นั่นเป็นข้อความแรกจากทวิตเตอร์ของ เอเลียควิม ม็องกาล่า ที่เจ้าตัวยืนยันอย่างเป็นทางการ ว่าการย้ายทีมของเขาเสร็จสิ้นแล้ว เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา และปลายทางของเขาก็ไม่ควรจะเป็นทีมอื่นไปได้ ต้องแมนเชสเตอร์ ซิตี้ นั่นแหละ
 
        อดีตเซนเตอร์แบ็กปอร์โต้ เซ็นสัญญา 6 ปีกับแมนฯ ซิตี้ และกลายเป็นนักเตะฝรั่งเศสคนที่ 4 ในทีมเรือใบสีฟ้าชุดปัจจุบัน โดยก่อนหน้านี้ แมนฯ ซิตี้ มี บาการี่ ซาญ่า, ซามีร์ นาสรี่ และ กาแอล กลิชี่ อยู่ด้วยแล้ว และแมนฯ ซิตี้ ก็ลงทุนถึง 53.8 ล้านยูโร หรือประมาณ 2,260 ล้านบาทเลยทีเดียว เพื่อดึงตัวเขามาร่วมทัพ ทำเอาม็องกาล่ากลายเป็นปราการหลังค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ แซงหน้าค่าตัวของ ดาวิด ลุยซ์ ที่ย้ายจากเชลซีไปเปแอสเชในราคา 49.5 ล้านยูโร ไปไม่กี่ล้านเท่านั้น 

 ดาวิด ลุยซ์ ปราการหลังชาวแซมบ้า เป็นกองหลังค่าตัวแพง อันดับ 2 ณ เวลานี้

        แต่กว่าแมนฯ ซิตี้ จะได้เสียตังค์สมใจก็ทำเอาแฟนๆ ต้องรอเนิ่นนาน ในวัย 23 ม็องกาล่าลาจากปอร์โต้ที่มาอยู่ด้วยเมื่อปี 2011 เอาก็เมื่อฤดูกาลใหม่ของศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ กำลังจะเปิดฉากในอีกไม่กี่อึดใจ ทั้งที่เรื่องเริ่มต้นมาตั้งแต่ช่วงฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิล
 
        ทำไมเรื่องจึงยืดเยื้อจบยากขนาดนั้น? นั่นก็เพราะสถานะของดาวเตะตราไก่คนนี้พิเศษกว่าชาวบ้าน ตรงที่ปอร์โต้มิใช่ผู้มีกรรมสิทธิ์เหนือเขาเพียงเจ้าเดียว โดยกลุ่มทุน Doyen Sports และ Robi Plus ถือกรรมสิทธิ์ในตัวม็องกาล่า 42.33% ส่วนอีก 57.67% เป็นกรรมสิทธิ์ของเอฟซี ปอร์โต้ เมื่อเขากลายเป็นทรัพย์สินร่วมของหลายๆ ฝ่าย เรื่องจึงไม่จบง่ายๆ
 
        ตั้งแต่ย้ายจากสตองดาร์ ลีแอช มาปอร์โต้ กรรมสิทธิ์ในตัวม็องกาล่าก็กลายเป็นของ 3 ฝ่ายดังกล่าวเสียแล้ว โดยเฉพาะ Doyen Sports นั้น นอกจากลงทุนกับม็องกาล่า ยังได้ลงทุนในทำนองเดียวกันนี้กับนักเตะอีกมากมายในยุโรป เบ็ดเสร็จแมนฯ ซิตี้ ต้องจ่ายให้ปอร์โต้ 30.5 ล้านยูโร ส่วนอีก 2 บริษัทได้ไปรวม 23.3 ล้านยูโร
 
        เมื่อเร็วๆ นี้ ม็องกาล่าก็พูดอยู่เหมือนกัน ว่า "เราเป็นสินค้าทางการเงิน สโมสรฟุตบอลก็เหมือนโรงงาน และเราคือผลผลิต คุณต้องอยู่กับความเป็นจริง"

