แทคติก vs แทคติก 

     ผ่านไปแล้วหนึ่งคืนสำหรับนัดเปิดสนามเวทียุโรปอย่างศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก หลายนัดเป็นไปตามที่สื่อคาดการณ์และก็มีอีกหลายนัดที่พลิกล็อกเหนือความคาดหมายเกมที่ เอติอัท สเตเดี่ยม คือหนึ่งในนั้น

      ผมวิเคราะห์ก่อนเกมแล้วครับว่าอัลเลกรีงัดเอาแผนหลังแบ็กโฟว์มาใช้แน่นอนยามเล่นใน ชปล เขายึดหลังสี่มาตลอดและอัลเลกรีก็โชว์ให้เห็นถึงความเก๋าในแชมป์เปี้ยนลีกแล้วครับว่าราคารองแชมป์ปีที่แล้วไม่ใช่ราคาคุย เราต้องชมครับว่าการวางหมากวางแทคติกของอัลเลกรีนั้นทำได้เนี้ยบกว่าเปเยกรินี่ภาพของยูเวนตุสที่ผมดูในลีกกับเกมเมื่อคืนนี่ดูแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว

     ผมไม่ขอร่ายอะไรยาวไปวิเคราะห์แมทนี้พร้อมกันเลยครับ แม็ก อัลเลกรี พาลูกทีมมาในระบบ 4-3-1-2 โดยแผงแบ็กโฟว์ใช้ ริชสไตร์เนอร์ กับ เอฟร่า คู่เซ็นเตอร์เป็น คิแอลลินี่ กับ โบนุชชี่ ส่วนสามประสานแดนกลาง มีกวาราโด้ สตูราโล่ และ ป็อกบา มิดฟิวน์ตัวรุกยกให้ แอร์นานเดส ส่วนคู่หัวหอกเป็น มานซูคิซ กับ โมราต้า

     ทางเจ้าบ้านจัดทัพมาในระบบ 4-2-3-1 สี่ปราการหลังยังใช้ชุดเดิมคือ โคลาลอฟ , ซานญ่า , คอมพานี , ม็องกาล่า ส่วนมิดฟิวน์คู่กลางก็ยังเป็น ยาย่า ตูเร่ กับ เฟอร์นันดินโญ่ สามประสานแนวรุก นาสรี่ , ซิลบา , สเตอร์ลิง และหน้าเป้าเป็น โบนี่

     เฮ้อ…. การจัดทัพของเรือใบสีฟ้าก็ดูไม่น่ามีปัญหาอะไรเพราะส่วนใหญ่ก็ยึดผู้เล่นชุดนี้จะมีเปลี่ยนก็สองตำแหน่งคือ นาสรี่มาแทนนาบาส โบนี่มาแทนกุนที่ไม่ฟิต 100%

     ผมขอว่ากันในครึ่งแรกก่อนละกันนะครับ แน่นอนครับอย่างที่ผมบอกครับใครจะมองต่างยังไงผมไม่รู้แต่เกมนี้คือเกมที่วัดกึ๋นของโค้ชทั้งสองทีมจริงๆ เท่าที่ผมดูเกมนี้มันตัดสินกันอยู่ที่แทคติกและชั้นเชิงของสองกุนซือระหว่าง เปเยกรินี่ กับ อัลเลกรี ซึ่งบอลสไตร์ลาตินมาดวลกับอิตาเลี่ยนขนานแท้ครับ

     ในครึ่งแรกเราอาจจะเห็นครับว่าเรากุมสถานการณ์ไว้ได้อยู่หมัดทั้งการครองบอลทั้งจังหวะจบสกอร์เราแทบจะดูดีกว่ายูเวนตุสตั้งแต่จังหวะแรกที่ของสเตอร์ลิง เปเยกรินี่วางหมากมาโดยคือการเน้นการครองบอลเหมือนซิตี้ที่เป็นแบบแต่ก่อนสมัยเปเยมาคุมแรกๆคือการเคาะบอลทำชิ่งวันทูและเราจะเห็นว่ามีการเล่นบอลจังหวะเดียวแม่นยำขึ้น

