Members

คอลัมน์ :: เขียนให้คุณอ่าน โดย มาริโน่ "สูสีหรือลวงตา"

 

ฤดูกาลนี้เก้าอี้จ่าฝูงพรีเมียร์ลีก เปลี่ยนก้นเจ้าของมาแล้ว 4 ครั้ง หลังจบโปรแกรมครบทุกทีมแต่ละสัปดาห์ 

        ไม่นับพวกมาแป๊บๆ ชั่วคราวสามร้อย อยากหรูดูไฮโซก็เปิดดีลักซ์ 7-800 อัพ แอร์เย็นเฉียบ เตียงเด้งดึ๋ง บ้า เขียนไรเนี่ย ?!


        แมนฯ ซิตี้ ออกสตาร์ตผงาดหัวตารางตั้งแต่วีกแรก ก่อนเริ่มทำแต้มฉีกคู่แข่งเมื่อผ่านนัดที่สามกับผลงานชนะรวด 9 แต้มเต็ม


        แม้แต่จบโปรแกรมนัดที่ห้า เรือใบก็ยังแล่นฉิว ไม่มีทีท่าสะดุด ชนะรวด 15 คะแนน ยิง 11 และยังไม่เสียประตู บางคนถึงขั้นถอดใจยกแชมป์ให้แล้ว


        เฉพาะอย่างยิ่ง ฟอร์มที่ถล่มเชลซี 3-0 ก่อนบุกเชือดเอฟเวอร์ตัน 2-0 ประกายแชมป์สาดส่องระยิบระยับท่ามกลางเสียงถามว่าแล้วใครจะต่อกรได้ด้วยเล่า


        นาทีนั้น ทีมใกล้เคียงซิตี้ มากที่สุด คือเลสเตอร์ แต่ก็ห่างถึงสี่คะแนน ส่วนคู่แข่งแย่งแชมป์จริงๆ จังๆ อย่างอาร์เซน่อล กับแมนฯ ยูไนเต็ด ยังต้วมเตี้ยมตามอยู่ 5 แต้ม


        ไม่มีใครคาดคิดว่าตำแหน่งจ่าฝูงจะถูกยักยอกโอนย้ายภายในแค่สองสัปดาห์


        แต้มของซิตี้ จู่ๆ หยุดเหมือนรถตายกลางสี่แยกลาดพร้าวในช่วงเวลาเร่งรีบ หรือนาทีนี้ ต้องยกให้เส้นเลียบด่วนเค้ามาแรง เสียตังค์ไปวิ่งข้างบนพอทำเนา แต่ข้างล่างนี่ติดระดับ ''มา-หา-เฮีย'' เพราะห้างเหิ้งผุดกันขึ้นมาเป็นดอกเห็ดทำหอกไรไม่ทราบ ?!


        ผมเป็นพวกธรรมชาตินิยม เห็นสิ่งก่อสร้างจัญไรไม่จรรโลงพวกนี้แล้วของขึ้น วันก่อนขับรถผ่านกรมผังเมืองแถวสามเสน เกือบเผลอยกมือไหว้ เพราะนึกว่าเป็นโบราณสถานไปแล้ว....กรุงเทพมหานครมีผังเมืองกะเค้าด้วยหรือวะ กรูอยากขำ ฮา ฮา ก็เห็นใครใคร่สร้าง-สร้าง ใครใคร่รื้อ-รื้อ สร้างๆ รื้อๆ กันสนุกสนานจุงเบย


        วัฒนธรรมเลียนแบบพี่ไทยก็สุดๆ ไปล่ะ เฉพาะเลียบด่วนมีกี่ตลาดนัดไปแล้วเอ่ย จะทำมาให้ฝึกเดินมาราธอนไปแข่งโอลิมปิกกับพวกเคนยา เอธิโอเปีย หรืองัย ตลาดไหนยังบูม ติดลมบนก็ว่าไป แต่ที่ไหนคนน้อย บางตา ระวังผีคุณมัดมาเดินเป็นเพื่อนก็แล้วกัน !


