตรฐานระดับสูง” อย่าง พรีเมียร์ ลีก ของ 2 ทีม ที่มีชื่อชั้นในระดับใกล้เคียงกันอย่าง มิดเดิ้ลสโบร์ และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เสียด้วย แต่ไฉน บทสรุปสุดท้าย กลับกลายเป็นทีมเจ้าบ้าน “ไล่ถล่ม” อยู่เพียงฝ่ายเดียวซะได้...

“เดอะ โบโร่” มีดีถึงเพียงนั้นเชียวหรือ???


เรียนด้วยความสัจจริงว่า ผมไม่ได้อยู่ดูเกมในค่ำคืนดังกล่าว ซึ่งพอมาติดตามข่าวภายหลังถึงได้ร้อง อ๋ออ... เมื่อภาพไฮไลท์บนจอปรากฏให้เห็น ถึงเหตุการณ์ที่ ริชาร์ด ดันน์ วิ่งตีคู่ไปกับ ตุนคาย ซานลิ ก่อนออกอาการ ทะเล่อทะล่า วิ่งสะดุดขาตัวเอง พลันเห็นศูนย์หน้าฝั่งตรงข้าม เป็นที่พักพิงกาย( หรือไงไม่ทราบ ) จึงปรี่เข้าไปเหนี่ยวเอว ดาวยิงตุรกี ให้ล้มคว่ำลงในเขตโทษมันซะอย่างนั้น แน่นอนครับ ผู้ตัดสินเป่าให้เป็น ลูกจุดโทษ ของทีมเจ้าถิ่น อย่างไม่ต้องคิดอะไรมาก ส่วนบทลงโทษสำหรับกองหลังกัปตันทีม “เรือใบ” นั้น คือ การถูกใบแดง( โพรเฟชชั่นนัล ฟาล์ว )ไล่ออกจากสนามในทันที...( โถ )

เสียประตูเร็ว และ เหลือผู้เล่นเพียงแค่ 10 คน ตั้งแต่นาทีที่ 16 ของการแข่งขัน สถานการณ์บีบบังคับให้ต้องเปิดเกมเข้าแลกเพื่อหวังทวงประตูคืน ซึ่งก็ทำได้ดีที่สุดเพียงแค่หนึ่งประตูปลอบใจจาก เอลาโน่ นั่นล่ะครับ( ณ นาทีนั้น โบโร่ ยิงไปซะ 7 ลูกแล้ว!!! ) ก่อนที่ อฟอนโซ่ อัลเวส จะมายิงปิดกล่องในช่วงท้ายเกม เป็นการทำแฮตทริคแรกให้กับต้นสังกัดใหม่ได้สำเร็จ เบ็ตเสร็จ นับสกอร์รวมกันได้ที่ “8 – 1”...

ผลการแข่งขัน “สุดอัปยศ” นัดดังกล่าวกลายเป็น “ฟางเส้นสุดท้าย” ของ อดีตประธานสโมสร พตท.ดร. ทักษิณ ชินวัตร ที่ตัดสินใจยุติความสัมพันธ์กับ สเวน โกรัน อีริคสัน เพียงแค่ ปีแรกของการทำงาน หลังจากประเมินผลในช่วงครึ่งฤดูกาลหลังของ กุนซือชาวสวิดิช แล้วว่า “ไม่ดีพอ” ที่จะประสบความสำเร็จตามนโยบาย “บันได 3 ขั้น” ที่ได้วางเอาไว้ก่อนหน้า เป็นเหตุให้ “สเวนนิส” จำต้องหลีกทางให้กับกุนซือ หนุ่มใหญ่ ไฟแรง อย่าง “มาร์ค ฮิวจ์” เข้ามาทำหน้าที่แทนจนกระทั่งทุกวันนี้...

ซึ่งถ้าหากนายใหญ่ ชาวเวลส์ ทำผลงานได้เป็นที่น่าประทับใจในแมตช์กลางสัปดาห์ ความดีความชอบหนนี้คงติดตราตรึงใจแฟนๆ ชาว “CITID” ไปอีกพักใหญ่ๆเลยทีเดียวนะครับ ในทางกลับกัน หากผลลัพท์ที่ได้ คือการออกนอกบ้านไปถูก “เดอะ โบโร่” ย้ำแผลเก่าได้อีกรอบ ชัยชนะเหนือทีมที่ “อ่อนชั้นกว่ากันสุดกู่” อย่าง สโต๊ค ซิตี้ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาคงไร้ความหมายไปในทันที...

“เดอะ ซิติเซ่นส์” จะออกไปเยือนถิ่น ริเวอร์ไซด์ สเตเดียม โดยปราศจากผู้เล่นตัวหลักอย่าง โช อัลเวส( ต่อม ทอมซิน อักเสบ) ริชาร์ด ดันน์( คับอก คับใจ อาจต้องผายปอด ฮิๆ ) และ พาโบล ซาบาเร็ตต้า( บอยแบนด์ระยะสุดท้าย ) ส่วนในรายของ เช็ด เอแวนส์ ดาวยิงวัยรุ่น ที่มีปัญหาบาดเจ็บ หัวเข่า จากเกมล่าสุด น่าจะกลับมาฟิตสมบูรญ์ และมีชื่ออยู่ในโผ 11 ตัวจริงของ มาร์ค ฮิวจ์ ตามเดิม ในขณะที่ เบนจานี่ เอ็มวารูวารี แม้จะสลัดอาการบาดเจ็บกลับมาลงซ้อมได้แล้ว แต่คาดว่าน่าจะยังไม่พร้อมสำหรับแมตช์การแข่งขัน( อย่างเป็นทางการ) โดย อดีต ดาวยิง พอร์ตสมัธ จะเรียกความฟิตกับการลงเล่นในทีมสำรองไปก่อน

