1.) เยโรม บัวเต็ง - (แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2010-2011)
            หลังย้ายจาก ฮัมบูร์ก มาซบ แมนฯ ซิตี้ ในปี 2010 โดยลงสนามไป 24 นัด รวมทั้งการโดนไล่ออกในเกม เอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ กับ สโต๊ค ซิตี้ ด้วยนั้น บัวเต็ง ถูกเลหลังให้กับ บาเยิร์น มิวนิค หลังจากค้าแข้งในถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม ได้เพียงฤดูกาลเดียว นับตั้งแต่นั้นแข้งวัย 27 ปีพัฒนาฝีเท้าจนกลายเป็นหนึ่งในเซ็นเตอร์แบ็กที่ดีที่สุดในโลกลูกหนังยุค ปัจจุบัน แม้จะเคยถูกกระหน่ำล้อบนโลกโซเชียลจากจังหวะถูก ลิโอเนล เมสซี่ โยกหลอกจนหลังหัก เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาก็ตาม 

            บัวเต็ง เป็นฟันเฟืองสำคัญช่วยให้ "เสือใต้" คว้าแชมป์ บุนเดสลีกา ได้ 3 สมัย, เดเอฟเบ โพคาล 2 สมัย, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย นอกจากนี้ยังอยู่ในทีมชาติเยอรมันชุดคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2014 ที่เฉือนชนะ อาร์เจนตินา ที่นำทัพโดย เมสซี่ ในรอบชิงชนะเลิศ ได้สำเร็จอีกด้วย

            2.) ยอน ดาห์ล โทมัสสัน - (นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 1997-1998)
            อดีตกองหน้าทีมชาติเดนมาร์ก ที่หลายคนจดจำในฐานะยอดซูเปอร์ซับ ย้ายมาซบ นิวคาสเซิ่ล เมื่อปี 1997 หลังทำผลงานอย่างยอดเยี่ยมตลอดช่วง 3 ปีในลีกฮอลแลนด์กับ ฮีเรนวีน อย่างไรก็ตามเขายิงได้เพียง 4 ประตูจาก 35 นัดรวมทุกรายการ ก่อนโบกมือลา "สาลิกาดง" ย้ายไปค้าแข้งกับ เฟเยนูร์ด ในปีถัดมา จากนั้นโยกซบ เอซี มิลาน, สตุ๊ตการ์ท, บียาร์เรอัล ก่อนหวนกลับมาปิดฉากเส้นทางลูกหนังกับ เฟเยนูร์ด เมื่อปี 2011

            ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ หลังอำลา นิวคาสเซิ่ล โทมัสสัน คว้าถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย ร่วมกับ มิลาน ในปี 2003, เซเรีย อา และ โคปปา อิตาเลีย อีกอย่างละ 1 สมัย รวมทั้งแชมป์บุนเดสลีกา ร่วมกับ "ม้าขาว" นอกจากนี้เขายังได้รับเลือกให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของเดนมาร์ก, คว้ารางวัลดาวซัลโวของลีก 3 ฤดูกาลติดต่อกัน ขณะที่ยังเคยได้รับโหวตให้ติดทีม ยูฟ่า ยูโร ออลสตาร์ หลังโบกมือลาถิ่น เซนต์ เจมส์ พาร์ค อีกด้วย

            3.) ดีเอโก้ ฟอร์ลัน - (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2002-2004)
            มีเพียงไม่กี่ครั้งที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อดีตบรมกุนซือชาวสกอตต์ เคยมองผิดพลาด แต่ ฟอร์ลัน คือหนึ่งในนั้น หลังจากประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ตลอดช่วง 5 ปีกับ อินดิเพนเดนเต้ ดาวยิงชาวอุรุกวัยตัดสินใจย้ายมาล่าตาข่ายในโรงละครแห่งความฝัน แต่ยิงได้เพียง 17 ประตูเท่านั้นจาก 98 นัด ในช่วง 2 ฤดูกาลครึ่งกับ "ปีศาจแดง"

