ทางเลือกที่ไม่มีทางเลือกของ มูรินโญ่ และ เปเญกรินี่ ก่อนโดนหมูกัด!

ผลการแข่งขันฟุตบอลถ้วยที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอย่างเอฟเอคัพ น่าจะสร้างเซอร์ไพรส์ให้กับแฟนบอลหลายคู่เลยทีเดียว

ผลการแข่งขันฟุตบอลถ้วยที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอย่างเอฟเอคัพ น่าจะสร้างเซอร์ไพรส์ให้กับแฟนบอลหลายคู่เลยทีเดียว

โดยเฉพาะสองทีมนำจ่าฝูงและรองจ่าฝูงของพรีเมียร์ลีกอย่าง “เชลซี” และ “แมนฯ ซิตี้” ที่กอดคอจูงมือกันโบกมือลาฟุตบอลถ้วยรายการนี้ไปเรียบร้อยแล้ว

จริงๆ ก่อนหน้านี้อย่างที่เขียนไว้ในคอลัมน์เมื่อวานว่าทั้งสิงห์และเรือใบน่ามอง ข้ามฟุตบอลรายการนี้ด้วยศักยภาพที่เพียงพอและมากกว่าทีมอื่นๆ ในการลุ้นแชมป์ลีก

จึงเห็นการจัดตัวของกุนซืออย่าง “โจเซ่ มูรินโญ่” กับ “มานูเอล เปเญกรินี่” ไม่ได้ส่งผู้เล่นชุดใหญ่ที่ดีที่สุดที่ใช้เป็นประจำลงสนามครบทั้ง 11 ตัว

แต่ จะคละเคล้าตัวสำรองลงไปบ้าง เพื่อให้นักเตะตัวหลักบางคนได้พัก เนื่องจากเป้าหมายหลักในฤดูกาลนี้ของทั้งคู่คือ “แชมป์พรีเมียร์ลีก” กับ “ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก” เท่านั้น ที่เหลืออีก 2 รายการ คือลูกเมียน้อย

ว่ากันถึงรองแชมป์ฤดูกาลที่แล้วจากกรุงลอนดอน ยังมี “แคปิตอลวัน คัพ” วันพรุ่งนี้ที่จะเจอกับลิเวอร์พูลในนัดที่สอง หลังจากนัดแรกเสมอกันมา 1-1

ทำ ให้ “มูรินโญ่” อาจจะต้องให้น้ำหนักกับฟุตบอลรายการนี้มากกว่าเดิมและจริงจังในเกมนี้มาก ขึ้น เพราะถ้าจับพลัดจับผลูเป็นแชมป์ได้อาจจะพอเป็นไม้กันหมาไม่ให้ “โรมัน อบราโมวิช” ไล่ตนออกหรือพิจารณานานๆ ถ้าเกิดชวดแชมป์สองเป้าหมายหลัก

ขณะที่แชมป์พรีเมียร์ลีกปีล่าสุดจากแมนเชสเตอร์ เหลือแค่ 2 รายการ ที่เป็นเป้าหมายหลักเท่านั้น แถมก่อนเกมที่แพ้มิดเดิลสโบร์ในบ้าน 0-2 ก็เพิ่งมาจากการเก็บตัว (โชว์ตัวให้เจ้าของสโมสร) ไม่ถึง 1 วันด้วยซ้ำ แค่ 19 ชั่วโมง เห็นได้ถึงความประมาทที่คิดว่ารายการนี้เจอทีมจากดิวิชั่นต่ำกว่าแล้ว หมู!!!!

สรุปโดนหมูกัด!

