Members

ปฏิทินลูกหนังถ่ายเปลี่ยนจากทีมชาติมาเป็นสโมสร 

 

         ทุกอย่างกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง นัดที่ 9 ของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2015/16 มีอยู่หลายสิ่งหลายอย่างที่น่าสนใจบนโต๊ะน้ำชาภาษาฟุตบอล โดยเฉพาะชะตาชีวิตของผู้ที่เรียกตัวเองว่า กุนซือ, ผู้จัดการทีม, หัวหน้า หรือว่าบอส
 
         คนที่นั่งเก้าอี้อันทรงเกียรติตัวนั้น วาดหวังการพักเบรกทีมชาติเป็นช่วงเวลาของการปรับตัว ระหว่างนักเตะภายในทีม, เรียนรู้สิ่งพลาดพลั้ง และแก้ไขข้อผิดพลาดที่แล้วเพื่อแก้ตัวใหม่ในเรื่องของผลงาน

         ไล่จากก้นตารางของลีก นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ที่หมิ่นเหม่ว่าอาจกู่ไม่กลับหลังจมบ๊วย พร้อมทั้งฟอร์มการเล่นภาพรวมสุนัขไม่รับประทานเสียด้วย มีการพูดถึงว่า ณ เวลานี้ น้ำอดน้ำทนของบรรดาเหล่าสาวกทูน อาร์มี่ (ส่วนใหญ่) ทั้งหลายเริ่มแห้งเหือดลงทุกทีแล้ว
 
         สตีฟ แม็คคลาเรน อาจเพิ่งเข้ามารับงานชิ้นเผือกร้อน เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาก็จริง แต่บางครั้งการเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งที่ดีกว่าในอนาคตก็เป็นเรื่องที่ควรกระทำ อย่ารอช้า ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน บิ๊กแม็คจะอยู่หรือไปบนเก้าอี้ตัวนั้น หากว่าเกมชี้ชะตาวันอาทิตย์กับนอริช ซิตี้ ผลแข่งผิดเพี้ยนไปจากความคาดหวัง
 
         วงในเริ่มมีการพูดถึงลิสต์รายชื่อของกุนซือคนใหม่ในถิ่นเซนต์ เจมส์ พาร์ค เบรนแดน ร็อดเจอร์ส อดีตบอสของลิเวอร์พูล รวมทั้ง เดวิด มอยส์ นายใหญ่สกอตติช เข้ามาแทนที่บิ๊กแม็ค ก็ย่อมเป็นไปได้ทั้งหมดในโลกลูกหนัง ที่มักว่างเว้นให้กับความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
 
         ไม่แน่ว่าแมตช์สำคัญกับนอริชอาจเป็นฟางขอบบางเส้นสุดท้าย ปิดโอกาสไม่ให้ทุกอย่างมันสายเกินแก้ และย้อนรอยหายนะครั้งใหญ่เหมือนเมื่อปี 2009 ยุคที่แม้แต่ฮีโร่ของสโมสรอย่าง อลัน เชียเรอร์ ก็ไม่สามารถกอบกู้วิกฤตได้
 
         ผมมองว่าตอนนี้สถานะของบิ๊กแม็คมันง่อนแง่นเหลือเกินครับ ผลงานในสนามแย่พอๆ กับผลการแข่งขัน แทบไม่มีเกมไหนที่เล่นดีกว่าคู่แข่ง ความตื่นตัวภายในทีมมีน้อยมาก เหมือนอดีตผู้จัดการทีมดาร์บี้ เคาน์ตี้ หมดไอเดียในการกระตุ้นลูกทีม เขาจึงเป็นเต็งหนึ่งที่จะถูกไล่ออกในสายตาผม
 
         ครับ อีกไม่นานนักหรอก หรือบางทีจุดแตกหักระหว่างบิ๊กแม็คกับนิวคาสเซิ่ลอาจเกิดขึ้นเอาในสงครามดาร์บี้ไทน์เวียร์ในอีกเกมถัดไป
 
