พิสูน์ตัวเอง : โบนี่ 28 ล้านปอนด์

     สวัสดีครับกลับมาพบกับผมอีกครั้งครับกับคอลัมน์ที่ตอนนี้อยู่ในคอนเซปที่ว่า “พิสูจน์ตัวเอง” ซึ่งเราจะหยิบยกเอานักเตะที่อยู่ในกลุ่มที่เรียกว่าอยู่ในทีมแต่ไม่ได้การันตรีตัวจริงแต่อย่างใดซึ่งนักเตะพวกนี้ต้องแสดงพลังที่แท้จริงออกมาเพื่อให้รู้ว่าตัวเขามีดีพอที่จะอยู่กับทีมต่อไป ในวันนี้ผมจะขอพูดถึง วิลฟริด โบนี่ ที่ซิตี้ประเคนเงินให้กับสวอนซีไป 28 ล้านปอนด์ครับ

     วิลฟริด โบนี่ ย้ายเข้ามาอยู่กับทีมเรือใบสีฟ้าตั้งแต่ฤดูกาลก่อนโดยในตลาดซื้อขายนักเตะเปิดรอบสองในช่วงหน้าหนาวแมนซิตี้ควักกระเป๋าปิดดีล โบนี่ ไป 28 ล้านปอนด์ บวกค่าเหนื่อยสัปดาห์ละ 75,000 ปอนด์

     ซึ่งสโมสรทำการจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวไปแต่ก็ยังไม่สามารถใช้งานนักเตะได้ทันทีเพราะนักเตะในช่วงนั้นติดภารกิจรับใช้ทีมชาติในศึกแอฟฟริกันเนชั่นคัพอยู่ ด้วยความที่กลัวโดนสโมสรอื่นตัดหน้าซิตี้เลยทำการชิงคว้าตัวมาก่อนก่อนที่จะมีใครมางาบไป เพราะรู้สึกช่วงนั้นจะเนื้อหอมมากทั้ง ปืน สิงค์ ไก่ หงส์ ก็มารุมๆจีบแต่สุดท้ายเจอการแนะนำจากรุ่นพี่อย่างยาย่าที่เป่าหูสุดท้ายเจ้าตัวก็ได้มาลงเรือใบ

     กลับจากการรับใช้ทีมชาติเจ้าตัวก็ได้ย้ายมาอยู่กับซิตี้ซึ่งช่วงแรกๆก็ยังคงต้องนั่งจ๋อยไปก่อนที่ม้านั่งสำรองและก็มีเปลี่ยนลงมาเล่นบ้างแต่ดูแล้วระยะแรกๆเจ้าตัวก็ดูจะปรับเข้ากับระบบของทีมได้ไม่ค่อยดี การเล่นยังไม่ค่อยเข้าขารู้ใจกับเพื่อนสักเท่าไรหรือพูดง่ายๆเลยคือเจ้าตัวยังไม่เข้าใจระบบของทีมหรือระบบทีมของเปเยกรินี่

     ซึ่งนัดประเดิมสนามของเจ้าตัวคือนัดที่ซิตี้เปิดบ้านถล่มนิวคาสเซิลไป 5-0 ซึ่งตอนนั้นเจ้าตัวซึ่งถูกเปลี่ยนลงมาในฐานะตัวสำรองโดยเข้ามาแทนกุน อกูเอโร่ ซึ่งเปเยกรินี่คงซัพพอตเต็มที่รวมถึงเพื่อนร่วมทีม

     ในนัดนั้นถ้าใครสังเกตุดีๆบรรดาเพื่อนร่วมทีมก็พายายามจะคอยปั้นให้โบนี่ตลอดแต่ก็อย่างที่บอกครับว่าเจ้าตัวอาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจระบบทีมสักเท่าหรือเรียกง่ายว่ายังปรับตัวไม่ได้ในนัดนั้นดูแล้วถึงจะเป็นนักเตะอาชีพจริงแต่ในนัดนั้นดูจะถูกแรงกดดันอะไรบางอย่างเล่นงานเอาก็เลยบวกสกอร์ไม่ได้เลย

     ผมก็ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไรเปเยกรินี่ถึงไม่ค่อยกล้าให้โบนี่ลงมาเป็นตัวจริงสักเท่าไรซึ่งในความคิดผมผมมองว่าเปเยกรินี่อาจจะเห็นว่าโบนี่ก็ยังคงปรับตัวเข้ากับระบบทีมไม่ได้เลยคอยเอามาเป็นตัวแก้เกมเป็นไผ่ตายที่ไว้ใช้รึอะไรรึป่าวก็ยังไม่แน่แต่ที่นับๆมารู้สึกว่าจะลงเล่นตัวจริงไปแค่ 2 นัดเท่านั้น

     และหนึ่งในสองนัดนั้นเจ้าตัวก็สามารถเบิกสกอร์ได้ด้วยโดยในแมทที่ซิตี้เปิดบ้านต้อนเวสบรอมไป 3-0 โบนี่เป็นผู้ซัดประตูเบิกร่องท่ามกลางเสียงเฮลั่นของแฟนๆและนั้นก็เป็นประตูแรกในสีเสื้อของเรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งเจ้าตัวเองก็ยังออกมาบอกว่าภูมิใจอย่างมากที่ในที่สุดก็ทำประตูแรกในสีเสื้อแมนซิตี้ได้สำเร็จ

