เรือใบมีเรื่อง‘ตื่นเต้น‘กว่าลุ้นแชมป์
ฟุตบอล : น่าจะ "เรียบร้อย" 99.99% กับตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้หลัง แมนฯซิตี้ เปิดบ้านถล่ม แอสตัน วิลล่า หมดรูป 4-0
เรียกได้ว่าไม่มี "ปาฏิหาริย์" ใดๆ เพราะวิลล่าของ พอล แลมเบิร์ต เดินทางมาเอติฮัด สเตเดี้ยม ด้วยสถานะที่ "รอดตกชั้น" 100% แล้ว
ดังนั้น แรงจูงใจต่างๆ จึงไม่มี ต่างจาก แมนฯซิตี้ ของมานูเอล เปเญกรินี่ ที่ "เก็บพลัง" ไว้ปล่อยของได้ถูกจังหวะ ถูกที่ และถูกเวลา
พร้อมกับยิง "ประตู 100" ได้ก่อนลิเวอร์พูลที่ "สารภาพบาป" ไปตั้งแต่เกมเสมอคริสตัล พาเลซ 3-3
เวสต์แฮม จะบุกมาชนะแมนฯซิตี้ ในนัดสุดท้าย 11 พ.ค.ได้หรือไม่?
โอกาสแทบเป็น "ศูนย์" ดังนั้น ซิตี้จึงเตรียมฉลองแชมป์ได้เลยในนัดสุดท้ายของฤดูกาลที่ตอนแรกทำท่าจะ "ตื่นเต้น" เร้าใจที่สุดในประวัติศาสตร์
เพราะตอนนั้น "แชมป์" มีลุ้น 3 ทีม, อาร์เซนอล บี้อันดับ 4 อยู่กับเอฟเวอร์ตัน และท้ายตารางก็บี้กันสุดมันส์
อย่างไรก็ดี หลังผลการแข่งขันของทีมหัวตาราง "เข้าทาง" ทีมเรือใบสีฟ้า และเอฟเวอร์ตันมาแผ่ว พร้อมๆ กับการกลับมาของ อารอน แรมซี่ย์ และอาร์เซนอล
ส่วนกลุ่มหนีตายก็ "พร้อมใจ" กันฝืด ฉะนั้นทุกการลุ้นจึง "จบข่าว" และไม่เหลืออะไรในกอไผ่เลยสำหรับ"ไฟนอลเดย์" วันที่ 11 พ.ค. เพราะคาร์ดิฟฟ์, ฟูแล่ม และนอริช ตกชั้นแล้ว
จะมียกเว้นบ้างก็ที่ "อันดับ 6" ระหว่างสเปอร์ส และแมนฯยูฯ
หากไก่แพ้วิลล่าในบ้าน และปิศาจแดงบุกชนะเซาแธมป์ตัน เมื่อนั้นยอดทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์จะได้เตะ "ยูโรป้า ลีก" แทนสเปอร์ส
นี่คือ เหตุผลที่ผมบอกครับว่า ทำไมนัดสุดท้ายซีซั่นนี้กลายจาก "ตื่นเต้น" เป็น "ฝืด" เอามากๆ
ดังนั้น หากจะหาเรื่อง "ตื่นเต้น" เข้าตัว ผมชอบประเด็นที่ "ลูกแม่กิ่ง" โปรยไว้เมื่อวานนี้ว่า แมนฯซิตี้ ตกเป็น "จำเลย" 1 ใน 9 สโมสร "สุ่มเสี่ยง" สูงจะโดนลงโทษจากกฎ Financial Fair Play (FFP - ทั้งหมดมี 76 สโมสร ถูกตรวจสอบ) ว่าจะมีสิทธิโดนโทษทัณฑ์ต่อไปนี้ครับ:
1.ปรับสูงสุดถึง 60 ล้านยูโร (50 ล้านปอนด์ หรือกว่า2,500 ล้านบาท) โดยจะสามารถแบ่งชำระในระยะเวลา 3 ปี ปีละ 20 ล้านยูโร
2.ถูกตัดโควตานักฟุตบอลที่ สามารถลงทะเบียนแข่งขันฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก) จาก 25 คนเหลือเพียงแค่ 21 คนโดย 8 คนในนั้นต้องเป็นนักเตะท้องถิ่นตามกฎ Homegrown