ดังนั้น “เปเญกรินี่” จะพลาดไม่ได้อีกแล้วในนัดที่เหลือ ทั้งฟุตบอลลีกหรือยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก แต่มองว่าแชมเปี้ยนลีกสำคัญกว่าเนื่องจาก “ชีค มันซูร์” เจ้าของสโมสรยังไม่เคยได้สัมผัส

ถ้าดูคู่แข่งในฟุตบอลยุโรปของทั้ง สองทีมในนัดที่กำลังมาถึงอีก 1 ข้างหน้า ต้องบอกว่าเหนื่อยหัวใจ ได้ยินชื่อก็ห่อเหี่ยวแล้ว ไม่ใช่เพราะเป็นรอง แต่เพราะศักยภาพของทีมที่ทั้งคู่ต้องเจอมาแบบรุ่นเดียวกัน มีสิทธิเข้ารอบตกรอบแบบครึ่งต่อครึ่ง 50-50 เลยทีเดียว

เชลซีต้องเจอกับ “ปารีส แซงต์ แชร์กแมง” เศรษฐีจากฝรั่งเศสที่อุดมไปด้วยผู้เล่นเกรดเอระดับหมื่นล้าน และถ้าจำกันได้ฤดูกาลที่แล้วที่เจอกัน ทัพสิงห์บลูของน้ามูเข้ารอบเฉียดฉิวด้วยกฎประตูทีมเยือนด้วยซ้ำหลังจากแพ้มา ก่อน

ส่วนแมนฯซิตี้ เจอกับ “บาร์เซโลน่า” ชื่อนี้ไม่ต้องบรรยายสรรพคุณ แม้ว่าช่วงหลังฟอร์มการเล่นอาจจะดร็อปลงบ้างแต่ความสามารถระบบทีมตั้งแต่ สมัย “เป๊ป กวาร์ดิโอล่า” ยังอยู่ครับ ยิ่งเอเลี่ยนทีมได้เจอกับคู่แข่งที่พอฟัดพอเหวี่ยงน่าจะทำให้พวก เมสซี่ อินิเอสต้า หรือ ชาบี้ กลับมามีไฟอีกครั้ง ไม่นับเนย์มาร์กับซัวเรซที่กระหายความสำเร็จ

ทำให้ทางเลือกของกุนซือ ทั้งสองคือสิ่งเดียวกัน นั่นคือการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกให้ได้เท่านั้นถึงจะพอรับประกันว่าจบฤดูกาล นี้แล้วไม่ต้องหางานใหม่ ซึ่งเชลซีได้เปรียบอยู่ 5 คะแนน

แต่ อย่าลืมว่ายังเหลือ 15 นัด ที่ไม่รวมเกมที่ต้องเจอกันเอง โดยทุกนัดที่เหลือทั้งคู่มีโอกาสทำแต้มหล่นหาย และเชื่อว่าต้องมีแต้มหายไปบ้างเวลาเจอพวกท็อปไฟว์ด้วยกันอย่างแมนฯยู อาร์เซนอลหรือลิเวอร์พูล

จึง สรุปได้ว่า ทางเลือกของน้ามูและเปเญกรินี่คือแชมป์พรีเมียร์ลีกสถานเดียวเท่านั้น ซึ่งเป็นทางเลือกเดียวที่เท่ากับไม่มีทางเลือก เพราะบอลแชมเปี้ยนส์ลีกโอกาสลุ้นยังเหนื่อยแบบเลือดตาแทบกระเด็นแน่

สุด ท้าย ว่าไปลองดูโปรแกรมที่เชลซีกับแมนฯซิตี้ต้องเจอกันก็สัปดาห์หน้าแล้วนี่หว่า วันเสาร์ บางทีทางเลือกของทั้งคู่อาจจะไม่ใช่แค่แชมป์ลีก แต่ถ้าทีมไหนแพ้ในนัดนี้ อาจจะมีเซอร์ไพรส์สองสัปดาห์ติดด้วยการตกงานของใครสักคนในสองคนนี้

คิด ไปคิดมา หลุยส์ ฟาน ฮัล, อาร์แซน เวนเกอร์ และ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส อย่าอิจฉาน้ามูและเปเญกรินี่เลย เพราะดูไปดูมามีทางเลือกน้อยกว่าและอาจจะต้องหางานใหม่หลังจบเดือนนี้ด้วย ซ้ำ

_______________________^^____________________
Cr.sport.sanook. ติดตามข่าวสารทีมได้ที่เวปหลักแมนชิตี้ไทย :http://mcfc.in.th/