      หลังจากนั้นเจ้าตัวก็มีเจ็บบ้างอะไรบ้างซึ่งต้องบอกว่ามองโดยภาพรวมดูแล้วก็เหมือนเจ้าตัวยังไม่ค่อยจะฟิตเท่าไรซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ต้องแก้เพราะถ้าคุณจะมาและเจ็บออดๆแอดๆเปเยกรินี่เองก็ดูจะเฮี้ยบกับนักเตะที่ไม่ค่อยฟิตซะด้วยถ้าไม่ใช่คนที่มีความสำคัญต่อเกมเปเยกรินี่ปล่อยนั่งตูดด้านแน่นอนมีมาแล้วมากมายทั้ง ริชาร์ด , นาสรี่ , เชโก้ , เนเกรโด้ ซึ่งนักเตะพวกนี้หลังจากผ่านจากอาการบาดเจ็บมาดูจะนั่งหงอยพักใหญ่เลยทีเดียว

     เรื่องระบบ แทคติก สไตร์การเล่น ของทีมนักเตะต้องรีบและปรับตัวให้เข้ากับสไตร์การเล่นและเข้าใจระบบทีมของ ผจก. ทีมคนนั้นให้เร็วที่สุดดบนี่นับตั้งแต่ย้ายเข้ามาแรกๆเลยสามสี่นัดแรกดูเหมือนจะยังไม่เข้าใจระบบของเปเยกรินี่เราจะเห็นได้ชัดว่าบางครั้งวิ่งไปสลับตำแหน่งวิ่งทับตำแหน่งกันบ่อยมาก

      ซึ่งบอลสไตร์เปเยกรินี่ทุกคนต้องวิ่งหาช่องคอยทำเกมกันตลอดโดยเฉพาะแนวรุกถึงตัวเองอาจจะยืนหน้าเป้าแต่ก็ใช่ว่าคุณจะมายืนรอไม่ได้ คุณต้องโยกไปนู้นไปนี่คอยหาช่องตลอดอย่างเช่น กุน อกูเอโร่ , เอดิน เชโก้ และ โยเวติชเราจะเห็นได้ว่าพวกเขาไม่เคยอยู่แค่เฉพาะแดนหน้าบางครั้งยังมาช่วยล้วงบอลจากแดนหลังเลยก็ยังมี

     ถามว่าโบนี่เป็นยังงั้นมั้ยเป็นครับ แต่แต่ละครั้งที่เขาโยกไปเล่นเราจะเห็นบ่อยมากที่โบนี่โยกไปทับกับคนอื่น ทับกับ ซิลบาบ้าง นาสรี่บ้าง กุนบ้างถ้าใครนึกไม่ออกก็ประมานว่าวิ่งไปแย่งบอลพร้อมกันสองหรือไปขอบอลใกล้กันเวลาเพื่อนส่งมาให้มันก็จะกลายเป็นตำแหน่งที่ภาษาทั่วไปเรียกว่าจุดเกรงใจ ซึ่งโบนี่เองก็ต้องแก้ในจุดนี้

     ไม่รู้ว่าด้วยอะไรโบนี่จากที่กลายเป็นผู้ยิงกระจุยกระจายเมื่อตอนอยู่สวอนซีพอมาซิตี้ฟอร์มกลับหล่นฮวบไปอันนี้ก็ต้องดูจากที่ผ่านๆมาครับซึ่งผมพูดถึงเรื่องระบบการเล่นค่อนข้างบ่อยถ้าถามว่าจริงมั้ยก็อย่างที่บอกที่วิจารณ์ไปครับแต่ถ้ามาถามอีกว่า โบนี่ เป็นผู้เล่นสไตร์ไหนก็ขอตอบอีกว่าสไตร์ แมนซิตี้ ก็ดูจะเหมาะกับเจ้าตัวซึ่งโบนี่เป็นสไตร์ที่ว่าคอยชิ่งบอลทำเกมกับเพื่อนได้ดีจะตาไวและเซ้นบอลไวมากถ้ายามทำเกมรุกชิ่งกันวันทู

      เราจะเห็นได้บ่อยตอนอยู่สวอนซีซึ่ง โบนี่ จะลงตัวมากเวลาลงมาเล่นคู่กับ มิชู ในสมัยไมเคิล เลาดรู๊ป ซึ่งบอลยุคเลาดรู๊ป ณ ตอนนั้นมันก็เป็นสไตร์ที่เล่นบอลกับพื้นเคาะบอลตามช่องกันได้อย่างแม่นยำโบนี่เองก็ดูจะปรับตัวได้เล่นได้เข้าขากับเพื่อน