        พูดแบบนี้ สมาพันธ์ฟุตบอลยุโรป หรือยูเอฟ่า ฟังแล้วอาจจะ "ของขึ้น" เพราะไม่สู้จะสบอารมณ์กับการที่นักฟุตบอลมี third party หรือ "บุคคลที่สาม" มีกรรมสิทธิ์ในตัวเขา ไม่นับเจ้าตัวกับสโมสรต้นสังกัด ทั้งนี้ ก่อนย้ายมาเป็นสมาชิกใหม่รายที่ 6 ของแมนฯ ซิตี้ ในซัมเมอร์ ม็องกาล่าก็ถูกเชลซีจีบมาทีนึงแล้วในช่วงตลาดหน้าหนาวเดือนมกราคม ทว่าการจะปิดดีลเรื่องของเขา สิงห์บลูส์จะต้องจ่ายค่าเสียหาย 3 ส่วนให้ทั้งปอร์โต้, Doyen Sports และ Robi Plus ม็องกาล่าจึงยังไม่ได้ย้าย

        ที่แมนฯ ซิตี้ นอกจากจะได้เจอพวกไก่ๆ ด้วยกันแล้ว เขายังจะได้กลับมาร่วมงานกับ แฟร์นานโด กองกลางตัวรับชาวแซมบ้า ซึ่งเคยอยู่ด้วยกันที่ปอร์โต้ โดยก่อนมาเปิดตัวในฐานะนักเตะใหม่ของแมนฯ ซิตี้ เขาพักผ่อนอยู่ที่เบลเยียม ประเทศซึ่งเขาอยู่มาตั้งแต่เด็ก และกิจวัตรประจำวันของเขาก็ไม่ค่อยแตกต่าง คือมีการฝึกซ้อมและออกกำลังเพื่อรักษาความฟิตเพียงลำพังโดยไม่ได้ใช้ลูก ฟุตบอล
 
        สายโทรศัพท์ที่ต้นเสียงคือ จอร์จ เมนเดส ซูเปอร์เอเจนต์ของวงการ และเป็นนายหน้าของเขาด้วยนั่นเอง ที่บอกกับเจ้าตัวว่าทุกอย่างจบลงแล้ว หลังเจ้าตัวรอมาตั้งแต่จบฟุตบอลโลก พูดง่ายๆ คือเขาตัดสินใจย้ายนานแล้ว รอแต่กระบวนการผ่องถ่ายเท่านั้น และเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แมนฯ ซิตี้ ก็ยังเผลอปล่อยคลิปที่อดีตปราการหลังสตองดาร์ ลีแอช ออกตัวกับทีมใหม่ว่า "ผม มาอยู่ที่นี่เพื่อช่วยให้ทีมได้แชมป์ต่างๆ ทั้งแชมป์ลีก, ฟุตบอลถ้วย และแชมเปี้ยนส์ ลีก ผมเป็นคนทะเยอทะยาน และนั่นคือเหตุผลที่ผมมาอยู่ที่นี่"
 
        ไม่เพียงการย้ายทีมครั้งนี้จะทำให้เขากลายเป็นกองหลังค่าตัวแพงที่สุดของวงการ หากแต่ตัวเลขข้างต้น ยังทำให้ม็องกาล่ากลายเป็นนักเตะฝรั่งเศสค่าตัวแพงที่สุดอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ เป็นรองเพียง ซีเนดีน ซีดาน ที่ย้ายจากยูเวนตุสไปเรอัล มาดริด ด้วยค่าตัว 75 ล้านยูโร ในปี 2002 เท่านั้น
      
        ม็องกาล่าเกิดเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 1991 ที่โกลมส์ ชานกรุงปารีสในฝรั่งเศส เขาเป็นนักเตะชาวฝรั่งเศส-เบลจ์ ที่มีความพิเศษคู่กับ อ็องตวน กรีซมันน์ อยู่อย่าง คือติดทีมชาติชุดใหญ่ของฝรั่งเศส โดยที่ไม่เคยค้าแข้งให้สโมสรในประเทศเลย
     