      นักฟุตบอลขยับหาที่หมุนเวียนตำแหน่งกันตลอดที่เห็นหลักๆเลยคือสามแนวรุกกับสองกองกลางของเรือใบที่คอยโรเตชั่นเปลี่ยนตำแหน่งชิ่งบอลหาช่องกันอยู่ตลอดเวลาซึ่งถ้าให้ผมเดาใจเปเยแกก็คงมองออกครับว่าอัลเลกรีคงจะขี่รถบัสมาขวางสนามก็เลยส่งผู้เล่นชั้นเชิงสูงอย่างนาสรี่ลงแทนนาบาส

      แต่อัลเลกรีมาเหนือกว่านั้นเขาวางหมากมาได้สุดยอดครับนี่คือต้นตำรับอิตาลีขนานแท้ เท่าที่ผมมองเขาไม่ได้รับลึกจนน่าเกลียดเขาไม่ได้มีกำแพงแค่สองชั้นแต่ยูเว่มีกำแพงหรือรถบัสจอดขวางอยู่ทั้งหมดสามชั้น เราจะเห็นว่าผู้เล่นยูเว่ถอยไปคุมพื้นที่ปิดโซนการทำเกมของซิตี้ในพื้นที่ตัวเองได้หมด 11 ตัวของยูเว่เล่นกันแบบมีวินัยมากสองกองหน้าเราจะเห็นว่าสลับสับเปลี่ยนกันมาไล่บอลคอยวิ่งไล่เพลสซิ่งกันทำให้ซิตี้ต้องออกบอลเร็ว

      ใช่ครับเราจะเห็นว่าซิตี้ตั้งเกมในแดนหลังกันนานมากบอลส่วนใหญ่อยู่ในแดนของซิตี้เอง ผมมองแล้วแทคติกของสองทีมนี้ในเรื่องการเข้าทำเกมรุกดูจะคล้ายๆกันครับคือเน้นเกมริมเส้นและอาศัยแบ็กเป็นตัวดำเนินเกมเราจะเห็นว่าพอซิตี้ขึ้นเกมบอลส่วนใหญ่จะขึ้นที่ โคลาลอฟ กับ ซานญ่า มากกว่าโดยเฉพาะนัดนี้ดู ซานญ่า จะโดดเด่นเป็นพิเศษเพราะบอลจะมาหาเขาบ่อย เช่นเดียวกับยูเว่ที่ขึ้นเกมที่เอวร่ามากกว่า ริตสไตร์เนอร์ เพราะนัดนี้ สไตร์เนอร์ดูจะหนักไปในเกมรับมากกว่ารุกเกมทางริมเส้นจะไปหนักที่ เอวร่ามากกว่า

การต่อสู้ในแดนกลาง!!

     นัดนี้เราจะเห็นครับว่าบอลส่วนใหญ่โดนตัดในแดนกลางโดยเฉพาะยูเว่ที่เจอทั้ง เฟอร์นันดินโญ่ ยาย่า คอมพานี กับ ม็องกาล่า เราจะเห็นว่าเกมแดนกลางของซิตี้ดูดีกว่ายูเว่ครับบอลของยูเว่ส่วนใหญ่จะขับเคลื่อนเกมโดยป็อกบาแต่พอบอลมาหาป็อกบาก็ดูผู้เล่นซิตี้จะกัดไม่ปล่อยโดยเฉพาะ เฟอร์ดินโญ่ของเราหลายจังหวะที่มีการประทะตัดบอลสวยๆรวมไปถึงการตัดเกมแบบแนบเนียนของเฟอร์ดินโญ่

      แต่ก็ใช่ว่าจะดีแค่ซิตี้ ซิตี้ตัดบอลทำลายจังหวะของยูเว่ได้จริงครับ แต่ซิตี้เองก็แทบจะเจาะเกมรับของยูเว่ไม่เข้าโดยเฉพาะแดนกลางโดนแพ็กเกมซะแน่นภาระส่วนใหญ่ก็เลยต้องไปตกที่ ซานญ่า กับ โคลาลอฟในการขึ้นเกมแทน

ครึ่งแรกที่อึดอัด!!

