อาร์เซน่อล ยังรักษาฟอร์มการเล่นที่ร้อนแรงอย่างต่อเนื่องแม้ว่าล่าสุดจะต้องรับมือกับทีมแกร่งอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่ด้วยคุณภาพในเกมรุกอันเฉียบคมทำให้พลพรรคปืนโต ไล่บดเอาชนะได้ไม่ยาก 2-0 โดยสองประตูในเกมนี้เป็นผลงานการยิงของ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ คนเดียว ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันเสาร์ที่ 4 เมษายน 2552
อาร์เซน่อล 2 - 0 แมนฯ ซิตี้
สนาม : เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม
เกมที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม อาร์เซน่อลฉลองการกลับมาฟิตเปรี๊ยะของกัปตัน เชส ฟาเบรกาส และส่งบู๊เป็นตัวจริงทันทีหลังเข่าเดี้ยงต้องพักฟื้นไปนานสามเดือน
พร้อมกันนี้ ธีโอ วัลค็อตต์ กับ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ก็หายเจ็บเป็นปลิดทิ้งเช่นกัน แต่ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่, ซามีร์ นาสรี่ และ เอดูอาร์โด้ ดา ซิลวา เดี้ยงมาจากการรับใช้ชาติ
ด้านแมนฯ ซิตี้ซึ่งปราศจาก สตีเฟ่น ไอร์แลนด์ ที่ไม่สมบูรณ์ได้รับข่าวดี เคร็ก เบลลามี่ กับ เวย์น บริดจ์ สลัดอาการบาดเจ็บได้ทันเวลา จึงมีชื่อลงสนามเป็น 11 ตัวแรก
เรือใบสีฟ้าได้ทักทายเจ้าบ้านก่อนในนาทีที่ 5 จากจังหวะเก็บตกกระทุ้งจากหน้าเขตโทษของ ไนเจล เด ยองก์ แต่ไม่ดีพอที่จะผ่านการป้องกันของ มานูเอล อัลมูเนีย
และแล้วอีกแค่สามนาทีต่อมา อาร์เซน่อลก็ได้ลูกฟรีคิกแถวมุมธงด้านขวาเนื่องจาก โรบินโญ่ เข้ากระแทก บาการี่ ซาญ่า ล้ม และเป็นฟาเบรกาสรับภาระตักบอลไปเสาไกลโดยมีอเดบายอร์ได้ยืนจังก้าโขกเหน่งๆ ไม่มีใครประกบจากสิบหลาส่งบอลย้อนศรเข้าประตูพาปืนโตนำก่อน 1-0
นับจากนั้นทีมเมืองหลวงก็คุมจังหวะเอาไว้ได้อย่างสบายอุรา และถึงนาทีที่ 17 บริดจ์ก็มีปัญหาความฟิตเล่นต่อไม่ไหวต้องเดินออกแต่โดยดีเปิดทางให้ เกลสัน แฟร์กน็องเดส ได้ลงมาแทน
ผ่านมาถึงนาทีที่ 21 ริชาร์ด ดันน์ ก็โดนจดชื่อโทษฐานทำฟาวล์ เดนิลสัน จากนั้นอีกนาทีเดียวเดอะ กันเนอร์ส ก็น่าจะเพิ่มสกอร์ได้เมื่อ โคโล ตูเร่ โชว์ลีลาลุยขึ้นกราบขวาหลอกล่อ ปาโบล ซาบาเลต้า จนทะลุเข้าเขตโทษไปซัลโวมุมแคบ แต่ เชย์ กิฟเว่นไม่ยอมง่ายๆ ปรี่ออกมาใช้ลำตัวบล็อกเอาไว้ทัน
กระทั่งนาทีที่ 27 ทีมตราเรือใบจึงมีโอกาสบุกตอบโต้อย่างถนัดถนี่โดย ไมกาห์ ริชาร์ดส์ เติมเกมขึ้นกราบขวาน่ากลัวจนหลุดเข้าเขตโทษไปเข่นเต็มข้อ แต่ถูกอัลมูเนียเซฟได้
จากนั้นอีกสี่นาทีทีมเยือนก็น่าจะทวงคืนได้อย่างยิ่งจากจังหวะที่ ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ ไหลบอลเข้าเขตโทษถวายพานทองให้แฟร์น็องเดสพลิกยิงจาก 12 หลา โดยไม่มีแนวรับอาร์เซน่อลเข้าขวาง แต่โชคร้ายบอลพุ่งกระทบเสาแรกทั้งๆ ที่ อัลมูเนีย ได้แต่ยืนมองแล้ว
