Members

ชปล.ซีซั่น2015-16

ดูเหมือนว่าปีนี้สโมสรตัวแทนจากอังกฤษมีปัญหาในการออกตัวฟุตบอลชปล. และอาจทำให้โควตาในอนาคตอันใกล้นี้ลดลงเหลือเพียงแค่ 3 

 

        เกิดอะไรขึ้น...กับตัวแทนจากอังกฤษครับ
 
        อาร์เซน่อลออกตัวไปสองนัดแพ้เรียบ...และนัดที่สามรับมือบาเยิร์น มิวนิค ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไม่รู้ออกหัว ก้อย หรือกลาง ถ้าแพ้อีก...คงไม่คาดหวังว่า 9 คะแนนที่เหลือจะทำให้พวกเขาเข้ารอบ
 
        แมนฯ ซิตี้ ยังคงเป็นทีมที่มีปัญหากับการเล่นยุโรปทั้งที่พวกเขาทุ่มทุนซื้อนักเตะยุโรปมาเสริมทีมมากกว่านักเตะท้องถิ่น หลายคนผ่านเกมชปล. มาโชกโชน แถมยังเล่นทีมชาติอีกต่างหากแต่พอไปแต่บอลถ้วยใบนี้
 
        เรือใบสีฟ้า...แป้ก
 
        หรือไม่ใช่พื้นที่ของพวกเขา??
 
        แมนฯ ยูไนเต็ด แชมป์ 3 สมัย ไม่ได้รับการคาดหวังอะไรมาก แต่ หลุยส์ ฟาน กัล กลับมีความเชื่อว่าทีมของเขาพร้อมคว้าแชมป์ยุโรปได้ ซึ่งถ้าดูสไตล์การเล่นบอลกับพื้น เน้นคอนโทรลเกมแบบนี้ การไปเตะบอลยุโรปมันก็โอเคอยู่นะครับ
 
        ปรัชญาอาจารย์ อาจได้ผล
 
        ส่วนทางด้านเชลซีของ โชเซ่ มูรินโญ่ ซึ่งยังคงเป็นอาถรรพ์สำหรับ มู ในการนำทีมเชลซีคว้าถ้วยใบนี้ให้ได้ แม้เขาเคยได้กับอินเตอร์, ปอร์โต้ มาแล้ว แต่ถ้าเขาทำได้กับเชลซี เขาจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ของทีมแต่เพียงผู้เดียว
 
        สถานการณ์ในลีก...ไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นสำหรับเชลซี
 
        เมื่อมองดูภาพกว้างๆ ครั้งล่าสุดที่ทีมจากอังกฤษคว้าแชมป์ชปล. เกิดขึ้นเมื่อปี 2012 โดยเชลซีชนะจุดโทษบาเยิร์น มิวนิค คว้าแชมป์ไปครองอย่างพลิกความคาดหมาย และนั่นคือแชมป์ล่าสุด ซึ่งจากนั้นสถิติในการเข้ารอบแม้กระทั่งรอบรองชนะเลิศยังดูไม่ค่อยสวยงามนัก
 
        ที่สำคัญการเข้ามาเทกโอเวอร์ของสามทีมดัง บาร์เซโลน่า, เรอัล มาดริด และบาเยิร์น มิวนิค ทำให้ทีมอื่นๆ หมดโอกาส และจะว่าไปศักยภาพสามทีมนี้พร้อมเป็นแชมป์มากที่สุดทั้งตัวผู้เล่น, ประสบการณ์ และแน่นอน....โค้ชของพวกเขา
 
        เรื่องแชมป์นะไม่เท่าไหร่...แต่การเข้ารอบรองชนะเลิศหรือชิงชนะเลิศ ควรจะมีตัวแทนจากอังกฤษร่วมวงไพบูลย์บ้าง ไม่ใช่ตกรอบไปก่อนเวลาอันควร แนวโน้มมันออกมาแบบนั้นหากเราดูสถิติ 10 ปีล่าสุด
 
