กุนขอสอง!เรือชนะเป็นแล้วบุกทุบหม้อแหลก 4-1

หลังไม่ชนะใครมา 5 เกมติดแมนเชสเตอร์ ซิตี้ก็กลับมาสู่เส้นทางเดิมเสียทีได้ประตูออกนำจากแซร์จิโอ อเกวโร่และแม้โดนตีเสมอแต่ครึ่งหลังก็ยังได้อเกวโร่ยิงจุดโทษบวกกับประตูของเจมส์ มิลเนอร์และซามีร์ นาสรี่ ช่วย"เรือใบสีฟ้า"เอาชนะสโต๊ค ซิตี้ 4-1 ยังห่างเชลซี 7 คะแนนเท่าเดิม

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก
สนาม บริทานเนีย สเตเดี้ยม
วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2558
กรรมการ ลี เมสัน
สโต๊ค ซิตี้ 1 - 4 แมนเชสเตอร์ ซิตี้
0-1 แซร์จิโอ อเกวโร่ 33'
1-1 ปีเตอร์ เคราช์ 38'
1-2 เจมส์ มิลเนอร์ 55'
1-3 แซร์จิโอ อเกวโร่ 70'
1-4 ซามีร์ นาสรี่ 76'

สโต๊คขาดไปวิลสันเลยเลือกใช้คาเมร่อนยืนแบ็คแทนส่วนมิดฟิลด์ก็ได้อาร์เนาโตวิชมาทดแทนตำแหน่งไอร์แลนด์ที่เจ็บ