จวบจนนาทีที่ 36 ตูเร่ได้ใบเหลืองข้อหารวบใส่โรบินโญ่ ก่อนที่แมนฯ ซิตี้จะต้องเปลี่ยน แว็งซ็องต์ ก็องปานีที่ไม่สมบูรณ์ออกอีกรายในอีกสองนาทีให้หลังให้เอลาโน่ลงสนาม
นาทีที่ 43 เอลาโน่ ลองส่องจากหน้าเขตโทษ แต่บอลหลุดกรอบไป จากนั้นในนาทีสุดท้ายของครึ่งแรก ซาบาเลต้า ก็ได้ใบเหลืองในจังหวะเข้าเสียบวัลค็อตต์
เข้าสู่ช่วงทดเวลาเจ็บ อาร์เซน่อลได้เสียวอีกรอบเมื่อ อเล็กซ์ ซง ชิ่งบอลคืนให้ อังเดร อาร์ชาวิน หลุดไปกระทุ้งในเขตโทษด้านซ้าย ดีที่ว่ากิฟเว่นทิ้งตัวปัดได้เฉียดฉิว ครบ 45 นาทีแรกทีมปืนใหญ่จึงนำอยู่ด้วยสกอร์เดิม 1-0
เริ่มครึ่งหลังมาได้นาทีเดียว เดอ ย็องต์ก็โดนจดชื่อทันทีในจังหวะปะทะใส่คู่แข่ง และถึงนาทีที่ 49 เจ้าบ้านก็หนีไปอีกเม็ดโดยฟาเบรกาสตักบอลจากแถวสองข้ามหัวดันน์ให้อเดบายอร์เกี่ยวบอลลงพื้นหลุดเดี่ยวเข้าไปล็อคหนีกิฟเว่นแล้วแปจากแปดหลานิ่มๆพาปืนใหญ่นำเป็น 2-0
เท่านั้นไม่พอ นาทีที่ 52 อาร์เซน่อลก็เกือบเจาะตาข่ายได้อีกจากลูกเตะมุมด้านขวาที่ฟาเบรกาสโยนไปเสาแรกให้ซงโขกข้ามคานไปนิดเดียว
เกมเป็นของทีมเมืองกรุงเต็มตัวแล้ว และอีกอึดใจเดียวฟาเบรกาสก็เลื้อยไปสุดเส้นหลังด้านซ้ายก่อนจะป้ายเข้ามาหน้าประตูให้อเดบายอร์แป แต่เบาเกินกว่าที่จะผ่านมือกิฟเว่น
แมนฯ ซิตี้ยังพยายามสู้ต่อ และในนาทีที่ 59 ซาบาเลต้าก็ลองตะบันจากหน้าเขตโทษ แต่ถูกอัลมูเนียกระโดดคว้าได้
อย่างไรก็ดี ไม่นานนักทีมเมืองหลวงก็กลับมาเดินหน้าอีกหน และวัลค็อตต์ลองกระหน่ำจากระยะ 25 หลาในนาทีที่ 69 ถูกกิฟเว่นปัดข้ามคานได้ทัน
ถัดจากนั้นอีกพักเดียว อาร์แซน เวนเกอร์ก็เปลี่ยนผู้เล่นสองรายให้เอ็มมานูเอล เอบูเอ้กับนิคลาส เบนดท์เนอร์ลงไปแทนวัลค็อตต์กับอเดบายอร์
นาทีที่ 75 เรือใบสีฟ้าเปลี่ยนโรบินโญ่ที่ไร้บทบาทออกให้ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ลงไปแทน ขณะที่เจ้าบ้านก็ถอดฟาเบรกาสออกในนาทีที่ 79 โดยมีอาร่อน แรมซีย์ได้ลงบู๊เป็นตัวสำรองรายสุดท้ายเช่นกัน
ช่วงที่เหลือ เกมลดดีกรีความลงไปตามลำดับ จวบจนหมดเวลาอาร์เซน่อลจึงชนะไปแบบไม่เบะๆ 2-0
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
อาร์เซน่อล : มานูเอล อัลมูเนีย, บาการี่ ซาญ่า, โคโล ตูเร่, วิลเลี่ยม กัลลาส, กาแอล กลิชี่, เชส ฟาเบรกาส, อเล็กซ์ ซง, เดนิลสัน, ธีโอ วัลค็อตต์, อังเดร อาร์ชาวิน, เอ็มมานูเอล อเดบายอร์
แมนฯ ซิตี้ : เชย์ กิฟเว่น, ไมกาห์ ริชาร์ดส์, เนดุม โอนัวฮา, ริชาร์ด ดันน์, เวย์น บริดจ์, ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์, พาโบล ซาบาเลต้า, ไนเจล เด ยองก์, แว็งซ็องต์ ก็อมปานี, โรบินโญ่, เคร็ก เบลลามี่
http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/090404_139.html