จากแผ่นดินบ้านเกิดใน โปรตุเกสจนถึงสเปนนับทั้งหมด 20 โทรฟี่ไม่ใช่บังเอิญดังนั้นเขาถึงถูกตั้งความหวังไว้สูงเสมอๆ อย่างเดียวกับคำถามที่ล่องลอยตามสายลมเมื่อซีซั่นก่อน ต่อความล้มเหลวกับภาคสองที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ อาจปกติสำหรับบางคนว่าการกลับมาทำสิ่งที่ประสบความสำเร็จสูงมักยากกว่าครั้ง แรก หากจะผิดก็คงต้องโทษในความเป็นตัวเขา...เขาเลือกที่อยู่ท่ามกลางแรงกดดัน มากกว่าปล่อยให้จมอยู่ความสบาย รักที่จะให้สังคมตั้งสมมติฐานมากกว่าต้องถูกหลงลืม
นั่นเองว่าทำไมซีซั่นใหม่ที่เตรียมเปิดฉากวันเสาร์นี้จึงยิ่งมี คนจับจ้อง ไม่มีข้อแม้อื่นอีกต่อไป อีกสิบเดือนจากนี้ต้องมีถ้วยรางวัลเข้ามาประดับตู้โชว์สถานเดียว
มันง่ายถ้าจะมโนว่าการเสริมทัพอย่างนั้นเพียงพอต่อการอัญเชิญแชมป์พรีเมียร์ลีก
"มูรินโญ่แก้ปัญหาถูกจุดเหลือเกินไม่ว่า ดีเอโก้ คอสต้า, ฟาเบรกาส หรือเฟลิเป้ หลุยส์" บางคนอ้างอิงด้วยทฤษฎีการเคลื่อนไหวในตลาด "นอกจากนี้ก็ยังโละคนที่ไม่เป็นที่ต้องการออกได้ด้วย"
หลายคนทราบนานแล้วว่า ฆวน มาต้า, ดาบิด ลุยซ์ และโรเมลู ลูกากู ไม่ใช่ผู้เล่นในสเปก หนำซ้ำราคาของทั้งสามก็ยังถือเป็นการทำธุรกิจที่ค้ากำไรงดงาม
ตอนนี้สามารถพูดได้เต็มเสียงว่า นี่คือทีมในอุดมคติของมูรินโญ่ ทว่านี่คือว่าที่แชมป์ลีกงั้นหรือ
ผลโหวตจากเว็บไซต์หนังสือพิมพ์เดลี่ มิร์เรอร์ ก็ต่างชวนให้คล้อยตามเช่นนั้นว่าโดยมีถึง 35% ที่ลงคะแนนให้เชลซี โดยอันดับสองเป็นอาร์เซน่อลที่ 21%, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 17%, ลิเวอร์พูล 16% และไม่ถึง 10% ที่คงมั่นใจในแมนฯ ซิตี้
ขณะเดียวกันอดีตนักเตะชื่อดัง ซึ่งปัจจุบันผันมาเป็นนักวิเคราะห์อย่าง มาร์ติน คีโอวน์, เจมี่ เร้ดแน็ปป์, ไบรอัน ร็อบสัน รวมถึง เจมี่ คาร์ราเกอร์ ก็มีถึงสามรายในนั้นที่จิ้มไปยังสโมสรตราสิงโตสีน้ำเงิน
อย่างเร้ดแน็ปป์ให้เหตุผลว่า "ซิตี้น่าเป็นห่วงในเกมรับส่วนเชลซีในฤดูกาลก่อนดูตะกุกตะกักแต่ก็ยังได้ ลุ้นจนถึงช่วงท้าย ตอนนี้มีตัวใหม่อันเปี่ยมด้วยคุณภาพมา ดังนั้นจึงไม่น่ามีข้อแก้ตัวอีกแล้ว พวกเขาสามารถทำได้"
ซีซั่นที่แล้วจำนวนประตูรวมในเกมลีกของสามหัวหอกรวมกันเพียง 19 ลูก (ตอร์เรส 5, เอโต้ 9, บา 5) ซึ่งไม่ใช่ระดับที่น่าพึงพอใจแน่ การทุ่มเงินคว้าคอสต้ามาจาก แอตเลติโก มาดริด จึงถือเป็นการเกาตรงจุดที่คัน ในส่วนของเชสก็ถูกมองว่าเป็นตัวแทน แฟร้งค์ แลมพาร์ด ที่สมน้ำสมเนื้ออย่างยิ่งเช่นเดียวกันกับตำแหน่งแบ็กซ้ายที่ได้ เฟลิเป้ หลุยส์ มาเติมเต็ม
