บทความน่าอ่าน >> โดย พลพงศ์ จันทร์อัมพร
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ฉับพลันที่แวงซองต์ กอมปานี กองหลังตัวเก่งของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถวายของขวัญให้ หลุยส์ ซัวเรซ ตวัดบอลผ่านโจ ฮาร์ท เข้าไปกองอยู่ก้นตาข่าย มานูเอล เปเยกรินีย่อมตระหนักดีว่าเขาต้องเจองานยากในช่วงเวลาที่เหลือบนเวทียุโรป ไม่เพียงเพราะนี่คือประตูทีมเยือนอันล้ำค่าของฝั่งอาซูลกรานาเท่านั้น แต่จากสถิติที่ผ่านมา รังเหย้าของบาร์ซาคือนรกของทีมเยือนจากอังกฤษอย่างแท้จริง
สิ้นเสียงนกหวีดยาวที่เอติฮัด สเตเดียม ความพ่ายแพ้คาบ้าน 2-1 ของเรือใบสีฟ้าส่งผลให้พวกเขามีเงื่อนไขเดียวที่จะได้ไปต่อในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลนี้ นั่นคือบุกไปชนะถึงคัมป์นู มิหนำซ้ำยังต้องยิงอย่างน้อย 2 ประตูขึ้นไป
ภารกิจดังกล่าวยากถึงขั้นต้องเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ และแม้กระทั่งทีมอย่างเชลซีภายใต้ยุครุ่งเรืองของโชเซ มูรินโญ รวมถึงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชุดแชมป์รายการนี้เมื่อปี 2008 ไม่เคยทำได้มาก่อน
ยิ่งเมื่อเรือใบของกุนซือชาวชิลีเพิ่งอับปางเพราะพ่ายแพ้ต่อเบิร์นลีย์ 1-0 เมื่อคืนวันเสาร์ พวกเขาก็ยิ่งอยู่ในสภาพสิ้นหวังมากขึ้น ไม่ว่าใครก็รู้ดีว่า “เดอะซิตีเซน” กำลังอยู่ในสภาพกระท่อนกระแท่นเต็มที กับความพ่ายแพ้ถึง 3 นัดใน 5 นัดหลังสุด ท่ามกลางข่าวลือที่หนาหูขึ้นทุกวันว่าเปเยกรินีอาจต้องสูญเสียงานของเขาในช่วงซัมเมอร์ หากมือเปล่าเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล
ความหวังรางเลือนในถ้วยบิ๊กเอียร์ของเปเยกรินี คือการย้อนกลับไปดูเทปของลิเวอร์พูล หนึ่งเดียวจากอังกฤษที่เคยคว้าชัยชนะถึงคัมป์นู ทั้งยังทำได้สำเร็จมาแล้วถึงสองครั้งสองคราด้วยกัน
นับตั้งแต่ "คัมป์นู" เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการครั้งแรกในปี 1957 ทีมแดนผู้ดีต้องรอคอยถึงปี 1976 ที่หงส์แดงคว้าแชมป์ยูฟ่า คัพ (หรือยูโรป้าลีกในปัจจุบัน) ได้เป็นสมัยที่สอง จึงจะพบชัยชนะนัดแรกบนสนามของยักษ์ใหญ่แห่งกาตาลัน ลิเวอร์พูลซึ่งกำลังรุ่งโรจน์ภายใต้การนำทีมของเควิน คีแกน มีชัยหนือ บาร์เซโลนา ของ โยฮัน ครัฟฟ์ ได้ 1-0 จากประตูโทนในนาทีที่ 13 ของ จอห์น โตแช็ค ก่อนที่พวกเขาจะทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศด้วยการกลับมาเสมอที่แอนฟิลด์ และคว้าแชมป์ได้ในบั้นปลาย
หลังจากนั้นลิเวอร์พูลต้องรออีก 31 ปีเต็ม กว่าจะพบชัยชนะนัดที่สองที่สนามแห่งนี้ ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ปี 2007 ภายใต้การคุมทีมของราฟาเอล เบนิเตซ ทีมหงส์แดงได้สองประตูจากเคร็ก เบลลามี และยอห์น อาร์เน รีเซ ช่วยให้ทีมพลิกกลับมาแซงชนะเป็น 2-1 ทั้งที่เดโก เป็นคนยิงให้บาร์ซาออกนำไปก่อนตั้งแต่นาทีที่ 14
