อยู่ต่อ หรือ หมดโปร

     ตอนนี้ยังไม่มีอะไรรับประกันกับเก้าอี้นายใหญ่ของกุนซือผมสีดอกเลาเจ้าพ่อเกมรุกของเรา มานูเอล เปเยกรินี่ ได้เพราะการจบฤดูกาลมือเปล่าแบบไร้แชมป์ปีนี้นั้นทำให้ไม่มีหลักประกันอะไรว่า มานูเอล เปเยกรินี่ จะได้อยู่สานงานต่อฤดูกาลหน้า

     สื่อหลายสำนักตีพิมพ์เป็นหัวข้อเดียวกันแทบหมดว่าเปเยกรินี่ไม่รอดแน่กับการที่จะโดนเด้งเพราะการจบฤดูกาลด้วยมือเปล่าไม่มีแชมป์อะไรติดมือมาสักแชมป์ซึ่งนี่นับว่าเป็นปีที่ล้มเหลวอีกปีของซิตี้

      ถึงเราจะมองว่าไม่ว่าล้มเหลวอะไรหรอกหากเทียบกับผลงานปีนี้การจบอันดับสองหรือรองแชมป์นั้นก็ดีแล้วเพราะนักเตะเรานั้นขาดความต่อเนื่องพากันเจ็บนู้นเจ็บนี่ไปรับใช้ชาติบ้างฟอร์มหลุดลอยทะเลบ้างการจบอันดับสองนี่คือสิ่งที่ดีแล้วของซิตี้ ซึ่งในมุมมองของเราส่วนมากมองเช่นนั้น

     แต่กับบอร์ดบริหารสุดเฮี้ยบของเรือใบเราไม่มองยังงั้นนะครับ การจบฤดูกาลมือเปล่านี่คือความล้มเหลวของผู้จัดการทีมเขามองกันทุกจุดทั้งการซื้อนักเตะ ระบบการทำทีม แทคติก ทัศนะคติของโค้ช วิสัยทัศ การแก้เกม และที่สำคัญผลงานในแต่ฤดูกาล ซึ่งบอร์ดของเราน่าจะมองภาพรวมทั้งหมดเหล่านี้ว่าสิ่งเหล่านี้ในตัวเปเยกรินี่ดีพร้อมที่จะทำงานต่อหรือไม่

     ทางบอร์ดบริหารเองก็เหลือเกินอ้าแขนตั้งหน้าตั้งตารอผู้ชายที่ชื่อ เป็ป กวาดิโอล่า อย่างเดียวถึงขนาดเคยปล่อยข่าวออกมาครับว่าเรือใบเปิดอ้าแขนรอรับเป็ปตลอดซึ่งถ้าพูดกันแล้วในมุมมองผม เปเยกรินี่ กับ เป็ป ในสายตาผมเค้ามีลักษณะการทำทีมที่คล้ายกันคือการเน้นเกมรุกและเน้นการครองบอล

      ซึ่งถ้ามองอีกมุมนึงบอร์ดบริหารคงจะยังไม่ปลดเปเยกรินี่เพื่อให้เป็นกุนซือขัดตาทัพไปอีกฤดูกาลและรออ้าแขนรับเป็ปที่จะหมดสัญญากับเสือใต้ฤดูกาลหน้าซึ่งตราบใดที่เป็ปยังไม่ต่อสัญญาทางเรือใบคงจะมีหวังสูงแต่ก็ต้องหวังต่อไปเพราะเป็ปจะมาคุมทัพรึป่าวนั้นก็อีกเรื่อง

     แต่ถ้าเรามองในมุมมองของสถิติต่างๆเราจะเห็นชัดเลยครับว่า เปเยกรินี่ กับ เป็ป กวาดิโอล่า ทั้งสองสถิติต่างๆในการทำทีมฟุตบอลไม่ค่อยแตกต่างกันเท่าไร ผมจัดทำรูปภาพเทียบสถิติต่างๆมาให้ดูกันครับ