         แฉลบออกข้างทางถึงไหนแล้วล่ะ อ้อ แมนฯ ซิตี้ โดนถีบหล่นไปอยู่อันดับสอง หลังจากแพ้สองนัดติด แต้มเลยไม่ขยับจาก 15 คะแนน เมื่อผ่านไป 7 เกม โดยมีเพื่อนบ้านน่ารำคาญพอกันอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด แซงหน้าไปแต้มเดียว


        อย่างไรก็ตาม ซิตี้ทวงคืนได้ในเวลาอันรวดเร็ว แต่ชัยชนะสองเกมต่อมา ก็ตามด้วยผลงานที่หาความสม่ำเสมอไม่เจอ ''เสมอ-ชนะ-เสมอ-แพ้-ชนะ'' ในห้านัดหลัง


        ระหว่างนั้นก็มีเลสเตอร์เสนอหน้ามาขอแจมเป็นจ่าฝูงได้สักสัปดาห์ ก่อนส่งมอบคืนให้เจ้าของเดิมในวีกล่าสุด ด้วยแต้มเท่ากัน เป็นรองแค่ลูกได้เสีย


        นี่คือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอบๆ เก้าอี้ดนตรีจ่าฝูง บางคนอาจยังไม่เห็นภาพชัดเจน ลองมาดูที่การขยับของคะแนนทีมนำ น่าจะกระจ่างใสไร้ฝ้ามากกว่านี้


        จากสัปดาห์ที่ 1-5 แมนฯ ซิตี้ ทำแม็กซิมัมเบรก 15 แต้มเต็ม


        จบนัดที่หก ทีมนำหยุดอยู่เท่าเดิม 15 คะแนน ก่อนสัปดาห์ที่ 7 แมนฯ ยูไนเต็ด แซงหน้าทั้งที่มี 16 แต้ม


        นั่นหมายถึงแต้มของทีมจ่าฝูงขยับเพิ่มจากนัดที่ห้า ไปแค่คะแนนเดียว


        หลังจากนั้นก็ค่อยๆ ไต่ขึ้นอย่างช้าๆ เป็น 18, 21, 22, 25, 26, 28 และ 29 เมื่อผ่าน 14 นัด


        ขยับช้ามั้ยล่ะครับ ทีละแต้มสองแต้ม


        ในโลกแห่งการสมมุติ ถ้าทีมหนึ่งชนะรวด 14 นัด ในกระเป๋าเวลานี้จะกวาดไป 42 คะแนน


        แน่นอนว่าสมมุติก็คือสมมุติ ยากที่ปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นจริง แต่สิ่งสะท้อนจากการกดไปเพียง 29 แต้มของแมนฯ ซิตี้ ณ ตอนนี้ ก็คือพวกเขาทำคะแนนหล่นเกลื่อนกลาดไปถึง 13 แต้มแล้ว


        หรือเฉลี่ยหายไปนัดละเกือบ 1 คะแนน !


        อีกนัยแปลว่าทั้งแมนฯ ซิตี้ กับเลสเตอร์ ที่มี 29 แต้มเท่ากันจาก 14 นัด เก็บเฉลี่ยเพียง 2.07 คะแนนต่อเกม


        ถ้ามาตรฐานจ่าฝูงยังต้วมเตี้ยมเป็นตัวสลอธ (Sloth) อย่างนี้ เท่ากับว่าแชมป์พรีเมียร์ ลีก ในเดือนพฤษภาคมหน้า อาจทำได้แค่ 77-78 แต้ม เมื่อครบ 38 นัด


        ต่ำสุดในรอบเกือบ 20 ปี !


        ในอดีต ทีมที่เคยได้แชมป์ด้วยคะแนนน้อยที่สุดคือ แมนฯ ยูไนเต็ด ในฤดูกาล 1996/97  รายนั้นแค่ 75 คะแนน ก็เกินพอ


        ก่อนปีถัดมา อาร์แซน เวนเกอร์ นำอาร์เซน่อลคว้าถ้วยพรีเมียร์ลีก สมัยแรก ด้วยการเก็บ 78 แต้ม


        นั่นคือยุคที่มาตรฐานการขับเคี่ยวแย่งแชมป์ยังไม่พุ่งสูงปรี๊ดชนิดการสะดุดหรือพลาดแม้เพียงนิดเดียว ก็สามารถดับฝัน

 


        ชอตลื่นของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ในช่วงท้ายซีซั่น 2013/14 คงไม่มีความหมาย ถ้าไปเกิดในปีอื่น ไม่ใช่ฤดูกาลที่แม้แต่ 84 คะแนนของลิเวอร์พูล ยังอกหักดังเป๊าะ