        เคยชิงกันเองเมื่อปี 2008 เป็นแมนฯ ยูฯ ชนะจุดโทษเชลซี...ลิเวอร์พูลเข้าชิงสองปี 2005, 2007 ได้แชมป์ 1 ครั้ง แมนฯ ยูไนเต็ด แชมป์ปี 2008 แล้วเข้าชิงชนะเลิศในปี 2009, 2011 แต่โชคร้ายคู่แข่งของพวกเขาดันมาจากนอกโลก
 
        ต้องบอกว่าโชคร้าย...เพราะในช่วง 10 ปีนับจากเหตุการณ์ที่อิสตันบูล ปรากฏว่าบาร์เซโลน่า คว้าแชมป์ ชปล. ถึง 4 จาก 10 ซีซั่น เกือบครึ่งหนึ่ง ด้วยกุนซือ 3 คน จาก แฟร้งค์ ไรจ์การ์ด, เป๊ป 2 และ หลุยส์ เอ็นรีเก้ 1
 
        บาร์เซโลน่า, เรอัล มาดริด, บาเยิร์น มิวนิค กลายเป็นสามทีมที่มีผลงานสุดๆ
 
        ถึงขนาดมีสแปนิช ไฟนัล, เยอรมัน ไฟนัล ให้โลกรู้สึกว่ามันน่าเบื่อเล็กๆ แต่ทำไงได้ผลงานของพวกเขาหมายถึงตัวแทนประเทศชาติทำได้ดี นั่นจึงเป็นโอกาสที่ทีมจากเยอรมัน, สเปน น่าจะยังคงรักษาโควตาได้ต่อเนื่องไปอีก
 
        ปีนี้จึงเป็นปีที่กองเชียร์อังกฤษและทีมจากอังกฤษต้องสู้สุดใจ แต่มันจะทำได้หรือไม่ละครับ
 
        ย้อนไปที่ประเด็นว่าทำได้หรือไม่...คงต้องถามก่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับพรีเมียร์ลีกที่ส่งทีมเข้าแข่งขันชปล. 4 ทีมมาหลายซีซั่นแต่พวกเขากลับแผ่วลงเรื่อยๆ ถึงวันนี้หลายคนระบุว่าทีมไหนกันที่มีศักยภาพพอจะคว้าแชมป์สโมสรยุโรปได้
 
        ไม่น่าจะมีนะครับ ไม่ใช่ทีมเต็งนะครับ
 
        นั่นนะสิ...ทำไมถึงอยู่ๆ ก็กลายเป็นทีมจากสเปนและเยอรมันพร้อมสำหรับการเป็นเจ้ายุโรป ถ้าเราดูจากมาตรฐานทีมในลีกตัวเองทั้งสเปน, อิตาลี, เยอรมัน และอังกฤษ เปรียบเทียบกันจะพบว่าลีกอังกฤษกลับมีมาตรฐานใกล้เคียงกัน
 
        ทีมใหญ่ไม่สามารถไล่ยำทีมเล็กได้โดยง่าย ผิดกับทีมจากสเปนและเยอรมัน ชี้ชัดลงไปคือ บาร์ซ่ากับบาเยิร์น มิวนิค
 
        ปีก่อน...เชลซีแชมป์ลีก...ยิงได้น้อย ไม่มากเมื่อเทียบกับบาร์ซ่าและบาเยิร์น โดยเฉพาะบาร์ซ่านั้นชนะคู่แข่งด้วยสกอร์ 3-0 ถึง 15 เกม ถ้าเซียนพนันตามผลแข่งบาร์ซ่าในแมตช์เหล่านี้ที่จะต้องต่อด้วยราคา 2 ลูกเนี่ย
 
        รับทรัพย์อื้อซ่า
 
        เช่นกันครับบาเยิร์น มิวนิค ชนะสกอร์สูงถึง 11 เกม ขณะที่เชลซีมีสามสี่เกมเท่านั้นที่พวกเขาชนะคู่แข่งด้วยสกอร์สูงเกิน 3 ลูก
 