        สัญชาติของเขาเป็นฝรั่งเศส-เบลจ์ก็จริง แต่เชื้อชาติของเขาเป็นดีอาร์คองโก โดยพ่อแม่พาเขาอพยพมาอยู่เบลเยียมตั้งแต่อายุเพียง 5 ขวบ และเลือกอยู่ที่นามูร์ ในแคว้นวัลโลเนีย ทางตอนใต้ของเบลเยียม ซึ่งเป็นเขตที่พูดภาษาฝรั่งเศส พอลงหลักปักฐานเข้าที่แล้ว พ่อก็พาเขาไปสมัครกับสโมสรท้องถิ่น แอธเลติก คลับ ลุสแต็ง (1996-2002) เขาอยู่กับสโมสรดังกล่าว 6 ปี ก่อนจะย้ายไป เซแอส เวปิยอนเน่ส์ (2002-2004) ในเวปิยง ทางใต้ของนามูร์ พออยู่ได้ 2 ปี ก็ได้เข้าร่วมกับสโมสรใหญ่ที่สุดของเมือง คือ อูแอร์ นามูร์ (2004-2008) และเริ่มฉายแววเตะตากรรมการมากขึ้นเรื่อยๆ
     
        ตอนอยู่นามูร์ ม็องกาล่าถูกส่งลงสนามในตำแหน่งกองหน้า และฝีเท้าของเขาก็ดึงดูดความสนใจของสตองดาร์ ลีแอช ปี 2007 ม็องกาล่าตกลงปลงใจเซ็นสัญญา 3 ปีกับสตองดาร์ ปรากฏว่าเมื่อมาถึงเขาถูกจัดให้ไปเล่นในทีมชุดยู-17 ของสโมสร และกลายเป็นแบ็กซ้ายซะงั้น ครั้นพอมาอยู่ในทีมชุดยู-19 ของสโมสร ม็องกาล่าก็ถูกส่งไปนั่งเป็นตัวสำรองให้ทีมรุ่นโตกว่า คือชุดยู-21 อยู่บ่อยๆ ทั้งๆ ที่เจ้าตัวเพิ่งอายุ 17 ปีเท่านั้น

เอเลียควิม ม็องกาล่า ยังเป็นดาวรุ่ง สมัยค้าแข้งให้กับ สตองดาร์ ลีแอช

        รับฤดูกาล 2008-09 เจ้าหนูม็องกาล่าก็ได้รับโอกาสให้มาฝึกซ้อม และลงเล่นกับทีมชุดใหญ่แล้ว เขาเซ็นสัญญาอาชีพเทิร์นโปรเต็มตัวในวันที่ 23 ตุลาคม 2008 ด้วยข้อตกลงระยะเวลา 5 ปี ซึ่งเมื่อจรดปากกาเซ็นชื่อเสร็จสรรพ ม็องกาล่าก็ได้รับการโปรโมตขึ้นทีมชุดใหญ่เลย และอยู่กับสตองดาร์ถึงปี 2011 ก่อนที่ปอร์โต้จะมาซื้อเขาไปในเดือนสิงหาคมปีนั้น ด้วยค่าตัว 7.5 ล้านยูโร ส่วนเกียรติประวัติที่มีติดตัวก่อนย้ายมาแมนฯ ซิตี้ ก็คือแชมป์เบลเยียมโปรลีก 2009, แชมป์เบลเจี้ยน คัพ 2011 และแชมป์ปรีเมร่า ลีกา หรือลีกสูงสุดโปรตุเกส 2 สมัยในปี 2012 กับ 2013
      
        และจากนี้เราก็จะได้พิสูจน์กันว่าหมอนี่ดีจริงสมราคาและคำร่ำลือหรือไม่?!?

____________________________
Cr.www.siamsport.
ติดตามข่าวสารทีมซิตี้ได้ที่ http://mcfc.in.th/