สัปดาห์ที่ผ่านมา มานูเอล เปเญกรินี่กุนซือทีม "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ซิตี้ สามารถชูแชมป์แคปิตอล วัน คัพ เป็นการสัมผัสแชมป์แรกในการคุมทีมที่เกาะอังกฤษ หลังโลดแล่นในวงการฟุตบอลในทวีปอเมริกาใต้และทวีปยุโรปมายาวนาน
นัดชิงชนะเลิศรายการแคปิตอล วัน คัพ ที่เวมบลีย์ แมนฯซิตี้เริ่มต้นเกมไม่ค่อยดีนัก และโดนฟาบิโอ โบรินี่ หัวหอกอิตาเลียนเซอร์ไพรส์ ยิงให้ซันเดอร์แลนด์ออกนำไปก่อน ครึ่งหลังทีมของเปเญกรินี่ เขียนบทการแข่งชิงแชมป์แรกในอังกฤษ พลิกกลับไปอีก
ด้านหนึ่ง ยาย่า ตูเร่ และ ซามีร์ นาสรี่ สองกำลังหลักของแมนฯซิตี้ในฤดูกาลนี้ ยิงประตูสุดสวยพลิกสถานการณ์นำ 2-1 แสดงให้เห็นว่าทีมระดับเรือใบสีฟ้า
ไม่ยอมปลิวหายไปกับสายลมง่าย ๆ ก่อนที่จะเป็น เยซุส นาบาส ยิงประตูปิดท้ายให้แมนฯซิตี้ เอาชนะได้ 3-1 คว้าแชมป์ลีกคัพ สมัยที่ 3 ของสโมสรได้สำเร็จ
แชมป์รายการนี้นอกจากจะเป็นแชมป์รายการแรกของ มานูเอล เปเญกรินี่ ในการคุมทีมแรกในอังกฤษ และเป็นแชมป์กับทีมใหญ่ระดับแถวหน้าของยุโรปในยุคฟุตบอลสมัยใหม่ ถ้าตัดฟอร์มการเล่นในช่วงครึ่งแรกออก แมนฯซิตี้แสดงให้เห็นว่า การทุ่มเทและลงทุนมหาศาลเพื่อแลกกับส่วนผสมพิเศษซึ่งทีมอื่นไม่มีนั้น เป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากกว่าที่หลายคนแสดงความคิดเห็นมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา
แมนฯซิตี้ถูกแฟนบอลตั้งคำถามมากมาย หลังการจากไปของ โรแบร์โต้ มันชินี่ กุนซือชาวอิตาลี ที่พาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ครั้งแรกในรอบกว่า 40 ปีไปเมื่อ 2 ฤดูกาลก่อนหน้านี้ โดยปีนี้เป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่เรือใบสีฟ้าทุ่มงบฯกว่า 100 ล้านปอนด์ เป็นทีมที่ใช้งบฯเสริมทีมมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ในพรีเมียร์ลีก
ฤดูกาล 2013-14 ตามหลังเชลซี และท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ส หลังเริ่มต้นฤดูกาลด้วยฟอร์มเครื่องติดบ้าง ดับบ้าง เป็นบางเวลา เรือใบสีฟ้ายิ่งโดนสบประมาทว่า มานูเอล เปเญกรินี่ กุนซือชาวชิลี คงไม่สามารถพาทีมใหญ่ประสบความสำเร็จอีกเป็นแน่
ผลงานช่วงต้นฤดูกาลของแมนฯซิตี้ไม่สม่ำเสมอนัก แม้นักเตะหลายคนโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ความผิดพลาดเล็กน้อยทำให้อันดับคะแนนในลีกของเรือใบสีฟ้าหล่นไปไม่น้อย แต่หลังเริ่มตั้งตัวได้ เรือใบสีฟ้ากลับมาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม มานูเอล เปเญกรินี่ ผสมผสานการเล่นฟุตบอลที่เน้นเกมรุกแบบดุดันเข้ากับฟุตบอลอังกฤษได้น่าสนใจ ทำให้แมนฯซิตี้เป็นหนึ่งในทีมที่ผลิตสกอร์ได้มากที่สุดในยุโรป โดยเฉพาะการเล่นในบ้านด้วยฟอร์มที่น่าเกรงขาม เรือใบสีฟ้าซัลโวไปแล้ว 75 ประตู จากการลงเล่นในสนามของตัวเอง 22 นัดรวมทุกรายการ ทีมร่วมลีกระดับหัวตารางไปจนถึงกลางตารางที่มาเล่นในสนามเอทิฮัด อย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, อาร์เซนอล, ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ส และนิวคาสเซิล ต่างโดนถล่มกันมาแล้วถ้วนหน้า
