เรือใบสีฟ้า สร้างสถิติชนะรวด 4 เกม ยิงคู่แข่งได้ 10 ลูก ยังไม่เสียประตูให้ทีมไหนเลย ทำแต้มนำโด่งบนยอดตาราง แถมตอกย้ำความรวยด้วยการทุ่มเงินซื้อ เควิน เดอ บรอยน์ ด้วยค่าตัวสถิติสโมสร ว้าว!
 
        งานนี้ไม่ธรรมดาแน่ ราฮีม สเตอร์ลิง, นิโกลัส โอตาเมนดี้ และ เดอ บรอยน์ 3 คนนี้ค่าตัวรวมกัน 130 ล้านปอนด์ แถมพกโนเนมอีก 2 คน เป็นยอดการสั่งซื้อ 150 ล้านปอนด์ หรือ 7,500 ล้านบาท ไม่เห็นต้องคุยไว้ก่อนเลยว่าจะใช้งบเท่าไหร่แบบนี้ โคตรรวยจริงๆ
 
        ไม่เหมือนบางทีมคุยนัก-คุยหนามีงบ 150 ล้านปอนด์ ในการสร้างทีม แล้วไง? นอกจากไม่ซื้อ ผลงานก็ยังไม่เข้าเป้าอีกต่างหาก
 
        พรีเมียร์ลีกคว้าแชมป์ในตลาดซื้อ-ขาย ปีนี้แน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์จะทำลายสถิติ 800 ล้านปอนด์ เมื่อปี 2013 ลงซะด้วย คอยดูเถอะครับวันนี้เดดไลน์ของตลาดนักเตะ หากหน้ามืดทุ่มรวมกันมากๆ ยอดอาจทะลุ 850 ล้านปอนด์ขึ้นไปได้
 
        เห็นจะมีแต่ลีกอังกฤษชาติเดียวนี่แหละทุ่มกันอย่างบ้าคลั่ง จนเป็นข่าวฮือฮา แทบทุกวันในโค้งสุดท้ายของตลาด ลีกอื่นใช้เงินอย่างระมัดระวังมาก ขายทำกำไรตั้งเยอะ
 
        โวล์ฟสบวร์ก สบายไปเลยครับ ลงทุนแค่ 22 ล้านปอนด์ ใช้เวลาปีครึ่ง ปั้น เดอ บรอยน์ ได้กำไรมากกว่า 30 ล้านปอนด์ นี่คือตัวอย่างชัดเจนที่สุด หลักเกณฑ์ของฟุตบอลอาชีพคือ ธุรกิจ
 
        คราวนี้แฟนบอลต่างจับตามอง แมนฯ ซิตี้ ในฐานะทีม "เต็ง 1" ว่าจะลอยลำคว้าแชมป์มาครองหรือไม่? หากนำแบบม้วนเดียวจบตั้งแต่นัดแรกที่ลงสนามก็ผงาดขึ้นนำแล้วเล่นสมราคาทีม 300 ล้านปอนด์ ค่าเฉลี่ยของผู้เล่นแต่ละตำแหน่ง 25 ล้านปอนด์
 
        ซิตี้ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกมาแล้ว 2 สมัย 2012 กับ 2014 กลับมาไล่ล่าแชมป์ในปีเลขคู่อีกครั้ง ถ้าทำสำเร็จมีเว้นปี 2016
 
        1 เดือนที่ผ่านมา ฟอร์มการเล่นของซิตี้สมบูรณ์แบบที่สุด ภายใต้ความกดดัน "ดิ เอนจิเนียร์" มานูเอล เปเยกรีนี่ ทำหน้าที่ได้ดีมากๆ แหวกธาตุอากาศที่เกือบจะโดนปลดมานั่งหัวแถวได้อย่างน่าทึ่ง
 
        ฟอร์มแจ่มในพรีเมียร์ลีกขนาดนี้ทำให้แฟนลืมไปเลยว่าผลการจับสลากรอบ แบ่งกลุ่ม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เจองานหนักอีกครั้ง ต้องอยู่สายเดียวกับ ยูเวนตุส, เซบีย่า, มึนเช่นกลัดบัค
 