     ทุกคนเห็นอะไรไหมครับ นี่คือสถิติที่บอกถึง ประตูที่ยิงได้ โอกาสยิง การเปลี่ยนโอกาสเป็นประตู คลีนชีท ใช่ครับสถิติบางอย่างเปเยกรินี่เหนือกว่าเป็ปซะด้วยซ้ำแต่ยกเว้นคลีนชีทซึ่งเป็ปมีทีเด็ดในการจัดวางแนวรับซึ่งกุนซือระดับเป็ปการที่เค้าไม่ค่อยเสียประตูเขามีแทคติกคือการครอบครองบอล การชิงบอลมาให้เร็วที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างลูกทีมจะต้องไม่ปล่อยให้คู่ต่อสู้มีโอกาศสู้ได้ นั้นคือความเคี่ยวของเป็ปซึ่งจุดนี้เปเยกรินี่ยังไม่แข็งพอ

     และในเรื่องของการเสียคลีนชีทหรือการว่างเกมรับของโค้ชสองคนนี้ก็มีแทคติกทัศนะคติที่แตกต่างกันคือเป็ปจะเน้นให้ลูกทีมเพลสซิ่งชิงบอลเมื่อเสียการครองบอล แต่เปเยจะปล่อยให้คู่แข่งครองบอลเปิดโอกาสให้คู้ต่อสู้ทำเกมซึ่งถ้าพลาดนั้นคือการนำไปสู่การเสียประตู จากจุดนี้เลยเคลียกันไปเลยครับว่าทำไมเรือใบเราเก็บคลีนชีทไม่ค่อยได้เพราะเปเยอ่อนตรงเกมรับถึงจะมาแก้ไขในช่วงท้ายๆฤดูกาลก็เหอะแต่นั้นจะสายไปรึป่าว

      ถ้าว่ากันถึงเกมรุก เปเยกรินี่ ก็ต้องบอกเลยว่าไม่ได้ด้อยกว่าใครในยุโรปจะพูยังงั้นก็ได้ครับแมนซิตี้ภายใต้ยุคของเปเยกรินี่กลายเป็นทีมที่มีสถิติต่างๆดีมากทั้งประตูที่ยิงได้ โอกาสในการยิง ซึ่งผมเคยนั่งฟังทัศนะวิจารณ์ของกูรูเรื่องฟุตบอลช่องหนึ่งเค้าพูถึงสถิติต่างๆซึ่งทีมที่จะได้แชมป์และประสบความสำเร็จจะต้องมีสิถิติที่ดีทั้งการยิงประตู การเสียประตู การเก็บคลีนชีท ผลแพ้ชนะ ซึ่งสถิติฟ้องครับว่าแมนซิตี้ปีนี้น่าจะจบด้วยการเป็นแชมป์หรือไม่ก็รองแชมป์

     แต่กลับกลายเป็นว่าแมนซิตี้จากที่จะได้แชมป์ตอนนี้หล่นมารองแชมป์แล้วแน่นอนเพราะอะไร ซึ่งสถิติบอกครับว่าสิ่งที่ทำให้ซิตี้ไม่สามารถป้องกันแชมป์ได้คือปีนี้ ซิตี้เสียเรื่องการผิดพลาดส่วนบุคคล กับ ปัญหาการแก้เกม

     การผิดพลาดส่วนบุคคลเขาไม่ได้มองแค่การพลาดเฉพาะบุคคลและนำไปสู่การเสียประตู แต่เขามองไปถึงภาพรวมว่าในหนึ่งนัดจุดไหนที่คุณทำพลาดมากที่สุดเช่น การเติมขึ้นไปสูงของแบ็กและกลับลงมาเล่นเกมรับไม่ทันจนทำให้ไปสู่การเสียประตู การจ่ายบอลผิดพลาด การประกบตัว การชิงบอลตัดบอล การตัดเกม การเสียโอกาสในเรื่องตัวผู้เล่นหรือโดนใบแดงจนนำไปสู่การพ่ายแพ้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เรือใบต้องบอกครับว่ามีจุดผิดพลาดเยอะมากในฤดูกาลนี้