แฟนบอลหลายคนคงจำได้ดีถึงท่าดีใจ “ตีกอล์ฟ” ของเบลลามี หลังจากที่เขาและรีเซ สองฮีโร่ผู้ทำประตูในคัมป์นูคืนนั้น เพิ่งมีข่าวทะเลาะกันและเป็นเบลลามีที่ใช้ไม้กอล์ฟหวดใส่รีเซอย่างจัง นั่นคือฉากแห่งความทรงจำครั้งหนึ่งของโลกลูกหนัง และเป็นครั้งสุดท้ายที่ทีมจากอังกฤษมีชัยเหนือบาร์เซโลนาบนแผ่นดินสเปน
อย่างไรก็ตาม ผลสกอร์ของทั้งสองเกมที่ลิเวอร์พูลทำได้ ล้วนไม่เพียงพอสำหรับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปเยกรินีและลูกทีมต้องทำได้ดีกว่ารุ่นพี่บนเวทียุโรปเพื่อการันตีการเข้ารอบต่อไป หรืออย่างน้อยที่สุดคือทำได้เทียบเท่าปี 2007 ใน 90 นาที เพื่อต่อลมหายใจในช่วงต่อเวลาพิเศษ และอาจต้องลุ้นยาวไปถึงดวลจุดโทษ
ที่สำคัญกว่านั้น พวกเขาต้องไม่ลืมว่าทั้งสองเกมที่ลิเวอร์พูลคว้าชัย คือ สองเกมที่บาร์เซโลนาอยู่ในสภาพแตกต่างจากปัจจุบัน ทีมของแฟรงค์ ไรจ์การ์ด เมื่อปี 2007 ต้องมือเปล่าในฤดูกาลนั้นและอยู่ในช่วงขาลง ก่อนที่โค้ชชาวดัตช์จะโดนปลดจากตำแหน่งเมื่อสิ้นสุดฤดูกาลต่อมา ขณะที่เมื่อปี 1976 บาร์เซโลนาโชว์ฟอร์มได้ย่ำแย่ถึงขั้นที่แฟนบอลปาเบาะที่นั่งลงมาในสนามเป็นการประท้วงเลยทีเดียว
“เบาะทุกใบที่อยู่ในสนาม คือเสียงชื่นชมการเล่นที่ยอดเยี่ยมของเรา”
บ๊อบ เพลสลีย์ ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลเมื่อปี 1976 ให้สัมภาษณ์หลังจบเกม
ตัดกลับมาที่ปัจจุบัน บาร์เซโลนาภายใต้การคุมทัพของหลุยส์ เอ็นริเก้ กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นแบบสุดๆ พวกเขาเก็บชัยชนะมา 5 นัดรวด ด้วยผลต่างอย่างน้อยสองประตูขึ้นไปถึง 4 นัด, เป็นจ่าฝูงของลาลีกาในเวลานี้ แถมครั้งสุดท้ายที่เจ้าบุญทุ่มแห่งสเปนแพ้คู่แข่งด้วยผลต่างสองประตูต้องย้อนกลับไปถึงปลายเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ซึ่งอาซูลกรานาแพ้เรอัล มาดริด ไป 3-1 นั่นคือครั้งสุดท้ายที่พวกเขาเสียให้คู่แข่งถึงสามประตูเช่นกัน
ตัวเลข, สถิติ และถนนแห่งความเป็นไปได้ทุกสายล้วนปูพรมแดงให้ทีมของเอ็นริเกเดินสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายของ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกแต่อย่างที่ โชเซ มูรินโญ เคยกล่าวไว้ “ฟุตบอลไม่ใช่คณิตศาสตร์” และนั่นอาจเป็นเหตุผลเดียวที่เปเยกรินีมีสิทธิเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่บนผืนหญ้าของสนามคัมป์นู
อย่างน้อยที่สุด เขาจะได้ไม่ต้องลำบากหางานเมื่อสิ้นสุดฤดูกาลในเดือนมิถุนายน
...........................................................................................................
Tags:
ลองทำดูคุณทำได้ เหมือนชาลเก้ เหมือน PSG แต่นี่คือแบบฉบับของเรือใบ แมนซิตี้สู้ๆๆๆ
ทำเต็มที่อ่ะนะพี่ๆ
ตราบใดที่ยังมีหวังก็อย่าพึ่งไปท้อ ที่สำคัญมีตีนเหมือนกัน
© 2024 Created by thaiMCFC. Powered by