        ตอนนี้สมาชิกร่วมกลุ่มผลงานในลีกกับย่ำแย่กันอยู่เป็นความได้เปรียบขอบเรือใบสีฟ้าทางหนึ่ง
 
        สถานการณ์ดูผ่อนคลายเหลือเกินครับ เพราะทีมอื่นในลีก ย่ำแย่พอๆ กัน "แชมป์เก่า" เชลซี แพ้ไป 2 เกมแล้วจากการลงเตะ 4 นัด เพิ่งจะมี 4 แต้ม ตามหลังซิตี้ถึง 8 คะแนน คิดดู
 
        แน่นอนเมื่อทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ ออกสตาร์ตแบบนี้เกิดความสับสนวุ่นวายพอสมควร แล้วคงใช้เวลาในช่วงเบรกสัปดาห์นี้กลับไปทำการบ้าน-เคลียร์ปัญหาเฉพาะหน้า ของตัวเองซะก่อนเกมถัดไป
 
        พวกที่ออกสตาร์ตไม่ดีมีเวลาชาร์จแบตใหม่
 
        ที่ผ่านมา 4 เกมเป็นเรื่องแปลกเหมือนกัน แมนฯ ยูไนเต็ด, อาร์เซน่อล และ ลิเวอร์พูล ผลการแข่งขันเท่ากันเป๊ะ ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 1 มี 7 แต้ม ต่างกันตรงประตูได้เสียกอดกันกลมเชียวในตาราง
 
        ดูเหมือนรักกันนะพวกสาวก 7 แต้มเนี่ย
 
        ที่แน่ๆ แฟนของแต่ละทีมบ่นกันพึมพำกับผลงานที่ค่อนข้างน่าผิดหวัง ภาพรวมไม่ดีเอาซะเลย อย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด ออกลาย แพ้ สวอนซี ทั้งที่ขึ้นนำไปก่อน กลายเป็น ทีมแพ้ทาง หงส์?ขาว อาจารย์ หลุยส์ ฟาน กัล ถูกตำหนิในการตัดสินใจเปลี่ยน อันเดร์ เอร์เรร่า กับ ฆวน มาต้า ออก ทั้งที่ยังเล่นได้ดีอยู่
 
        เปลี่ยนตัวเหมือนไม่อยากจะเอาชนะ? ส่วนคนเล่นย่ำแย่อย่าง เวย์น รูนี่ย์ หรือ เมมฟิส เดอปาย ไม่เอาออก
 
        พอแพ้นัดแรกก็ออกอาการซะแล้วแมน เอ๋ย แมนฯ ยูฯ
 
        เช่นเดียวกับ ลิเวอร์พูล เละคาบ้านชนิดเห็นสกอร์แล้วไม่อยากเชื่อว่าจะแพ้ เวสต์แฮม 0-3 โดนล้อกันทั้งบาง
 
        งานนี้บีร็อดหมดสภาพอีกแล้วครับ น่วมไปหมด
 
        วีกที่ผ่านมาทั้ง โชเซ่ มูรินโญ่, แบรนเดน ร็อดเจอร์ส และ ฟาน กัล โดนกันถ้วนหน้ากลายเป็น "สัปดาห์ดวงแตก" ของ 3 ทีมดัง บาดเจ็บจนต้องหลบรักษาแผลกัน 2 สัปดาห์ค่อยกลับมาใหม่
 
        "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล รอดตัวไปจากคู่แข่งโดนไล่ออกตั้งแต่ต้นเกม ซึ่งพรีเมียร์ลีกสัปดาห์ที่ผ่านมา เฮี้ยนมาก 6 ใบแดง จาก 10 สนาม
 
        มาถึงวันนี้ไฮไลต์อยู่ ที่ตลาดนักเตะจะมีทีมไหนสร้างความฮือฮาบ้างกับการทุ่มซื้อซุป"ตาร์นาทีสุด ท้าย คงมีข่าวให้เราได้ตามกันตลอดทั้งวันแหละครับ

ต.โต้ง

***********************************************************

Cr.siamsport.co.th/   ติดตามข่าวสารได้ที่เวปหลักของประเทศไทย www.mcfc.in.th