         ทิม เชอร์วู้ด มีสถานการณ์คล้ายๆ กับ สตีฟ แม็คคลาเรน ในโมงยามนี้
 
         มิสเตอร์ทิมอยู่ในข่ายตัวเต็งไล่ออกจากตำแหน่งอยู่เหมือนกัน โดยเจ้าตัวเชื่อเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าเพราะผลงานเก่าของเขาแท้ๆ จากซีซั่นก่อนที่น่าจะช่วยประคับประคองขาเก้าอี้ที่วิลล่า พาร์ค ได้อีกพักใหญ่ๆ ก่อนความลงตัวมาบังเกิด รวมถึงบอร์ดบริหารใส่สูทผูกไทน่าจะเข้าใจว่า โปรแกรมอีก 2 นัดต่อไปไม่ใช่เรื่องง่าย เก็บชัยชนะทั้งกับเชลซี และสวอนซี อย่างน้อยขอเวลาให้โชว์ผลงานอีกถึงนัดที่ 15 ของฤดูกาล แล้วค่อยมาตัดสินกันอีกที
 
         โอเค รูปแบบการเล่นของสิงห์ผงาดชุดนี้ยังไม่จัดว่าขี้ริ้วขี้เหร่ บางเกมน่าเก็บแต้มอยู่ในมือแต่ท้ายสุดกลับคว้าน้ำเหลว มือเปล่าด้วยเหตุของโชคและดวงที่ไม่เดินเคียงข้างกัน ยกตัวอย่างง่ายๆ แมตช์แพ้เลสเตอร์ ซิตี้ เหลือเชื่อ 2-3 ทั้งๆ ที่ฟอร์มโดยรวมถือว่าใช้ได้ทีเดียว
 
         แต่แน่ล่ะการเล่นแล้วไม่ชนะคู่ต่อสู่หน้าไหนมาแล้ว 7 เกมหลังสุด ติดต่อกัน (แพ้ 6 เจ๊า 1) ย่อมไม่ใช่เรื่องบอร์ดบริหารผู้ถืออำนาจบาตรใหญ่จะอยู่นิ่งเฉยๆ ได้ เชอร์วู้ดก็ต้องระวังหน้าระวังหลังเอาไว้เหมือนกัน
 
         แม้ล่าสุดขาใหญ่ของสิงห์ผงาดออกมาโต้ข่าวลือว่า เชอร์วู้ดมีเวลาให้พิสูจน์ตัวเองอีกเพียง 2 นัดข้างหน้า พร้อมยังมอบโอกาสให้ได้ทำงานอย่างต่อเนื่องไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่ว่าสโมสรยังจมปลักอยู่ท้ายตารางต่อไปในช่วงเทศกาลรื่นเริงที่กำลังมาถึง แต่ฟุตบอลไม่เคยเป็นเพื่อนสนิทกับความแน่นอนมาตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว
 
         ใช่เลย บิ๊กแม็ค กับ เฮียทิม ทั้งคู่ต่างกำลังแกว่งเท้าอยู่ปากเหวเหมือนกัน เพียงแต่คนแรกนั้นอาการหนักหนาสาหัสยิ่งกว่า ทุกอย่างดูเละเทะไปเสียหมด มิหนำซ้ำตัวหลักเฝ้าประตูอย่าง ทิม ครูล ปิดฉากพักยาวอีก เพราะฉะนั้นในสถานการณ์ที่ง่อนแง่นแบบนี้จะถูกแก้ปมด้วยชัยชนะอย่างเดียวเท่านั้น
 
         แต่คำถามที่ตามมาให้หลังคือเมื่อไร?
 
         คนสายอาชีพเดียวกันกับเชอร์วู้ด แถมต้องมาจ๊ะเอ๋เจอกันสัปดาห์นี้อีก ก็อยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นเดียวกัน
 
         จะว่าไปแล้ว เก้าอี้ ของ โชเซ่ มูรินโญ่ ก็เป็นอีกเรื่องที่แฟนบอลทั่วโลก โดยเฉพาะสาวกเชลซีกำลังเฝ้ามองอย่างห่วงๆ
 