ฝั่งแมนฯ ซิตี้นอกเหนือจากยาย่ากับโบนี่แล้วพวกเขายังปึกได้นาสรี่กลับมาด้วย ส่วนตำแหน่งแบ็คซ้ายวันนี้ให้โคลารอฟลงแทนที่หายไปก็ดูจะมีแค่กลิชี่คนเดียว
5'
กุนได้ยิงทักทายแต่เบาไป
แมนฯ ซิตี้เกือบจะมีประตูนำไวแล้วเป็นการพาบอลมาเองของซิลบาโดนชนโดนเบียดไม่ล้มยังลากต่อเข้าเขตโทษไปได้ ก่อนหักให้กุนอยู่โล่งๆแต่เหมือนเสียสมาธิไปนิดเพราะเฟอร์นานดินโญ่วิ่งมาด้วยเลยยิงเบาไปหน่อยเข้ามือเบโกวิช
7'
เคราช์โหม่งติดบล็อกฟ้องจะเอาแฮนด์แต่ไม่ได้
สโต๊คก็เกือบจะได้ประตูนำเหมือนกันจากเตะมุมเปิดเข้ามาแล้วถึงหัวของเคราช์บอลไปติดมิลเนอร์เด้งออกมา เคราช์พยายามฟ้องจะเอาแฮนด์บอลแล้วแต่กรรมการไม่ให้ จากภาพช้าบอลเหมือนโดนแถวๆหัวไหล่แล้วเด้งโดนขาแต่แขนสะบัดเลยอาจจะเหมือนใช้มือ
15'
บอลสกัดเข้าทางโคลารอฟยิงหลุดไปเยอะ
แมนฯ ซิตี้พยายามเดินเกมบุกขึ้นมาแต่ยังไม่ใกล้เคียงกับการเป็นประตูเหมือนช่วงแรก หนนี้บอลแทงให้มิลเนอร์เข้าเขตโทษทางขวาจะหักให้นาสรี่ยิงติดบล็อกกระดอนเข้าทางโคลารอฟยิงไกลหน้าเขตโทษสวนเลยแต่บอลผิดเหลี่ยมเยอะออกหลังหมดลุ้น
20'
หม้อเฮเก้อ!เคราช์ซ้ำไม่เหลือแต่ล้ำหน้า
"ช่างปั้นหม้อ"เฮเก้อกันไปแล้วหลังส่งบอลเข้าประตูได้ในจังหวะที่โมเซสมาทางซ้ายก่อนยิงอัดมาติดเซฟฮาร์ทแต่กระฉอกเข้าทางเคราช์ซ้ำจ่อๆไม่เหลือ แต่กรรมการจับล้ำหน้าเคราช์เหลื่อมมานิดนึงจังหวะโมเซสยิง
21'
เสียวใช้ได้!โมเซสยิงไกลซ้ำส่งบอลหลุดเสา
สโต๊คเกือบจะได้ประตูอีกแล้วเป็นการพาบอลมาเองของเอ็นซ็องซี่ถึงหน้าเขตโทษเลือกกดดมาเต็มเท้าเลยฮาร์ทยังปัดได้ เข้าทางโมเซสยิงไกลมาอีกทีหนนี้บอลพุ่งหลุดเสาสองนิดเดียว
28'
เฟอร์นานดินโญ่ทำเกือบดีแล้วดันจ่ายแรงไป
"เรือใบ"ได้บุกมาหนนี้น่าเสียดายแทนจากบอลแทงทะลุช่องให้เฟอร์นานดินโญ่หลุดมาทางขวาโล่งๆเลยลากเข้าเขตโทษมามีเพื่อนรอแต่ดันจ่ายแรงเกินนาสรี่รออยู่ทางซ้ายเลยต้องเสียจังหวะวิ่งไปเก็บสุดท้ายก็ไม่ได้ยิง
33'
เรือทะยานนำ!กุนลากมาเองจบเอง 1-0
สุดท้ายทีมเยือนก็เอาประตูนำก่อนจนได้จากบอลเตะเคลียร์ในเขตโทษแดนตัวเองยาวขึ้นหน้ามา อเกวโร่ตามเก็บได้เจอเบียดยังชนะลากเข้าเขตโทษมองหาเพื่อนไม่ว่างเลยแต่งอีกทีแล้วสับไกส่งบอลเสียบเสาไกลไปเลย แมนฯ ซิตี้ออกนำ 1-0
38'
ให้ต้องคอยนาน!เคราช์โหม่งหายหม้อเจ๊าแล้ว
แต่ใช้เวลาไม่นานสโต๊คก็มาเอาประตูตีเสมอได้เหมือนกันจากทางขวาบอลอยู่กับอาร์เนาโตวิชลากไปมองดูมองเพื่อนไปก่อนโยนยาวเข้าเขตโทษเลยบอลข้ามแนวรับแมนฯ ซิตี้ไปหมดจบด้วยหัวของเคราช์ทิ้งตัวโหม่งไม่เหลือตีเสมอเป็น 1-1
45'
นิดเดียว!เฟอร์นานโดสอดมาชาร์จแต่ไม่เต็มเท้าหลุดเสา
เกือบมีประตูนำทิ้งท้ายครึ่งแรกให้แมนฯ ซิตี้แล้วจากสโต๊คกำลังจะสวนกลับแต่เจอซาบาเลต้าตัดบอลครึ่งสนามก่อนฝากให้เพื่อนแล้ววิ่งสอดมาทางขวารับบอลกลับก่อนเปิดเข้ากลางจบที่เฟอร์นานโดหลุดมาแทปอินแต่ไม่ดีพอบอลหลุดเสาไกลนิดเดียว
45+1'
กุนมีใช้มือปัดบอลเข้าประตูเปาแจกเหลือง
ทดเจ็บแมนฯ ซิตี้ส่งบอลเข้าประตูไปแล้วแต่ไม่ได้จากจังหวะเปิดให้ซิลบาหลุดเข้าเขตโทษมาไม่ยิงเองจ่ายให้กุน มีแหย่จากด้านหลังบอลเลยกระดอนขึ้นกุนพยายามโหม่งแต่วืดเลยเอามีออกไม้ออกมือปัดเข้าประตู ทีแรกกรรมการเหมือนจะให้ก่อนเปลี่ยนใจเป่าเป็นแฮนด์บอลแล้วแจกใบเหลืองให้กุน
HALF TIME
47'
โคลารอฟทะลุมาสวยกึ่งยิงกึ่งผ่านโดนเซฟไว้
กลับมาครึ่งหลังแมนฯ ซิตี้บุกมาลุ้นจะนำเลยจากเฟอร์นานดินโญ่แทงทีเดียวให้โคลารอฟสอดทะลุเข้าเขตโทษสวยตรงกลางมีอเกวโร่ก่อนกึ่งยิงกึ่งผ่านเข้าไปติดเบโกวิชเซฟด้วยขา
55'
เรือนำอีกรอบ!นาสรี่ตักถึงหัวมิลเนอร์สอดโขกไม่เหลือ
แล้วแมนฯ ซิตี้ก็ทำสำเร็จออกนำอีกรอบจากทางริมเส้นขวาซิลบาเล่นกับนาสรี่ให้นาสรี่วนลากออกมาสุดเส้นหลังก่อนได้เปิดเข้ากลางไป บอลไปตรงที่ว่างพอดีจบที่มิลเนอร์วิ่งมาโหม่งโล่งๆผ่านมือเบโกวิชเข้าไปส่งทีมนำ 2-1
61'
เคราช์ได้โหม่งอีกแล้วแต่หลุดเสาพอสมควร
สโต๊คพยายามจะหาประตูตีเสมออีกครั้งแต่ก็ยังไม่ใกล้เคียงจังหวะนี้โมเซสเปิดจากซ้ายแต่บอลติดแฉลบเลยไปอีกฝั่ง เอ็นซ็องซี่ฝากต่อที่คาเมร่อนแต่งแล้วเปิดให้เคราช์ได้โหม่งแต่หนนี้ไม่ถนัดแล้วบอลย้อนหลุดไปพอสมควร
68'
โมเซสได้ลองปั่นฟรีคิกก็ข้ามคาน
"ช่างปั้นหม้อ"มีโอกาสลุ้นอีกครั้งหลังเรียกฟาวล์หน้าเขตโทษเยื้องมาฝั่งซ้ายเป็นเหลี่ยมเท้าของโมเซสรับหน้าที่ปั่นมาบอลข้ามกำแพงได้แต่ไม่โค้งลงเฉี่ยวตาข่ายบนออกหลัง
69'
เรือเริ่มโล่ง!ได้จุดโทษกุนสังหารไม่เหลือ
แล้วอีกไม่กี่อึดใจ"เรือใบ"มาได้จุดโทษเลยจากนาสรี่จ่ายให้ซิลบาลากเข้าเขตโทษมาทางซ้ายเจอคาเมร่อนตามประกบติดกำลังจะพลิกได้แล้วแต่โดนดึงล้ม เปาแจกจุดโทษให้ก่อนอเกวโร่จะสังหารไม่พลาด แมนฯ ซิตี้นำเพิ่ม 3-1
76'
โล่งของจริง!นาสรี่มาคนเดียวยิงเสียบเสาหมดจด
ตอนนี้ก็ครึกครืนได้เต็มๆแล้วสำหรับแมนฯ ซิตี้มีประตูเพิ่มอีกครั้งจากบอลให้นาสรี่ตรงกลางก่อนลากขึ้นมาเองจี้เข้าใส่มูเนียซ่าก่อนหักออกขวามาตรงหัวกะโหลกหน้าเขตโทษแล้วยิงยัดเสาแรกหายตุงตาข่ายนำสบายๆ 4-1
79'
หม้อฟ้องดิยุฟเจอเบียดขอจุดโทษแต่เปายังเฉย
สโต๊คพยายามประท้วงเอาจุดโทษอีกครั้งจากบอลจ่ายมาหาดิยุฟได้หลุดเข้าเขตโทษมีม็องกาล่าพยายามจะเบียดให้ได้จนทำดิยุฟล้มลงสำเร็จ ดิยุฟเลยถามหาจุดโทษแต่กรรมการไม่ให้
84'
น่าจะห้า!เซโก้หลุดมายิงติดเซฟเบโกวิช
แมนฯ ซิตี้น่าจะมีเพิ่มอีกตุงนึงด้วยเป็นบอลเปิดข้ามแผงหลังหลุดไปให้เซโก้ได้ทะลุเข้าเขตโทษโล่งๆเลยดวลกับเบโกวิชแต่ไม่ผ่านยิงติดเซฟเต็มๆ
จบเกมแมนฯ ซิตี้เอาชนะสโต๊คไป 4-1 พวกเขายังห่างเชลซีอยู่ 7 แต้มเท่าเดิมกับการแข่งขันเหลืออีก 13 นัด อีกทั้งเป็นชัยชนะนัดแรกหลังไม่ชนะใครมา 5 นัดหลังสุดด้วย