ทุกครั้งที่มีนักข่าวจ่อไมโครโฟนสัมภาษณ์ จึงไม่ประหลาดใจที่มูรินโญ่มักตอบด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์ เขาเชื่อว่าทีมชุดนี้เป็นชุดที่ลงตัวทุกสัดส่วน การดึง ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา กลับมาก็ยังหมายถึงประโยชน์ที่ได้รับนอกเหนือ แต่เรื่องในสนาม ในห้องแต่งตัวต่างหากที่จำเป็นต้องการคนมาช่วย จอห์น เทอร์รี่ ปลุกเร้ายามสภาพจิตใจอ่อนแอ
"พวกเราต้องการชนะ พวกเราต้องการได้แชมป์ ซึ่งดิดิเย่ร์เป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีสุดของยุโรป เขาปรับตัวได้รวดเร็ว ผมนำเข้ากลับมาเพราะว่าเขายังมีคุณภาพอยู่ในการทำให้ทีมแข็งแกร่งกว่าเดิม ฟุตบอลตอนนี้มันมีอะไรมากกว่าแค่สิบเอ็ดตัวแล้ว" คนที่เคยเรียกตัวเองว่าสเปเชียล วัน กล่าวเอาไว้
อีกสิ่งที่ทำให้หลายคนปักธงให้เชลซีมีโอกาสสดใสกว่าเพื่อนก็อยู่ ตรงบรรดาคู่แข่งทั้งหลาย อย่างแชมป์เก่าก็ตามที่เร้ดแน็ปป์คอมเมนต์เอาไว้ว่า ระยะยาวน่ามีปัญหาในเกมรับ ขณะที่ทีมอื่นๆ ก็มีข้อกังขาทั้งสิ้นไม่ว่าจะปีแรกของ หลุยส์ ฟาน กัล กับการปฏิรูปปีศาจแดง, ลิเวอร์พูลเมื่อไม่มี หลุยส์ ซัวเรซ ตลอดจนถึงอาร์เซน่อลผู้ผูกขาดอันดับสี่มายาวนาน
โรมัน อบราโมวิช เป็นบุคคลจำพวกเดียวกันกับมูรินโญ่ คือ เกลียดความล้มเหลว มหาเศรษฐีชาวรัสเซี่ยนไม่เคยให้โอกาสใครนานๆ เขาจะโทรศัพท์หาลูกน้องสอบถามข่าวตลอดต่อให้ไม่ได้ดูในสนามด้วยตาตัวเอง
ไม่เคยมีภาคสองใดๆ ที่ง่ายเลย
แม้แต่ภาพยนตร์เองก็ตาม ส่วนใหญ่คำชื่นชมจากภาคแรกก็กลายเป็นตัวกดดันทำให้ภาคต่อๆ ไปดูด้อยโดยปริยาย การเปรียบเทียบเป็นสิ่งที่อยู่คู่โลกเสมอมา
หากนี่คือสิ่งที่โค้ชอย่างเขาย่อมตระหนักมาตั้งแต่ตอนจรดปากกาเซ็นสัญญา
อย่างหนึ่งภายใต้ตู้โชว์อันว่างเปล่า ก็ยังมีสัญญาณที่ดีสำหรับผู้สวามิภักดิ์ให้ตราสิงโตสีน้ำเงิน นั่นคือในเกมสำคัญๆ ก็มักได้ผลการแข่งขันอันน่ายอดเยี่ยม แปลว่าถ้าจำต้องเน้นหรือสยบถ้อยคำครหาก็ทำได้ ตรงกันข้ามพวกเขากลับพลาดท่าในแมตช์เจอทีมรองบ่อนเองซะเยอะไม่ว่าจะ สโต๊ค, คริสตัล พาเลซ หรือกระทั่ง แอสตัน วิลล่า ก็ตาม