         วันนี้หน้าในของ เดอะ ซัน มีสกู๊ปพิเศษอัดแน่นสำหรับสาวกสีน้ำเงิน แห่งเวสต์ลอนดอน โดยเฉพาะ ซึ่ง เชส ฟาเบรกาส ห้องเครื่องสเปนให้สัมภาษณ์ด้วยประโยคที่สุดแสนมั่นใจเสียเต็มประดาว่า เขาและเพื่อนร่วมทีม รวมถึงทีมงานจะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อฉุดกระชากลากถูเชลซีให้ฟื้นคืนชีพ หลุดพ้นจากช่วงเวลาที่เลวร้ายให้จงได้
 
         การที่คะแนนในมือตอนนี้ตามหลังจ่าฝูงแมนเชสเตอร์ ซิตี้ อยู่ถึง 10 คะแนน ทั้งที่ผ่านศึกพรีเมียร์ลีกเพียงแค่ 8 นัด อาจดูเป็นช่องว่างที่ห่างจนเกินไป แต่กระนั้นมันก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ สำหรับการยึดครองบัลลังก์แชมป์ภายในประเทศ
 
         เชสบอกว่าการมีโปรแกรมทีมชาติมาคั่นกลาง ในขณะที่กำลังเมาหมัดจากการพังพาบต่อทัพนักบุญคาบ้าน ไม่แน่อาจเป็นจุดเปลี่ยนของซีซั่น และแม้ว่าเป้าหมายดีดตัวเองกลับคืนสู่เส้นทางเดิมๆ นั่นคือ ลุ้นแชมป์ หรือกระทั่งผงาดยืนหยัดอยู่พื้นที่ทำเลทองท็อปโฟร์ เปรียบเหมือนเป็นงานยากประหนึ่งเข็นครกขึ้นภูเขาเอเวอเรสต์ แต่ก็ยังมั่นใจศักยภาพทีมที่มีอยู่
 
         พลิกแฟ้มพงศาวดารประวัติศาสตร์ฟุตบอลเมืองผู้ดี ไม่เคยมีทีมไหนสร้างปรากฏการณ์ออกสตาร์ต 8 นัดแรก ได้แค่ 8 แต้ม แล้วติดเครื่องพุ่งพรวดสู่อันดับ 1-4 ได้เลยแม้แต่ทีมเดียว นับตั้งแต่ฤดูกาล 2001-2002 เป็นต้นมา
 
         ผลงานดีที่สุดก็คือ เอฟเวอร์ตัน (2009) กับ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ (2007) ที่ไล่กวดกวาดแต้มหลังจากผ่านพ้นนัดที่ 8 ก่อนจบอันดับที่ 5 ของตาราง เมื่อใช้หน้าอกแตะเส้นชัยช่วงเดือนพฤษภาคม
 
         นอกนั้น แอสตัน วิลล่า (2004), ฟูแล่ม (2009), เวสต์แฮม (2002), โบลตัน (2004)  แมนฯ ซิตี้ (2003, 2005) และ สโต๊ค ซิตี้ (2014) ไปไกลสุดแค่อันดับ 6, 7, 8, 9 ตามลำดับ
 
         แล้วเชลซีจะสามารถสร้างตำนานบทใหม่ของพรีเมียร์ลีกได้หรือไม่ น่าสนใจไม่ใช่น้อยเลยจริงมั้ยครับ?
 
         ภาพดีๆ ความทรงจำงามๆ ของทั้งระหว่าง โชเซ่ มูรินโญ่ กับเชลซี ยังติดตรึงในความรู้สึกแฟนบอล บอร์ดบริหารบางคนเริ่มมีความคิดอยากปลด แต่เรื่องบางเรื่องความอดทนอดกลั้นก็สำคัญไม่แพ้กัน ตัดสินใจผิดนิดเดียวอาจนำพามาซึ่งหายนะครั้งใหญ่หลวงก็ย่อมได้
 
         การเปิดบ้านรับการมาเยือนทีมท้ายตาราง แอสตัน วิลล่า ดูผิวเผินจากศักยภาพทีมวัดกันปอนด์ต่อปอนด์ น่าจะเป็นงานที่ไม่น่ายาก เคี้ยวคู่ต่อสู้ทีมนี้ได้สบายถ้าไม่ประมาท แต่ชั่วโมงนี้ไม่อาจคิดเช่นนั้นได้อีก ไม่ใช่แค่สิงห์ผงาดแปรสภาพเป็นสิงห์จนตรอก สู้ถวายหัว แต่ขณะเดียวกันนั้นปัญหาภายในทีมที่ยังดูซับซ้อนซ่อนเงื่อน และมีเงื่อนงำ มันมีประเด็นให้ต้องติดตามชนิดอย่ากะพริบตา
 