     ในครึ่งแรกเราจะเห็นว่าทรงบอลของทั้งสองทีมดูจะเหมือนดูเชิงกันก่อนซิตี้เล่นตามแผนที่เปเยกรินี่วางไว้คือการเคาะบอลตามช่องบวกกับการครองบอลที่เหนียวแน่นส่วนอัลเลกรีแน่นอนครับมาเยือนและด้วยคอนเซปสไตร์การทำทีมของเขามาแพ็กเกมรับแน่นอน ในครึ่งแรกก็เป็นซิตี้ที่ดูจะมีโอกาสสวยๆงามๆมากกว่าแต่ปัญหาอย่างเดียวเลยคือ  ความเฉียบขาดในการจบสกอร์ ส่วนยูเว่ก็เล่นไปตามแผนของอัลเลกรีครับ

ครึ่งสองที่เร้าใจ!!

      แน่นอนครับว่าเมื่อมีการแก้เกมไปแล้วครึ่งสองก็ต้องเป็นครึ่งแห่งความสนุก เปิดหัวครึ่งสองมาเป็นยูเว่ที่ดูดีกว่าซึ่งมีการครองบอลที่เหนียวแน่นขึ้นส่งบอลกันง่ายเน้นครองบอลเหนียวไว้ก่อนและค่อยๆอาศัยจังหวะที่จะพลิกโอกาส แต่พอเวลาผ่านไปมันก็เข้าอีหร็อปเดิมยูเว่พอเสียการครองบอลก็หันไปแพ็กเกมรับกันเร็วเหมือนเดิม

     ซิตี้ในนัดนี้ดูจะดีหน่อยตรงที่ช่วยกันวิ่งไล่กองกลางกองหลังแบ็กอ่านเกมกันเยี่ยมแต่พอดักบอลได้จังหวะสวนกลับกลายเป็นตันไปซะยังงั้นการส่งนาสรี่ลงมามันมีดีมีเสียคนละอย่างครับ ดีตรงที่เล่นบอลตามพื้นตามช่องได้ดีแต่เสียตรงที่วว่าจังหวะสวนกลับช้าเกินไปถ้าเป็นนาบาสก็จะเป็นอีกมิตินึงที่เหมาะมากกับเกมสวนกลับผมมองว่าถ้านัดนี้มี นาบาส กับ สเตอร์ลิง แมนซิตี้จะมีเกมสวนกลับที่ดูดุดันกว่านี้

โบนี่ ที่ไม่ตอบโจทย์!!

     เป็นประเด็นทอคออฟเดอะทาวน์ไปแล้วสำหรับ วิลฟรีด โบนี่ ว่านี่หรือคือผู้เล่นที่ซิตี้ควักจ่ายไป 20 กว่าล้านปอนด์อย่างที่เห็นครับโบนี่ในนัดนี้ดูไม่ได้เลยจริงๆผมไม่อยากจะวิจารณ์หรืออะไรมากนะครับเพราะไม่อยากโดนดราม่าแต่ที่เห็นเราไม่อาจจะปฏิเสธความจริงได้ครับว่าโบนี่ เห็นแล้วน้ำตาจะไหล