แกรี่ เนวิลล์ เองก็มองในมุมเดียวกับคนอื่นๆ หนึ่งในคอมเมนเตเตอร์ที่ดีสุดประจำปีผ่านมาของสกาย สปอร์ตส์ ก็ฟันธงว่าซีซั่น 2014/15 น่าจะเป็นห้วงแห่งความสุขของกองเชียร์เชลซี
"ถ้าคุณดูไปที่ กูร์กตัวส์, เช็ก, อิวาโนวิช, เทอร์รี่, เคฮิลล์, มาติช, วิลเลี่ยน, อาซาร์, คอสต้า, ฟาเบรกาส พวกเขาทั้งหมดยากที่จะถูกหยุดง่ายๆ ผมยกให้นี่คือว่าที่แชมป์พรีเมียร์ลีก"
"ปีก่อนมูรินโญ่พยายามขโมยถ้วยและก็เกือบทำได้ด้วยซ้ำ จะเรียกว่าพวกเขาน่าทำได้ดีกว่านี้ด้วยซ้ำหากไม่ไปพลาดในเกมง่ายๆ ปีที่แล้วปัญหาอยู่ตรงเกมรุก มาหนนี้ก็แก้ไขได้หมด ส่วนขุมกำลังอื่นๆ ก็ไม่ได้ขี้ริ้ว"
ว่ากันว่าบางทีคำถามที่หลายคนอยากรู้คำตอบอาจจะไม่ต้องรอนาน เพียงฤดูกาลผ่านจนถึงต้นเดือนพฤศจิกายนก็น่าจะพอทราบบรรทัดแรกๆ เมื่อ 4 จาก 11 เกมเจอคู่แข่งกลุ่มบนของตารางทันที โดยในนั้นมีเยือนเอติฮัด, โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด และแอนฟิลด์อีกต่างหาก
อย่างไรก็ตามมีบางประโยคที่เหมือนสัญญาณเตือนไปถึงทุกคน คือสาสน์ที่ออกมาจากความเชื่อมั่นของโค้ชผู้บรรลุโสดาบัน และหัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ยอมให้ความพ่ายแพ้กลายเป็นโรคเรื้อรังเด็ดขาด
"ฟุตบอลเป็นกีฬาที่มีการแข่งขันสูงในทุกสัปดาห์ โดยเฉพาะพรีเมียร์ลีก หากถ้าพวกเราไม่คิดว่าจะได้แชมป์หรือไม่คิดว่ามีคุณภาพมากพอก็ไม่สมควรได้ ชื่อว่าเชลซี พวกเราให้ความเคารพคู่แข่งแต่เราก็มีความทะเยอทะยานของเรา ผมเชื่อว่าเราพร้อมแล้วที่จะกลับมาเป็นแชมป์"
เครดิต: หนังสือพิมพ์สตาร์ซอคเก้อร์
Tags:
ก็ต้องมาวัดกันอีกทีละนะ ว่าทีมไหนจะเป็นเเชมป์
ใครไม่เชื่อ แต่พวกเราเชื่อ ว่าทีมเรือใบสีฟ้า จะคว้าแชมป์มาครองได้ในทีมสุดครับ แมนซิตี้สู้ๆ
...พวกนักวิเคราะห์ทั้งหลายตกหล่นอะไรไปหรือเปล่า พูดถึงแต่ คอสต้า ฟาเบกราส เฟลิปเป้ หลุยส์..
..ความสำคัญมันไม่ได้อยู่ที่นักเตะที่ซื้อมาใหม่ 2-3 คน..
..มันอยู่ที่ขุมกำลังทั้งหมดว่าใครจะเหนือใครที่จะยืนระยะได้ทั้งฤดูกาลที่มีการแข่งขันถึง 4 รายการ..
..ตรงนี้แหละคือความได้เปรียบของซิตี้ ก้อคอยดูกันต่อไปว่าใครจะมียุบ มีแผ่วปลายเหมือนครั้งที่แล้ว !
เชลซีน่ากลัวนะ แต่ถ้าเรือใบติดเครื่องเร็วทีมเรากลัวกั่วเยะ
ถึงแม้ว่า จะรู้สึกอาการน่าเป็นห่วง แต่ก็ยังเชื่อมั่นว่าเรือใบเรามึลุ้นมากอยู่นะ....
ก็แค่ว่าที่กลัวไร เรือใบสิคือของจริงคับ 555
© 2024 Created by thaiMCFC. Powered by