     แต่พอมายุคแกรี่ มั้ง บอลของมั้งก็คือบอลที่เน้นเล่นกันเป็นทีมเน้นเกมรุกริมเส้นเป็นหลักแต่โบนี่เองก็ยังเป็นกองหน้าเบอร์หนึ่งอยู่แต่บทบาทดูจะน้อยลงกว่าตอนยุคของเลาดรู๊ปเพราะบอลของมั้งอาศัยเกมริมเส้นเป็นหลักนั้นเลยทำให้โบนี่จากที่มีอิสระในการเล่นเกมรุกถูกจำกัดให้คอยจบสกอร์ในแดนหน้าคอยเพื่อนมาป้อนให้มากกว่าที่จะมาล้วงบอลด้วยตัวเองซึ่งนี่ก็คงจะไม่ใช่สไตร์ของเจ้าตัว

      ซึ่งย้ายมาเรือผมเองก็เคยวิเคราะห์แล้วครับว่าบอลของซิตี้ในยุคเปเยกรินี่น่าจะเป็นสไตร์ที่โบนี่ชอบแต่สุดท้ายกลายเป็นเจ้าตัวปรับตัวกับระบบไม่ได้ซึ่งนี่ก็แปลกว่าโบนี่น่าจะถนัดกับบอลสไตร์นี้แต่กลับกลายเป็นว่าหลุดออกทะเลไปเลยยิงแต่ละทียิงนกตกปลาซึ่งรู้สึกว่าจะได้ลงสนามทั้งหมด 9 นัดเป็นตัวจริง 2 เกม ยิงไปแค่ 2 ประตู

      ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อจากที่อยู่สวอนซียิงกระจุยกระจายแต่พอมาเรือใบเท้าบอดไปเลยทีเดียวซึ่งโอกาศยิงถามว่าเยอะมั้ยก็เยอะครับถามถึงโอกาศยิงมีแน่นอนครับเพระระบบทีมของของเปเยกรินี่ไม่มีคำว่าหวงบอลใครมีโอกาศจบจบได้เลย แต่กลับกลายเป็นว่าพอโบนี่มีโอกาส กลายเป็นยิงนกตกปลาความคมของเจ้าตัวในสมัยสวอนซีหายไปซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดที่เจ้าตัวต้องแก้ไขและรีบเอามันกลับมาให้ได้เร็วที่สุด

      ผมขอสรุปเลยนะครับ สิ่งที่โบนี่ต้องแก้เลยหลักๆมีอยู่สองอย่างคือปรับตัวให้เข้ากับระบบโดยเร็วถึงท้ายๆฤดูกาลดูจะเข้าใจเล่นได้ดีแล้วแต่ก็ต้องเข้าใจให้มากกว่านี้ถ้าเข้าขารู้ใจกับเพื่อนอย่างซิลบา นาสรี่ กุน ยาย่า อะไรพวกนี้ถ้าจูนกันติดเมื่อไรรับรองหลายทีมมีเสียว และอีกอย่างคือจบสกอร์ให้คมมากกว่าเดิม

      โบนี่ เท่าที่ผมดูเขาที่ผ่านๆมาความคมของเขาตอนอยู่สวอนซีไม่แพ้กุนของเราเลยนะครับยิง 10 ตรงกรอบซัก 7-8 แต่พอมาซิตี้กลายเป็นยิงแต่ละดอกต้องมานั่งลุนว่าจะตรงกรอบมั้ยซึ่งต่างจากตอนอยู่สวอนซีที่ยิงแต่ละดอกลุ้นว่าจะเป็นประตูมั้ยซึ่งโบนี่ต้องรีบเอาสิ่งนี้กลับมาให้ได้โดยเร็วถ้าถามเรื่อทักษะของเจ้าตัวผมดูแล้วไม่น่ามีปัญหาแต่ขอแค่สองเรื่องนี้ โบนี่ น่าจะกลับมาเป็นโบนี่คนเดิมสมัยที่ยิงระเบิดเถิดเทิงในยุคสวอนซี

      ซึ่งถ้าแก้ไม่ได้มีผลกระทบต่อตำแหน่งในการแย่งตัวจริงกันแน่ซึ่งเราก็ยังเดาไม่ออกว่าฤดูกาลหน้าเปเยกรินี่จะปรับกลับมาเล่น 4-4-2 หน้าคู่รึป่าวเพราะถ้าไม่ใช่เปเยยังติดใจหน้าเดี่ยวเหมือนท้ายซีซั่นที่แล้วที่ปรับมาเล่นหน้าเดี่ยวและชนะรวดมาเรื่อยๆรับรองกระเทือนถึงโบนี่แน่นอน

     ถึงจะเป็นสำรองเบอร์หนึ่งแต่ก็ไม่มีใครหลอกครับที่อยากเป็นสำรองเพราะถ้าถามเวลาเล่นหน้าเดี่ยว กุน ยึดตัวจริงแน่นอนนอกจากว่าจะเจ็บจะอะไรโบนี่ก็จะเป็นตัวเลือกแรกครับ แต่ถ้าปรับมาเล่นหน้าคู่นั้นคือเวลาที่เจ้าตัวจะต้องพิสูจน์ให้เห็นว่า 28 ลป ที่เรือยอกควักจ่ายมามันคุ้มหรือไม่ 

- บลูมูน -