และปีนี้ แมนฯซิตี้แสดงให้เห็นอีกครั้งว่า พวกเขายังเป็นทีมที่อันตรายทุกนาทีในสนามและระบบทีมยังพัฒนาขึ้นเมื่อเทียบกับยุคของมาร์ค ฮิวจ์ส รวมถึงโรแบร์โต้ มันชินี่ เชื่อว่าพัฒนาการของระบบทีมนอกจากจะยกระดับขึ้นตามกาลเวลาหลังจากที่ทีมรวบรวมผู้เล่นฝีเท้าเยี่ยมจากทั่วโลก ซึ่งจุดนี้เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้แมนฯซิตี้โชว์ฟอร์มได้รื่นหูรื่นตาสำหรับแฟนบอลมากขึ้น แต่ปัจจัยสำคัญที่ทำให้แมนฯซิตี้ประสบความสำเร็จมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ยังมาจากฝีเท้าของนักเตะระดับ "เวิลด์คลาส"
ลูกยิงของยาย่า ตูเร่ และซามีร์ นาสรี่ เป็นเครื่องพิสูจน์คลาสและส่วนผสมที่ยอดเยี่ยมของทีมได้เป็นอย่างดี ทีมที่ยอดเยี่ยมนอกจากจะมาจากสมองของหัวเรือใหญ่ตั้งแต่ผู้บริหารมาจนถึงกุนซือ ผู้จัดการสโมสร
รวมถึงปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ อีกมากมาย อย่างไรก็ตาม ผู้ที่จะจารึกตัดสินผลแพ้-ชนะ และความสำเร็จในสนามยังเป็น 11 ผู้เล่นในสนามอยู่ดี
ฟุตบอลสมัยใหม่เป็นเรื่องของอำนาจและกึ๋นในระบบการจัดการทั้งในและนอกสนาม แต่ต้องยอมรับว่าสิ่งที่ชี้เป็น-ตายกับผลการแข่งมากกว่าครึ่งมาจากความสามารถเฉพาะตัวของผู้เล่น และนี่คือหนึ่งในเหตุผลที่แมนฯซิตี้ต้องทุ่มงบฯมหาศาล และสามารถประสบความสำเร็จในระยะเวลาสั้น ๆ เมื่อเทียบกับทีมอื่น
ถึงแม้แมนฯซิตี้จะสัมผัสแชมป์อย่างต่อเนื่อง แต่คุณภาพของทีมในยุคของมหาเศรษฐีจากตะวันออกกลางถูกวิจารณ์และถูกท้าทายจากแฟนบอลทั่วยุโรป
เรือใบสีฟ้าคว้าแชมป์ฟุตบอลชิงถ้วยสำหรับรายการในประเทศอย่างต่อเนื่อง แต่บทพิสูจน์กับยอดทีมยุโรปกลับพบกับความล้มเหลวในช่วง 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา ทั้งตกรอบแบ่งกลุ่ม
ส่วนปีนี้ก็มีแววโดนบาร์เซโลนาเขี่ยตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย หลังนัดแรกแพ้ก่อน 0-2 และเวลาที่พวกเขาขาดนักเตะตัวเก่ง 1-2 คน ก็เป๋ไม่แพ้ทีมอื่น
จุดนี้แสดงให้เห็นว่าแม้ขีดความสามารถของนักเตะจะช่วยไขว่คว้าความสำเร็จได้จริง แต่การยืนระยะและบันไดสู่ความสำเร็จในขั้นที่เหนือไปกว่าที่ผ่านมา ไม่อาจขาดระบบทีมและการวางรากฐานอย่างมั่นคง ซึ่งถ้ามานูเอล เปเญกรินี่ รักษาตัวรอดได้นานพอ แมนฯซิตี้อาจมีวันที่สำเร็จแบบนั้นก็เป็นได้
____________________________
Cr.www.prachachat.