         จากนครหลวงลอนดอน ปิดท้ายด้วยการขึ้นเมืองเหนือของอังกฤษ
 
         จากข่าวล่าสุดของแมนฯ ซิตี้ จัดว่าเป็นข่าวที่ตอกซ้ำย้ำเตือนว่าเก้าอี้ของ มานูเอล เปเยกรีนี่ ไม่ใช่แค่อุ่นๆ แต่มันร้อนฉ่ามาตั้งแต่ไหนแต่ไร
 
         แง่ง่ามบวกโผล่มาจากรั้วเอติฮัด สเตเดี้ยม ผลประกอบการประจำปีฟันกำไรถึง 10.7 ล้านปอนด์ เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2008 ที่ ชีค มานซูร์ เข้ามาเทกโอเวอร์แล้วไม่มีตัวเลขแดงฉานในคลังบัญชี เมื่อบวกลบคูณหารทั้งรายรับ-รายจ่ายแล้ว แต่เรื่องนี้หาใช่เรื่องใหญ่เมื่อเจ้าของอาหรับให้ความสำคัญกับผลงานในสนามมากกว่า
 
         ปัจจุบันนั่งแท่นอยู่เบอร์หนึ่งของประเทศก็จริง ด้วยผลงาน 18 แต้ม จาก 8 นัดแรก แต่กระนั้นก็ดี การแพ้ในลีกแล้ว 2 นัดนี่เอง ทำให้ไปสะกิดหัวใจของขาใหญ่เหล่านั้น มันควรจะเป็น 24 คะแนนเต็มด้วยซ้ำไป เกมออกไปพ่ายยับเยินต่อสเปอร์ส จากที่สถานการณ์ดูไม่กดดัน กลายเป็นโคตรกดดันจากรอบด้านขึ้นมาทันใด
 
         จะด้วยเพราะชื่อเสียงและผลงานเก่าของเขาแท้ๆ หรือยังหาตัวตายตัวแทนไม่ได้ ที่ช่วยประคับประคองขาเก้าอี้ที่เอติฮัด สเตเดี้ยม เอาไว้ แต่ผมมองว่าเปเยกรีนี่คงเตรียมอกเตรียมใจเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ว่านี่อาจเป็นฤดูกาลสุดท้ายของเขากับเรือใบสีฟ้า เปิดทางให้ตัวแทน โจเซป กวาร์ดิโอล่า ได้เข้ามาทำหน้าที่ต่อ
 
         จะว่าไปก็น่าเห็นใจบุรุษเชื้อสายชิเลี่ยน ที่พาทีมซิวดับเบิลแชมป์ฤดูกาล 2013/14 เพราะที่ผ่านมามีข่าวทำให้จิตใจห่อเหี่ยวต่อการคุมทีมมาโดยตลอด จนเข้าข่ายทำดีเสมอตัว ทำชั่วโดนด่าเละ มิหนำซ้ำพลันเสร็จสิ้นเกมทีมชาติ ดันมารับข่าวร้ายเข้าอย่างจังอีกต่างหาก
 
         การปราศจาก เซร์คิโอ อเกวโร่ ดาวซัลโวยังพอมีตัวแทนชั่วคราวอย่าง วิลฟรีด โบนี่ แต่ไร้เงา ดาบิด ซิลบา เนื่องจากบาดเจ็บ ทำให้เปเยกรีนี่ รวมถึงแมนฯ ซิตี้ เผชิญหน้ากับงานหนักหนาสาหัสโดยทันที เพราะซิลบาคือหัวใจทุกสิ่งอย่างของทีม เหมือนช่วงที่ไม่มี แว็งซ็องต์ ก็องปานี ในแผงหลังบ้าน ขาดเธอเหมือนขาดใจทันที
 