            ฟอร์ลัน ย้ายไปร่วมทัพ บียาร์เรอัล ในปี 2004 ที่ซึ่งเขาทำผลงานยิง 59 ประตู จาก 128 นัด จากนั้นโยกซบ แอตเลติโก มาดริด สโมสรซึ่งเขากลับมาเป็นจอมสังหารอีกครั้ง ด้วยการระเบิดฟอร์มยิงสลุต 96 ประตู จาก 196 นัด ซึ่งหลังจากโบกมือลา แมนฯ ยูไนเต็ด ฟอร์ลัน คว้าแชมป์ยูโรปา ลีก ได้1 สมัย, ดาวซัลโว ลา ลีกา 2 สมัย, ดาวซัลโวยุโรป 2 สมัย นอกจากนี้ยังได้รับรางวัลรองเท้าทองคำในศึกฟุตบอลโลก 2010 รวมทั้งได้รับโหวตให้ติดทีมยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ดังกล่าวด้วย

            4.) เคลาดิโอ ปิซาร์โร่ - (เชลซี 2007-2009)
            ดาวยิงทีมชาติเปรูระเบิดฝีเท้ายิง 100 ประตู จาก 256 นัด ให้กับ บาเยิร์น ก่อนย้ายมาดับสนิทกับ "สิงห์บลูส์" โดยยิงได้เพียง 2 ประตูในฤดูกาลแรก และถูกปล่อยให้ เบรเมน ยืมตัวใช้งานในฤดูกาล 2008-09 ซึ่งเขาสามารถช่วยทีมคว้าแชมป์ เดเอฟเบ โพคาล ได้สำเร็จ ก่อนเซย์กู๊ดบายถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ หวนกลับไปซบ "เสือใต้" อีกครั้ง ซึ่งการค้าแข้งในถิ่นอัลลิอันซ์ อารีน่า คำรบ 2 นั้น ปิซาร์โร่ ซิวแชมป์บุนเดสลีกาได้ 2 สมัย, เดเอฟเบ โพคาล 2 สมัย รวมทั้ง แชมเปี้ยนส์ ลีก, แชมป์สโมสรโลก และ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ อีกอย่างละ 1 สมัย

            5.) ฟรังโก้ ดิ ซานโต - (เชลซี 2008-2010)
            ดาวยิงชาวอาร์เจนไตน์ เคยผ่านจุดที่เกือบไม่มีสโมสรไหนต้องการตัวมาแล้วหลายครั้งก่อนหน้านี้ แต่เขาก็สามารถพลิกวิกฤติด้วยการซัดประตูสวยๆกับบางทีมได้เสมอ กองหน้าวัย 26 ปีย้ายมาซบ เชลซี ในปี 2008 แต่หลังจากค้าแข้งกับที่นี่ได้เพียง 2 ฤดูกาล ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการถูกปล่อยให้ แบล็คเบิร์น ยืมตัวใช้งาน และคลำเป้ากับ "สิงห์บลูส์" ไม่เจอแม้แต่ประตูเดียวเลยนั้น ดิ ซานโต ถูกเลหลังให้กับ วีแกน ในปี 2010 

            เขาใช้เวลาค้าแข้งกับ "เดอะ ลาติกส์" 3 ซีซั่นและแม้กระทั่งร่วงตกชั้นไปกับพวกเขา ก่อนชีพจรลงเท้าอีกครั้งด้วยการย้ายเข้ารัง เบรเมน ในปี 2013 โดยทำผลงานยิงให้ "เจ้านกนางนวล" ได้เพียง 4 ประตูในฤดูกาลแรก ก่อนทำได้ 18 ประตูจาก 50 นัดในฤดูกาลถัดมา และด้วยฟอร์มอันโดดเด่นนั้น ส่งผลให้ ชาลเก้ 04 ตัดสินใจดึงตัวมาร่วมทีมในซัมเมอร์นี้ โดยเขาเป็นส่วนหนึ่งของทัพ "ราชันสีน้ำเงิน" ที่เก็บได้ 4 คะแนนจาก 3 นัดในลีกซีซั่นนี้  

***********************************************************

Cr.siamsport.co.th/   ติดตามข่าวสารได้ที่เวปหลักของประเทศไทย www.mcfc.in.th