Tags:
ถึงแน่นอนครับ ถึงรากฐานและประสบการณ์ในยุโรปเราจะยังไม่แน่นพอ แต่ก้อยังดูดีมีอนาคต เชื่อครับว่า แชมป์ UCL อยู่ไม่ไกลเกินฝันแน่นอน รวมทั้งแชมป์พรีเมียร์ลีกด้วย
แค่หลังแน่นๆก็รอดแล้วครับ ทีมเราส่วนอื่นใช้ได้แต่หลังนี่อ่อนตลอดมา
แค่นี้ก็ดีแล้วครับ ถึงแม้ว่าจะอยากให้ชนะทุกแชมป์ แต่ถ้าได้ถ้วยมิกกี้ถ้วยเดียวก็ไม่เสียใจ
..เปเญจะนำทีมถึงฝันหรือไม่ก็แล้วแต่โชคชะตา..
..แต่มันโช่นำทีมถึงฝันมาแล้ว ฉีกประวัติศาสตร์รอบ 35 ปี คว้าแชมป์เอฟเอคัพ..
..ตามด้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกที่ต้องรอคอยถึง 44 ปี..
..สร้างวีรกรรมขนาดนั้นยังเจอชะตากรรมต้องระหกระเหินไปจากสโมสร..
..เส้นทางของเปเญเริ่มต้นดีแล้วที่คว้าถ้วยลีกคัพใบเล็กมาตุนไว้..
..แต่ถ้วยที่สำคัญกว่านั้นหนึ่งถ้วยคิอเอฟเอคัพทำเ้จ๊งไปแล้วแบบที่มันโช่เคยทำครั้งก่อนหน้านั้น..
..เหลืออีกหนึ่งถ้วยคือพรีเมียร์ลีกก็ยัง 50-50 % ส่วนถ้วยยุโรปคงโกงความตายไม่ไหว..
..ก็เป็นเรื่องของโชคชะตา และชะตากรรมของทีม ยังไงก็ต้องเชียร์ให้สู้จนถึงที่สุด !!
ด้วยศักยภาพพร้อมอยู่แล้ว ขาดแต่ประสบการณ์จริงๆ
จะต้องฝันทำไม? !!...
เพราะฝันอาจจะลมๆ แล้งๆ แต่ "เรือใบสีฟ้า" ทำจริงมีเป้าหมายที่ชัดเจนและจะต้องทำให้ได้เท่านั้นเอง...
UCL นั้นดูว่าเลือนลางนะครับ คงไม่อยากจะหวังแล้วหละ.. EPL ก็ยังหวังได้ไม่เต็มที่ต้องลุ้นเกมที่เหลือเกมต่อเกม แต่ละเกมคงหืดจับแน่ ถ้าเทียบผลงานและการลงทุนระหว่างยุค มันโช่ กับยุคของเปเญแล้วผมมองว่ามันโช่น่าจะดีกว่านะ ถ้าเปเญทำได้แค่นี้และหลุดแชมป์ EPLแล้วละก็ผมถือว่าล้มเหลวนะ
© 2024 Created by thaiMCFC. Powered by