         เจ้าของอาหรับออกคำสั่งเด็ดขาดบนโต๊ะกลางประชุมว่า ไม่มีข้อแม้สำหรับเปเยกรีนี่อีกแล้ว ต้องแชมป์ลีกสถานเดียว พร้อมทั้งเห็นพัฒนาการบนเวทียูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ต้องก้าวไปให้ได้ไกลกว่าเดิม
 
         โอกาสในชีวิตของคนเรามีกันทุกคนอยู่แล้วครับ แต่สำหรับเปเยกรีนี่คนนี้ บางทีการทวงเข็มขัดแชมป์พรีเมียร์ลีกรายการเดียวอาจไม่พอ เพราะผู้มั่งคั่งอย่าง ชีค มานซูร์ คิดการใหญ่อยู่เสมอ เพื่อขยับขยายแบรนด์ของสโมสรให้อยู่ในระดับท็อปของทวีปยุโรป
 
         อย่างไรก็ตาม ก่อนจะถึงวันนั้น ทุกเกมนับจากนี้เปเยกรีนี่ต้องพาทีมคว้าชัยชนะให้ได้อย่างมีสไตล์ เล่นให้โดดเด่นมีแคแรกเตอร์ และเอกลักษณ์ที่เด่นชัด เพื่อพิสูจน์ให้บอร์ดบริหารเห็นว่าพวกเขาเลือกคนไม่ผิด
 
         แต่จากสภาพทีมที่ห่างไกลกับคำว่าสมบูรณ์พร้อม เปเยกรีนี่เหนื่อยเหลือเกินครับ

"อีกา"

///////////////////////////////////////////////////

    Cr..siamsport.co.th  ติดตามข่าวสารได้ที่เวปหลักของประเทศไทย www.mcfc.in.th

Views: 419

Reply to This

Replies to This Discussion

กดดันทั้งที่ยังอยู่ที่ 1 ? กดดันเพราะกระแสข่าวเป๊ปซะมากกว่า ส่วนักเตะเจ็บอาจจะมีผลบ้างครับ แต่ตัวผู้เล่นที่มีก้อน่าจะเอาตัวรอดช่วงนี้ยึดจ่าฝูงต่อไปได้ ส่วน ucl ดูกันยาวๆผมว่าต้องลุ้นจนนัดสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่มเลย ว่าจะเข้ารอบ 16 ทีมได้มั้ยอันดับที่เท่าไหร่เหมือนทุกปี

ถ้าไม่สะดุดแพ้ 3 นัด คงไม่กดดันหรอกครับ

แต่เรื่องจริงไม่ใช่เกมส์ ที่จะชนะได้ตลอด พอจะแพ้แล้วกดเล่นใหม่

เป็นใครๆก็กดดัยไม่ได้เป็นที่ต้องการของสโมสร

..การที่ไม่มีทั้งซิลบาทั้งกุนถ้าเป็นโค้ชระดับทั่วๆไปก็คงจะนั่งปวดหัวหมดทางแก้ไข..

..แต่โค้ชระดับเปเญต้องโชว์ความสามารถในการใช้ยุทธวิธีแก้ปัญหานี้ให้ได้..

..ต้องทำให้ได้เพื่อตอบสนองกับการที่สโมสรยังไว้ใจต่ออายุการทำงานให้..

..เรื่องนักเจ็บตัวหลักบาดเจ็บพักยาวเป็นเรื่องปกติของทุกทีม เป็นเรื่องที่โค้ชต้องแก้ปัญหา..

..คุณค่าของโค้ชเก่งๆที่มีระดับมันอยู่ตรงนี้แหละ !

ยังดีที่กลับมาแล้วเจอน้องใหม่ แต่ร้ายบริสุทธิ์เลยล่ะ ต้องห้ามประมาทเด็ดขาดครับ พรุ่งนี้แล้วสิ อดใจรอไม่ไหวแล้ว

ว่าแต่...วันนี้รอเชียร์ฟุตซอลนัดชิงก่อน อิอิ ยังดีมีคั่นเวลาให้หายคิดถึง

ที่สำคัญอย่ากดดันตัวเองก็พอ

ทำหน้าที่ให้ดีเต็มที่

เดินหน้าเต็มตัวฮะ

ทำดีจนจบฤดูกาลผมเชื่อว่าไม่ปลด

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.