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
         สโต๊ค : อัสเมียร์ เบโกวิช - ฟิล บาร์ดสลี่ย์, มาร์ก มูเนียซ่า, ฟิลิปป์ วอลล์ไชด์, เจฟฟ์ คาเมร่อน - เกล็น วีแลน, สตีเว่น เอ็นซอนซี่ - มาร์โค อาร์เนาโตวิช, มาเม่ บิราม ดิยุฟ, วิคเตอร์ โมเสส - ปีเตอร์ เคร้าช์
         สำรอง : วิลสัน ปาลาซิออส, ชาร์ลี อดัม, สตีฟ ซิดเวลล์, แจ็ค บัตแลนด์, ดิโอนาตาน เตเซยร่า, แอนดี้ วิลกินสัน, โอลิเวอร์ เชนตอน

         แมนฯ ซิตี้ : โจ ฮาร์ท - ปาโบล ซาบาเลต้า, แว็งซ็องต์ ก็องปานี, เอเลียควิม ม็องกาล่า, อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ - แฟร์นันโด, แฟร์นันดินโญ่ - ซามีร์ นาสรี่, ดาบิด ซิลบา, เจมส์ มิลเนอร์ - เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน"
         สำรอง : บาการี่ ซานญ่า, เอดิน เชโก้, วิลลี่ กาบาเยโร่, เฆซุส นาบาส, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, มาร์ติน เดมิเคลิส, สเตฟาน โยเวติช

         ผู้ตัดสิน : ลี เมสัน

แมนเชสเตอร์ ซิตี้

Starting Formation: 4-2-3-1

1.

โจ ฮาร์ท

4.

แวนซองต์ กอมปานี

5.

ปาโบล ซาบาเลต้า

11.

อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ

20.

เอเลียควิม ม็องกาล่า

6.

เฟอร์นานโด

25.

เฟอร์นานดินโญ่

7.

เจมส์ มิลเนอร์

8.

ซามีร์ นาสรี่

86'

21.

ดาบิด ซิลบา

80'

16.

แซร์จิโอ อเกวโร่

73'

ตัวสำรอง

13.

วิลลี่ กาบาเญโร่

3.

บาการี่ ซานญ่า

26.

มาร์ติน เดมิเคลิส

15.

เฆซุส นาบาส

86'

18.

แฟรงค์ แลมพาร์ด

80'

10.

เอดิน เซโก้

73'

35.

สเตฟาน โยเวติช

ผู้จัดการทีม

มานูเอล เปเญกรินี่