ฟอร์มโดยรวมจากนัดล่าสุดของ “ซิตี้” กับการ เปิดบ้าน “ทุบหม้อ” ไปนิ่มๆ 3-0 นอกเหนือจาก แฮตทริค ของ โรบิญโย่ และการเติมเต็มในตำแหน่งศูนย์หน้า ของ แดเนียล สเตอริดจ์ แล้ว รายละเอียดส่วนอื่นๆ แทบไม่มีอะไรให้ต้องพูดถึงมากนัก ไม่ใช่ว่าเล่นไม่ดีนะครับ แต่ถ้าหากจะพูดถึงมาตรฐานที่แตกต่างกันระหว่างทั้ง 2 ทีมแล้ว การยิงได้ 3 ประตูในบ้าน ใส่ทีมอย่าง สโต๊ค ซิตี้ ถือเป็นผลการแข่งขันตามคาด...ซึ่งก็ควรจะเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว( แต่ก็ยังอุตส่ามีบางทีมที่ทำได้แค่เสมอในบ้านนะก๊ะ... ใบ้ให้นิดนึงว่า เวลานี้เป็น จ่าฝูง ฮิๆๆ... ก็แซวกันไปตามเรื่องนะครับ)

อย่างไรก็ดี ชัยชนะหนแรกในรอบ 4 เกมส์ น่าจะส่งผลดีต่อสภาพจิตใจของนักเตะ ซิตี้ ได้พอสมควร โดยเฉพาะ โรบิญโย่ ที่แปรเปลี่ยนโอกาสยิงจะๆ 5 ครั้ง ให้เป็น 3 ประตูคุณภาพได้อย่างน่าดูชม

ในขณะที่ ซิตี้ ทำท่าว่า กำลังไปได้สวยนั้น... “เดอะ โบโร่” ของ แกเร็ต เซาท์เกต กลับ ไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดีสักเท่าไหร่ เมื่อปีกตัวกลั่นของทีมอย่าง สจ๊วต ดาวน์นิ่ง และ อฟอนโซ่ อัลเวส ดาวยิง บราซิลเลี่ยน ต่างประสบปัญหา “ฟอร์มฝืด” หนืดไปตามๆกัน โดยมิได้นัดหมาย

แม้นักเตะ กำลังหลัก บางรายอาจไม่อยู่ในฟอร์มที่ดี แต่ มิดเดิลสโบร์ ก็ยังเป็นทีมที่มีเกมบุกหลากหลาย และ สามารถกดดันคู่แข่งได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งในรายของ ปีกขวาความเร็วจัด อย่าง เชเรมี่ อาลิยาดิแอร์ , กองหน้าเชิงสูง อย่าง ตุนคาย ซานลี่ ( ซึ่งน่าจะพร้อมสำหรับเกมนี้ ) หรือจะเป็นการผ่านบอลของ ฮูลิโอ อาร์กา และ ลูกยิงจากแถวสองของ แกรี่ โอนีลล์ บวกกับความได้เปรียบจากการเล่นในบ้าน ลูกทีมของอดีตปราการหลัง แอสตัน วิลล่า น่าจะมีทีเด็ดมานำเสนอแก่ผู้มาเยือน ให้ได้ ปวดเศียร เวียนเกล้า กันตลอด 90 นาทีเป็นแน่...

น่าสนใจว่าบรรดานักเตะที่โชว์ฟอร์มกันได้เป็นอย่างดีในนัดล่าสุด โดยฉพาะ ดาวโรจน์อย่าง สเตอร์ริดจ์ จะทำผลงานได้ดีเพียงใด เมื่อต้องมาพบกับ “บททดสอบนอกบ้าน” ที่หนักหนาเอาการอย่าง “เดอะ โบโร่”

ด้วยความเคารพ (ของผมเอง) ที่มีต่อทีมเจ้าถิ่นเป็นทุนเดิม บวกกับ ความทรงจำ (อันสุดแสนจะเลวร้าย) จากเกม “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” เมื่อปลายฤดูกาลก่อน การบุกไปล้วง 1 คะแนน จาก “ถ้ำสิงห์แดง” ควรจะเป็นเรื่องน่ายินดีเสียด้วยซ้ำไป...

ลงเอยด้วยการแบ่งแต้ม อาจเป็นเรื่องน่าพอใจ ในแง่ของผลการแข่งขัน

แต่กับสกอร์ 8-1 ซึ่งถือเป็น “ตราบาปในใจ” ของแฟน ซิตี้ นั้น จะลบล้างได้ก็ต่อเมื่อทีม “เรือใบสีฟ้า” ไล่ขยี้ “สิงห์แดง” ให้เละเทะคาถิ่นเท่านั้นละครับ จึงจะสาสม...


River.


ปล. บทความบทนี้ อาจดูงงๆไปบ้าง(รึเปล่า) เนื่องจากเวลาเตรียมตัวน้อยจริงๆ ครับ(เพราะเตะกันถี่มั่กม๊ากกกก)
ขอบคุณหลายๆท่านที่เข้ามาเป็นกำลังใจให้เสมอๆ ครับ ^^

Views: 200

Reply to This

Replies to This Discussion

คุณตา อย่าหลอกให้ จขกท ดีใจดิ
อ่านไม่รู้เรื่องก็บอกไปเลย 5555
เป็นบทความที่สุดยอดมั่กมากคะ (ชมกันเข้าไป...ฮิฮิ)

ว่าแต่น้องมาร์คมาเกี่ยวรายด้วยนิ หรือว่าริเวอร์ติดจายยยยย o_O

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.