3.จะถูกจำกัดเพดานค่าเหนื่อยภายในทีมอีกด้วย
ทุกข้อข้างต้นจะส่ง "ผลกระทบ" อย่างแรงต่อแนวทางการทำทีม สร้างทีม และสุดท้ายก็คือ "ความสำเร็จ" ของทีมที่มีปัจจัยพื้นฐานมาจาก 3 ข้อข้างต้น
เฉพาะอย่างยิ่งทีมเรือใบสีฟ้าที่ก่อนหน้าจะกลายเป็นทีมที่ "ยิ่งใหญ่" ประสบความสำเร็จ และมีชื่อ "ติดหู" แฟนบอลทั่วโลกขนาดนี้
พวกเค้าไม่มี ประวัติศาสตร์ หรือปัจจุบันที่ "ดึงดูด" ซูเปอร์สตาร์นักเตะ อย่าง ยาย่า ตูเร่, กุน อเกวโร่, แฟร์นันดินโญ่, ปาโบล ซาบาเลต้า หรือดาวดังในอดีต เช่น โรบินโญ่ มาร่วมทีมได้เลย
หากไม่ใช่เพราะ "ทุ่มเงิน" ค่าเหนื่อยที่สูงกว่า สโมสรชั้นนำอื่นๆ มอบให้
ตัวเลขขาดทุนสูงถึง 149ล้านปอนด์ในช่วง 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา (2011-12 และ 2012-13) สูงกว่า กฎ 45 ล้านยูโรต่อ 2 ฤดูกาล ดูเหมือนจะ "ถูกกลบ" ไม่หมดจากเงินสนับสนุนของเหล่าสปอนเซอร์
เพราะอะไร?
เพราะที่มาที่ไปของเงิน เสมือนเล่นแร่แปรธาตุ และโยกกระเป๋าซ้าย ไปกระเป๋าขวา เช่น "ชื่อสนาม" เอติฮัด สเตเดี้ยม หลายร้อยล้านยูโร ไม่นับข้อยกเว้น เหมือนคนจ่ายภาษีบ้านเราที่จะมีพวก ซื้อกองทุนรวม, ประกันชีวิต, ภาษีบ้าน ไว้ "ลดหย่อน"
ซิตี้ก็มีการลงทุน ในระบบสาธารณูปโภค และอคาเดมี่เยาวชนทีมมา "ลดหย่อน" ด้วยเหมือนกัน
ทว่านั่นก็ไม่รอดพ้นสายตาคณะกรรมการตรวจสอบ และพิจารณาของ "ยูฟ่า" (CFCB - The Club Financial Control Body's) ที่มองแล้วว่า ตัวเลขรายได้ส่วน "สปอนเซอร์ชิพ" ต่างๆ เหล่านี้มันสูงจนเว่อร์
400 ล้านปอนด์ กับดีลชื่อสนาม 10 ปีของสายการบินเอติฮัด เมื่อประมาณ 3 ปีก่อนสูงกว่า 90 ล้านปอนด์ระยะเวลา 15 ปีที่อาร์เซนอล ทำกับสายการบินเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ค.ศ.2004 มากมายหลายเท่าตัว
และใครๆ ก็รู้ว่า สายการบินเอติฮัด กับชีค มันซูร์ เจ้าของสโมสรแมนฯซิตี้ มีสายสัมพันธ์ทั้งทางตรง และอ้อมร่วมกัน
ถึงชั่วโมงนี้ทางผู้บริหารทีมเรือใบสีฟ้ายังยืนกรานไม่รับคำตัดสิน และเตรียมจะยื่นเรื่องอุทธรณ์ต่อไปโดยไม่มีใครตอบได้ว่า ผลลัพธ์สุดท้ายจะเป็นอย่างไร
เรียกได้ว่า "ตื่นเต้น" ตุ้มๆ ต่อมๆ กว่า ลุ้นเกมนัดสุดท้ายกับเวสต์แฮมแน่นอนครับ...ฮ่าๆ
Kai Muk Dam
Tags:
ผมว่าถึงที่สุดแล้ว ซิตี้เราจะตกลงทุกวิถีทางกับยูฟ่าได้ครับ
นัดสุดท้ายอย่ากดดันมากนะเล่นเบบสไตล์เรา City
© 2024 Created by thaiMCFC. Powered by