      การพาบอล การจบสกอร์ การชิงจังหวะ การเข้าปะทะ การหาพื้นที่ โอ้แม่เจ้า… รวมไปถึงสัญชาตญาณกองหน้าหายไปไหนโหม้ดดดดดด โบนี่ ในแมทเมื่อคืนที่ผ่านมาผมเห็นอย่างเดียวที่ทำได้โดดเด่นคือการกระโดดชิงบอลกลางอากาศ ก็อย่างที่เห็นครับว่าโบนี่อาจจะยังจูนไม่เข้ากับระบบของเปเยกรนี่ เขาคนละสไตร์กับ กุน

     ซึ่งโบนี่เป็นกองหน้าประเภทรอใส่สกอร์มากกว่าจะขยับหาพื้นที่เล่น ซึ่งเมื่อไม่มีตัวคอยจ่ายคอยป้อนก็เรียบร้อยครับยืนทิ่อเป็นหินคอยชนกับคิแอลลินี่ก็รู้ๆกันอยู่ครับว่ารายนั้นกองหลังระดับพระกาฬอยู่แล้วจะผ่านจะกินแกนี่ บอกได้คำเดียวว่า ยากกกกก และทั้งเกมฟอร์มก็ออกมาอย่างที่เห็น

แทคติก vs แทคติก

     ลาตินปะทะอิตาเลี่ยน แน่นอนครับว่าฟุตบอลของเปเยกรินี่คือฟุตบอลสมัยใหม่ที่เน้นการเล่นบอลกับพื้นเน้นความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะได้ดีเน้นเกมรุกเน้นรูปเกมที่สวยงามตามแบบสไตร์ลาตินที่เห็นกันบ่อยในลีกสเปนซึ่งเปเยกรินี่เอามาผสมผสานกับนักเตะของซิตี้ได้อย่างลงตัว

     ส่วนทางอัลเลกรีมาตามสไตร์ อิตาเลี่ยนขนาดแท้คือเน้นการครองบอลเหนียวแน่น เกมรับที่แข็งแกร่งต้องมาก่อน เล่นกันอย่างรอบคอบและมีระเบียบวินัยและอัลเลกรีก็เอาสไตร์อิตาลีมาใช้กับยูเว่ได้ผลดีเหมือนกัน สองทีมสองสไตร์เมื่อคืนมาเจอกันผมว่ามันก็ดูคลาสสิคดี

      แมนเชสเตอร์ซิตี้เมื่อคืนนี้ถ้าถามว่าเล่นดีมั้ยผมตอบได้เต็มปากครับว่าดี แต่ที่ขาดไปเลยคือจังหวะจบสกอร์อย่างเดียวที่ทีมเราไม่เด็ดขาดพอไม่ใช่ไม่มีโอกาศที่เห็นๆเลยน่าจะเป็นประตูนี่สามลูกแต่ บุฟฟ่อนปฏิเสธลูกยิงของทางซิตี้แมนซิตี้เล่นกันได้ตามแผนของเปเยกรินี่ ตามคอนเซปเดิมคือเคาะกันไปมาจนกว่าช่องจะเปิด เกมขึ้นทางริมเส้นเป็นหลักแต่วันนี้ที่เห็นเลยคือจะไม่ค่อยมีการครอสหรือโยนเข้าไปจากริมเส้นซึ่งมีแต่นับครั้งได้ซึ่งเปเยไปเน้นที่การเข้าทำมากกว่าโดยมีนารี่กับซิลบาเป็นคนคอยขับเคลื่อน

      ซิตี้เน้นการครองบอลเสียบอลยากหากไม่ชัวกลับไปเซตกันใหม่ที่แดนหลังและก็มาเริ่มต้นหาช่องกันใหม่มันเป็นอย่างนี้แทบจะทั้งเกมในขณะที่ยูเว่ แน่นอนครับเน้นเกมรับที่เหนียวแน่นเคี้ยวยากเจาะยากมันเลยทำให้ซิตี้เสียเวลาในการเซตบอลค่อนข้างนาน