        ประเด็นนี้ว่าด้วยสถิติและวิเคราะห์ถึงคุณภาพในเกมรุก แน่นอน บาร์ซ่า, บาเยิร์น มิวนิค มีเกมรุกที่จัดจ้านจนคู่แข่งยอมรับสภาพ โอเค..ยูเวนตุสผงาดมาด้วยเกมรับ แต่นั่นคือสไตล์ของทีมจากอิตาเลียนที่เน้นความรัดกุมและผลแข่ง
 
        ทว่า...ใครครองเจ้ายุโรป ถ้าไม่ใช่ทีมที่เน้นเกมรุก
 
        ขนาดแอต.มาดริด ที่เน้นเกมรับนำทางเกือบคว้าแชมป์อยู่แล้วแต่สุดท้ายก็เสร็จเรอัล มาดริด ที่กระดูกดีกว่า เมื่อสองปีก่อน
 
        ใช่ครับ...เกมรุกอันจัดจ้านคือหัวใจของแชมป์ชปล.
 
        ดังนั้นทีมจากอังกฤษจะต้องปรับตรงนี้...ซึ่งถ้าเทียบกันทั้งเชลซี, อาร์เซน่อล, แมนฯ ยูฯ และแมนฯ ซิตี้ แล้วเวลานี้ "เรือใบ" คือทีมที่น่าจะจัดจ้านที่สุด แต่ก็แปลกที่พวกเขามีปัญหาในการเล่นบอลยุโรป
 
        เพราะ...??
 
        มองภาพกว้างๆ คือว่าทีมจากยุโรปนอกจากจะจัดจ้านเรื่องเกมรุกแล้ว แท็กติกการเล่นเกมยังพร้อมเล่นงานทีมจากอังกฤษได้อีกต่างหาก อย่างที่เราเห็นบาร์เซโลน่าคอนโทรลเกมได้เมื่อเล่นกับแมนฯ ซิตี้สองนัด
 
        ชนะทั้งสกอร์และแท็กติกการเล่น
 
        การครองบอลด้วยสัดส่วนที่มากถึง 60% ต่อแมนฯ ซิตี้ ที่พวกเขามักทำเช่นนั้นกับทีมในพรีเมียร์ลีก แต่พอเจอทีมในยุโรปไปไม่เป็น กลายเป็นลูกไล่ ตรงนี้จึงมีคำถามว่าเพราะ ความสามารถนักเตะหรือโค้ชกันแน่
 
        มุมนี้...เชื่อว่าเราน่าจะมองเห็นกันชัดเจนที่สุดว่า "โค้ช" แมนฯ ซิตี้ เท่าที่ผ่านมาไม่มีใครมีเกรดพร้อมสำหรับการคว้าแชมป์ กระทั่ง เปเยกรีนี่ ที่ก็ไม่ได้คลาสเดียวกันกับ เป๊ป, อันเชลอตติ กระทั่ง จุ๊ปป์ ไฮย์เกส ก่อนหน้านี้
 
        ทุกคนลงความเห็นว่า...สำหรับบอลยุโรปนั้นถ้าแมนฯ ซิตี้ ใช้โค้ชระดับหัวกะทิ พวกเขามีโอกาสฝันถึงแชมป์ได้ แต่ถ้ายังเป็น เปเยกรีนี่ ไม่มีใครมั่นใจและเชื่อว่าเขาทำได้ โอเคพรีเมียร์ลีก มันไม่น่ายากเกินไปสำหรับเขา (ทำมาแล้ว)
 
        แต่ยุโรปมันเวทีใหญ่ นอกจากนักเตะระดับชาติแล้วโค้ชก็ระดับโลกทั้งนั้น
 
        นี่จึงเป็นปัญหาของแมนฯ ซิตี้ในการเล่นบอลยุโรป ทั้งที่พวกเขาคือทีมที่น่าจะคว้าแชมป์มากที่สุดพร้อมมากที่สุด
 
        แล้วสองทีมจากลอนดอนทั้งเชลซีและอาร์เซน่อล ที่ถูกประเมินว่ามีโอกาสอย่างมากแค่รอบ 8 ทีม จากนั้นพอจับเจอบาเยิร์น, บาร์ซ่า พวกเขาเป็นรองและอาจโดนเขี่ยตกรอบไปท้ายที่สุด มองดูแล้วไม่มีโอกาส???
 