        เพราะในขณะที่เครื่องจักรสีแดงกำลังทำงานเต็มสูบ ฟอร์มของเรือใบสีฟ้ากลับติดเทอร์โบมาแรงปลาย


        มาตรฐานแชมป์พรีเมียร์ลีก ยกระดับสูงขึ้นชัดเจนจากยุค 90 และนับตั้งแต่ 79 แต้มของแมนฯ ยูไนเต็ด ในปีทริปเปิลแชมป์ 1999 ทีมที่เข้าป้ายชนะเลิศ ไม่เคยทำผลงานต่ำกว่า 80 คะแนน


        13 จาก 15 ครั้ง ต้องได้อย่างน้อย 85 แต้ม


        และ 5 หน ทีมแชมป์กวาดทะลุเก้าสิบ


        ไอ้ 75-78 คะแนน อย่างที่แมนฯ ยูไนเต็ด หรืออาร์เซน่อล เคยได้และคว้าแชมป์เมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน มาเทียบยุคนี้ยังต้องลุ้นอันดับ 4 แบบตัวเกร็งตะคริวกิน


        ถามว่าแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับบรรดา 4-5 ทีมเต็งทั้งหลาย ?


        บางที อุบัติเหตุตกสวรรค์ของแชมป์เก่าอย่างเชลซี คงพูดแทนได้เกือบทั้งหมด


        ทีมใหญ่ไม่ได้เก่งขึ้น หรืออาจเก่งขึ้น แต่ก็ถูกไล่กระชั้นเข้ามาใกล้โดยทีมขนาดเล็กกว่า


        เลสเตอร์ อย่าเรียกว่าไล่กระชั้นเลย ต้องใช้คำว่าพรวดพราดปาดขวาแซงหน้าไปอย่างผิดหูผิดตา


        เวสต์แฮม หรือ คริสตัล พาเลซ ก็เคยเกาะกลุ่มในท็อป 5-6 หรือแม้เวลานี้ก็ยังประคองตัวในโซนครึ่งบนตาราง


        โปรแกรมเจอทีมเหล่านี้ เคยเป็นของขบเคี้ยวทานเล่นแก้หิวของพวกทีมใหญ่ แต่คราวนี้กลับกลายเป็นหมูเขี้ยวตัน


        อาร์เซน่อล, ลิเวอร์พูล, แมนฯ ซิตี้, เชลซี เสร็จขุนค้อนโดนทุบหัวแบะตามๆ กัน หรือพาเลซ ที่ปราบทั้งเชลซี กับลิเวอร์พูล ก่อนยันเสมอแมนฯ ยูไนเต็ด มาได้


        ก่อนเจอสวอนซี เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็พูดเตือนสตินักเตะลิเวอร์พูล พร้อมกับปรามเด็กหงส์ที่กำลังหวังสูงไปถึงไหนต่อไหน ว่าไม่มีเกมใดเข้าข่าย ''ใส่ 3 แต้มรอ'' ในพรีเมียร์ลีก        


        ขนาดสวอนซี ที่ผลงานช่วงหลังห่วยขั้นเทพ ชนะแค่ 1 แพ้ 5 ใน 9 นัด ยังเกือบควักแต้มกลับเวลส์ ถ้าไม่โดนจุดโทษอย่างน่าเจ็บกระดองใจ


        แมนฯ ซิตี้ ที่ว่าแน่ๆ ออกตัวแรง เหยียบมิด ยังโดนเบรกซะหัวทิ่ม ถูกจิ้มจุดอ่อนจนเป็นรูเหวอะหวะ

 


        แล้วนับประสาไรกับแชมป์เก่า จะไม่ร่อแร่นอนไอซียูถึงตอนนี้ เพราะตัวผู้เล่นยังเดิมๆ แท็กติกก็เดิมๆ คู่แข่งรู้หมดทุกไส้ทุกขด แถม โชเซ่ มูรินโญ่ ยังเที่ยวสะสมปัญหาเป็นงานอดิเรก


        14 นัด 15 คะแนน ถึงแม้ยังเหลืออีก 24 เกม แต่ต่อให้มูรินโญ่พาทีมกวาดทุกแต้มไม่หล่นเลยสักเม็ด ก็จะไม่มีทางแซงหน้าผลงานในฤดูกาลก่อนที่ทำไว้ 87 แต้ม พอดีเป๊ะ หากชนะทุกเกมจากนี้ที่เหลือ