          ใครสังเกตดีๆเราจะเห็นว่าการเข้าทำเกมรุกของยูเว่มักจะได้มาจากจังหวะสวนกลับและดูการสวนกลับของยูเว่ครับบอลทำชิ่งเร็วสวนกลับกันได้อย่างแม่นยำและขึ้นกันมาเป็นแผงเป็นระบบพอดักบอลโต้กลับปุ๊ปจะเปลี่ยนโหมดขึ้นทำเกมรุกทันทีอาศัยความรวดเร็วและว่องไวไว้ก่อน อาศัยทั้งบอลสั้นบอลยาวตามจังหวะของเกมสุดท้ายเป็นไงครับก็อย่างที่เห็นสองเม็อเหนาะๆโดยเฉพาะประตูแรกเรียกได้ว่า คลาสสิก อิตาเลี่ยนขนานแท้

      ว่ากันถึงลูกโยนยาวมีกรณีเปรียบเทียบให้เห็นครับว่าทำไมผมถึงบอกว่าบ็กแม็กทำวางหมากหรือระบบการเล่นได้เนียนกว่าเดอะแองจิเนียของเรา มองกันง่ายๆครับเห็นจังหวะการโยนยาวของทั้งสองทีมมั้ยครับ ของเราบอลโยนยาวส่วนใหญโยนไปหน้าและโบนี่ต้องประโดดพักบอล กระโดดเก็บบอลและส่วนใหญ่มันก็เป็นการเสียจังหวะ

     ซึ่งต่างจากยูเว่ที่จะโยนยาวก็ต่อเมื่อจังหวะนั้นคือจังหวะที่ได้เปรียบจริงๆเห็นมั้ยครับว่าจังหวะหลุดเดี่ยวครั้งนึงของมานซูคิซหากลูกนั้นไม่ล้ำหน้าก็มีสิทธิที่จะเปลี่ยนเป็นสกอร์ได้แต่แล้วแต่ไรบอลยาวของยูเว่ก็สำฤทธิ์ผลป็อกบาโยนอย่างแม่นยำให้มานซูคิซเปลี่ยนเป็นสกอร์จนได้ ซึ่งมาดูเราครับบอลยาวไปหาเขาแทบจะทำอะไรไม่ได้เลย

     และสุดท้ายพอขึ้นนำอัลเลกรีก็แสดงความเก๋าของอิตาเลี่ยนสไตร์ให้เห็นครับว่าไอ้ที่เรียกว่า “ตีหัวแล้วเข้าบ้าน” เป็นยังไงและสุดท้ายซิตี้ก็ไม่สามารถพังประตูบ้านเข้าไปได้ครับเลยทำให้สามแต้มแรกเป็นของยูเว่ไป

     ในนัดนี้เท่าที่ผมดูนักเตะหลายคนยังต้องมีอีกหลายอย่างที่ต้องปรับปรุงโดยเฉพาะ สเอตร์ลิง กับ โบนี่ สเตอร์ลิง ดีแล้วครับแต่ที่ต้องจูนใหม่คือจังหวะจบสกอร์ต้องทำให้คมและเฉียบขาดกว่าเดิม

     ส่วนโบนี่ก็ยังขาดความเข้าใจในระบบของเปเยกรินี่ยังคงต้องค่อยๆปรับไปอีกพักใหญ่ ส่วนการบ้านสำคัญเลยที่ต้องแก้นั้นคือตัวเปเยกรินี่เองนัfนี้เจอเกมรับที่เรียกว่าเกมรับที่แข็งแกร่งชั้นเชิงสูงอันตรายทุกฝีก้าวนับว่าดีครับที่ได้เจอกับยูเว่มันจะได้เป็นการบ้านว่าต่อไปนี้ควรจะรับมือยังไงถ้าเจอทีมที่มาแบบฉาบปูนไว้ที่ประตู

ยังมีให้ลุ้นอีกหลายสู้ๆกันต่อไป เรือใบสีฟ้า.....

- บลูมูน -