        ผมคิดว่าเชลซีมีโอกาสมากกว่าอาร์เซน่อลในแง่ที่ มูรินโญ่ เจนจัดกับเรื่องการทำทีมให้เล่นรัดกุมหวังผล และมันก็เหมาะกับบอลยุโรปจริงๆ ส่วนอาร์เซน่อลเป็นบอลสวยงาม แต่ทีมที่สวยงามแบบอาร์เซน่อลกลับเด็ดขาดกว่าเรื่องการปิดสกอร์
 
        ทั้งบาร์ซ่า, เรอัล มาดริด, บาเยิร์น มิวนิค ด้วยเพราะสามทีมนี้มีซูเปอร์สตาร์แนวรุกที่เหนือกว่าทุกทีมและเก่งที่สุด
 
        โรนัลโด้, เมสซี่, ซัวเรซ, เนย์มาร์, เลวานดอฟสกี้ และทีมงาน น่าจะเป็นแนวรุกที่ทำให้กองหลังพบกับความอกสั่นขวัญแขวน นี่คือสิ่งที่เรามองเห็นความแตกต่างระหว่างสามทีมดังที่มีโอกาสลุ้นแชมป์
 
        ใช่ครับ....
 
        ความลงตัวในเรื่องซูเปอร์สตาร์แนวรุกระดับโลกอยู่กับทีมเหล่านี้หมดแล้ว....เมื่อบวกกับทีมรุกอันไหลลื่น โค้ชที่มีคลาส
 
        ความยากของทีมจากอังกฤษในการกลับไปเป็นเจ้ายุโรปอีกครั้งดูห่างไกลขึ้น เท่าที่ทำได้ตอนนี้คือต้องรักษาโควตา 4 ทีมให้ได้ ซึ่งดูจากโอกาสแล้ว มันมีสัญญาณบ่งบอกว่าสโมสรจากพรีเมียร์ลีกอาจเสียโควตาไปหนึ่งที่...
 
        ถ้าหากซีซั่นนี้ผลงานของพวกเขาสู้ทีมจากอิตาลีไม่ได้!!!

Jackie

////////////////////////////////////////////////

Cr.siamsport.co.th  ติดตามข่าวสารได้ที่เวปหลักของประเทศไทย www.mcfc.in.th

Views: 892

Reply to This

Replies to This Discussion

ปีนี้ พึ่งจะลงแข่ง ในรอบแบ่งกลุ่ม ยังไม่ชี้ชัดว่า ทีมพรีเมียร์ จะไม่ได้ไปต่อ  . ต้องรอลุ้นกันต่อไ  

แมนซิตี้  มีทีมที่พร้อมที่สุดในเวลานี้  หากจะโทษโค้ช  เปเย่  ก็จะไม่ยุติธรรมเกินไปนะ.. เอาเป็นว่า  รอดูต่อไป ในรอบลึกๆ ดีกว่า นะคะ และก็ขอให้แมนซิตี้  สร้างประวัติศาสตร์  เข้าชิง ในถ้วยนี้ให้ได้ ค่ะ แมนซิตี้ สู้ๆ