        บรรดาทีมใหญ่ปีนี้ ต่างพกจุดอ่อนกันของใครของมัน ไม่มีทีมไหนเลอเลิศเพอร์เฟกต์ได้เท่าเชลซี เมื่อปีกลาย


        ผลงานแต่ละทีมจึงเห็นชนะนัดสะดุดนัด แต้มแทนขยับขึ้นทีละสาม ก็เข็นไปหนึ่งบ้างสามบ้าง ไม่ก็แช่นิ่งบ้าง


        เหนืออื่นใดมันยังไปถูกประจานบนเวทียุโรป ที่ตลอด 2-3 ปีหลัง มาตรฐานเข้ารอบของทีมพรีเมียร์ลีกยิ่งแย่ลง


        แดนนี่ ฮิกกินบ็อตท่อม อดีตกองหลังสโต๊ค และหลายทีม สรุปเหตุผลไว้สามข้อ


        1) ทีมใหญ่ไม่ดีเหมือนเดิม


        2) ทีมเล็กกล้าใช้เงินซื้อนักเตะคุณภาพเข้ามาเสริม


        3) เกมโต้กลับเป็นไม้ตายของพวกรองบ่อน....

////////////////////////////////////////////////////

Cr.siamsport ติดตามข่าวสารได้ที่เวปหลักของประเทศไทย  www.mcfc.in.th

Views: 677

Reply to This

Replies to This Discussion

เขียนได้ดีมากครับ

เขียนดีน่าอ่านมากเลยครับ

เขียนได้ดีน่าอ่านมากเลยครับ ปีนี้ตัดเชลซีออกไปจากแชมป์ แต่ไม่ตัดติด 1-4 ทีมอื่นๆสูสี เรือใบแล่นฉิว 5 นักชนะรวดแต่ต้องมาสะดุด ก่อนจะทวงพื้นที่จ่าฝูงคืนได้ในที่สุด ยังไงก้อขอให้ยืดไว้ยาวๆอย่าแผ่ว อย่าผ่อนอีกก้อแล้วกันครับ หวังว่าการได้ตัวหลักๆกลับกันมาจะช่วยให้ทีมแข็งแกร่งขึ้น สู้ๆคร้าบบบ

เขียนชำแหละได้ดีมากครับ โดยเฉพาะทีมใหญ่...และเห็นด้วยที่สุดเรื่องผังเมืองที่สุดแสนสัปปะรังเคครับ

เดี๋ยวนี้'ซิตี้จะประมาททีมอื่นเหมือนแต่ก่อนไม่ได้เลยนะครับ แค่ถ้าไม่ขยันให้มากพอในแต่ละนัดก็เหมือนประมาทแล้ว!...ถ้าไม่ขยันให้มาก เจอเคสทีมอุดก็เพียงอึดอัดเจาะยาก

...แต่เดี๋ยวนี้มีทั้งอุด และเพิ่มทั้งขยันเข้าบีบเร็ว ดูแล้ว'ซิตี้ยังแก้ไม่ตก หากยังไม่ฟิตและขยันได้สูสีกับเขา!!!
เยี่ยมเขียนดีน่าอ่านน่าติดตาม....

จบฤดูกาลรู้กันฮะใครจะยังไงเป็นบทสรุปที่ชัดเจนไม่มีมโน ฮี่ๆ

ในลีกสูสีกันแต่จ่าฝูงยังบอกไม่ได้แต่น่าจะเรืออ่ะนะ

ปีนี้สุสีจริงๆครับจากที่ตอนแรกดูว่าเป็นปีทองของเรือแต่พอมาสะดุดเริ่มกลับสู่ความจริงที่ว่า ยังมีลุ้นกันอยู

เรามั่นในเรือแต่ไม่มั่นใจเปฯเลย

..เปเญ่ป๊อด กล้าๆกลัวๆ อยู่ดีๆก็หลุดคำว่า "ไม่ชนะก็อย่าแพ้"ออกมา..

..เรื่องบอลเอ็นเตอร์เทนเป็นเพียงภาพลวงตา !

ตอนนี้ยังมองไม่ออกเลยว่าเรือใบได้เปรียบไหม 555+

......ไปวัดกันช่วยโค้งสุดท้ายเรือใบชอบลุ้นจนถึงเกมสุดท้ายตัดสินไดก้แชมป์ไวไปไม่ชอบ......

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.