     และอีกหนึ่งสถิติบอกครับว่า เปเยกรินี่ แก้เกมเปอร์เซ็นการแก้เกมของเขาอยู่ที่ 52.75% ซึ่งต้องบอกครับว่าเป็นตัวเลขที่น้อยมากซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโดนคู่แข่งขึ้นนำก่อนแล้วแพ้หรือไม่ก็เสมอ

      ซึ่งตัวเลขเหล่านี้เค้าไม่ได้มองกันที่การแก้เกมธรรมดานะครับแต่ยังมองไปถึงการเปลี่ยนตัวนักเตะ การจัดการแผนการเล่น การวางตำแหน่งและสุดท้ายจบเกมคุณต้องจบลงด้วยชัยชนะ ซึ่งไม่น่าเชื่อครับตัวเลขที่ออกมากลายเป็นเปเยกรินี่ที่มีปัญหาในเรื่องการแก้เกม ส่วนกุนซือที่แก้เกมได้ขาดมีเปอร์เซ็นสูงสุดกลับกลายเป็น อัลเชล็อตติ ที่มีเปอร์เซ็นการแก้เกมสูงทะลุถึง 80% (ไม่ต้องกลัวครับว่าเปเยแก้เกมไม่เก่งเพราะตอนนี้แก้เกมได้ฟืดสุดๆคือฟานกัลทำได้แค่ 40% ครับ)

      ส่วนวันนี้ที่ผมจะพูจริงๆคือ เปเยกรินี่ ไม่ใช่กุนซือที่ทำทีมขี้เหล่อะไรสถิติต่างๆวันนี้ผมเอามาเปรียบเทียบเพื่อให้เห็นครับว่าการทำทีมของเขาไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิดเขาทำทีมตามสไตร์ฟุตบอลสมัยใหม่คือการเล่นเกมรุกหรือตามคอนเซปที่ว่า “เกมรุกที่ดีที่สุดคือเกมรับที่ดีที่สุด” นั้นคือการที่เรารุกตุนสกอร์เอาไว้และเน้นการครองบอล เสียการครอบครองบอลยากนั้นคือคอนเซปของเปเยกรินี่ และ ฟุตบอลสมัยใหม่

      ใครว่าบอลของเปเยกรินี่น่าเบื่อผมของเถียงใจขาดครับถึงจะมีสถิติในการแก้เกมไม่ค่อยดีแต่ผมยังเชื่อครับว่าตัวเปเยกรินี่ยังพัฒนาได้กว่านี้อีกแน่ซึ่งผมขอเป็นหนึ่งเสียงครับที่โหวตให้เปเยกรินี่อยู่ต่อยังไม่ถึงขั้นหมดโปรครับ

      แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอย่างที่ผมบอกสำหรับตัวเลขเหล่านี้มันคือสถิติที่ดีสำหรับเราแต่กับบอร์ดบริหารการที่ผู้จัดการทีมจบด้วยการไร้แชมป์ในหนึ่งซีซั่นสำหรับทีมเงินถุงเงินถังที่มีบรรดานักเตะก็ระดับโลกแต่กลับจบมือเปล่านี่คือความล้มเหลวแฟนๆอย่างเราได้แต่ส่งแรงเชียร์ครับว่า อยากให้เปเยกรินี่อยู่ต่อ และหวังว่ายังจะคงเห็น ป๋าเป ของเราอยูคุมทีมต่อไปแก้ตัวในฤดูกาลหน้าครับ

- บลูมูน -

ขอบคุณข้อมูล http://www.goal.com และ data2.7m.cn