แต่ว่าเรือใบสีฟ้าน่าจะสดใสกว่าทีมอื่นนะครับพี่จ๋อมสวัสดีครับ

เห็นด้วยนะครับปีนี้เนี่ยทีมจากเกาะอังกฤษออกสตาร์ทได้ย่ำแย่มากๆ อาร์เซน่อลเองถ้าไม่นับเกมที่เล่นได้สุดยอดเมื่อคืนกลับแพ้ให้กับทีมที่ดูเป็นรอง ยังโชคดีที่เก็บสามคะแนนจากเกมเมื่อคืนกับทีมเต็งแชมป์ได้ แต่เกมหน้าต้องบุกไปเยือนบาร์เยิร์น เขาคงจะล้างอายอาร์เซน่อลคงไม่ง่ายแน่นอนครับ ส่วนแมนซิตี้เรือใบสีฟ้าจะแล่นไปต่อได้ไกลแค่ไหน ต้องวัดกับทีมลุ้นอัยดับสองด้วยกันอย่างเซบีญ่าถ้าเอาชนะไปกลับ +เพิ่มอีก 6 คะแนนคงมีลุ้นมองไปที่การเข้ารอบได้ชัดเจนขึ้น ส่วนเชลซีปีนี้ผลงานไม่ดีเอาเสียเลยแม่แต่ UCL ยังย่ำแย่ด้วยผลเสมอ 0-0 นี่ยังไม่นับในลีก ส่วนแมนยูเขาฟอร์มกำลังเริ่มดี แต่การไปเยือนรัสเซียในคืนนี้อาจจะมีผลกระทบต่อสภาพอากาศ อาจจะส่งผลยาวมาจนถึงเกมกับแมนซิตี้ด้วยก็ได้ต้องรอดูเกมคืนนี้กันครับ

ลุ้นเหนื่อยหน่อยคับปีนี้ทีมจากพรีเมียร์

ก็นั่นสิผมลุ้นอยู่ว่าจะผ่านได้กี่ทีม ถ้าไม่ผ่านรอบแบ่งกลุ่มค่าสัมปะสิทธิตกฮวบแน่

..นักเตะตัวหลักบาดเจ็บในช่วงสำคัญก็เป็นชะตากรรมของทีมอย่างซิตี้ด้วย..

..เรื่องโค้ชยังไม่มีความสามารถและบารมีในระดับเวิล์ดคลาสก็ใช่อีก..

..แต่นอกเหนือจากนั้นสิ่งสำคัญที่นักเตะจะต้องมีคือสปืริตนักสู้..

..สู้ด้วยความมุ่งมั่นกระหายชัยชนะทุกนัดทุกเวที ตรงนี้แหละที่ซิตี้ขาดหายไป !?!

มันน่าจะมาจากหลายปัจจัย ไม่ใช่เพราะโค้ช เพียงอย่างเดียว ตัวนักบอลก็ใช่อย่าลืมดาวเด่นของบอลอังกฤษถูกดูดไปเสปน โปรแกรมการแข่งขันก็ใช่ ทีมดังนักเตะ เล่นกันจนกรอบแกรบ สไตล์บอลก็ใช่ อื่นๆอีกมากมาย

ดูกันไปยาวๆลุ้นกันทีเกมไป

รอดูเกมคืนนี้ก่อนฮะว่าบอสเรือใบสีฟ้าจะพาทีมแก้ไขจุดที่ขาดนักเตะไปได้ดีแค่ไหนฮะ

มันเกิดจากการอ่อนซ้อมไหน่อยครับเมันแต่ยกกันว่าพรีเมียร์ลีกดีที่สุดแต่ผมบอได้เลยว่าดีสำหรับคนดู ที่มันดูสูสีแต่เก่งที่สุดคงจะต้องคิดใหม่ครับ ทีมอย่างบาร์ซ่า มาดริด บาเยิร์นพวกนี้เขายืนระดับกัน้แล้วแต่ทจากอังกฤษมีแต่ตกต่ำแม้แต่หงส์ยูโรป้ายังยาก

ผลงานพากันดำดิ่ง

ยาก ครับ โดยเฉพาะทีมเรา ถ้าเข้ารอบคงไม่เกินปีที่ผ่านมา เพราะโค้ช และแท็กติกการเล่น และนักแตะบางตำแหน่ง ยังเทียบชั้นไม่ได้กับทีมใหญ่ๆ 

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.