Members

คอลัมน์ :: เขียนให้คุณอ่าน โดย ซันเดย์ " เพื่อนบ้านที่น่ารำคาญ "

สำหรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แล้ว แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีสภาพไม่ต่างจากเพื่อนบ้านผู้น่ารำคาญ ตามที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เคยบอก 

        คงเป็นอย่างนั้นเรื่อยมา จนเมื่อปี 2012 นี่แหละที่พวกปีศาจแดงเริ่มตระหนักรู้อย่างจริงจังว่าเพื่อนบ้านจากเอติฮัด แคมปัส ไม่ได้มีแค่เสียงดังโหวกเหวกโวยวายอีกต่อไป


        ในปี 2008 ชีค มันซูร์ หนึ่งในราชวงศ์ของอาบูดาบี ได้ลงทุนซื้อสโมสรสีฟ้าของแมนเชสเตอร์ด้วยมูลค่าราว 210 ล้านปอนด์ แล้วลงทุนทำนโยบายขายฝันให้เป็นจริงขึ้นมาทันที


        โรบินโญ่ กลายเป็นสตาร์ระดับโลก (ในเรื่องชื่อเสียง) รายแรกของสโมสรด้วยวงเงิน 32.5 ล้านปอนด์


        กระทั่งมีข่าวหลุดออกมาบอก โรบินโญ่ นึกว่าตัวเองจะได้เซ็นกับแมนฯ ยูไนเต็ด เห็นบอกแมนเชสเตอร์ๆ ก็โอเค เอาวะ


        เมื่อ 7 ปีก่อน สภาพเบ้าหน้าของแมนฯ ซิตี้ เป็นแบบนั้นจริงๆ เป็นพวกเศรษฐีใหม่ไร้ราก นักเตะจากประเทศอื่นๆ แทบไม่มีใครรู้จัก


        เมื่อพูดถึงแมนเชสเตอร์ ทุกคนปิ๊งไอเดียแค่ว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เท่านั้น


        แนวทางการตกแต่งทีมของท่านชีคจากยูเออีท่านนี้ยังคงเดินหน้าไปในรูปแบบเดิม ตอนนั้นทุกคนหัวเราะเยาะเพราะมีข่าวกับนักเตะระดับโลกทุกๆ ตลาดนักเตะ


        เรียกว่าอาศัยลูกป๋าใจป้ำ จ่ายไม่อั้น ถ้าเป็นเที่ยวคาเฟ่สมัยก่อนก็คงเหมาพวงมาลัยหมดร้านมาคล้องนักร้องกันล่ะ


        ทั้งโลกอาจหัวเราะเยาะว่ามีเงินก็ใช้ไป เหมือนไร้สมอง


        บุคคลระดับเป็นถึงรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของยูเออี มีหรือจะไม่มองเห็นถึงข้อดีข้อเสียของการนี้


        ในขณะที่พวกเขาใช้ฟ่อนธนบัติที่ได้มาจากแหล่งน้ำมันอันอดุมพยายามกวาดต้อนนักเตะมีเกรดมาเข้าเล้า คู่ขนานกันไป พวกเขาก็ปรับปรุงเรื่องนักเตะจากทีมเยาวชนไปพร้อมๆ กันด้วย


        เมื่อเงินไม่ใช่ข้อจำกัด จึงเป็นที่มาของการสร้างสนามซ้อมระดับโลก อลังการงานสร้าง และพยายามแผ่ขยายฐานแฟนบอลออกไปให้ไกลที่สุด


        ไม่น่าเชื่อว่าเพียง 4 ปีจากแรกเริ่มเข้ามาเทคโอเวอร์สโมสร แฟนบอลเรือใบสีฟ้าจะได้เห็นแชมป์ลีกสูงสุด แชมป์ลีกที่พวกเขาอาจไม่คิดไม่ฝันด้วยซ้ำว่ามันจะเกิดขึ้นได้จริงในชั่วชีวิตนี้


        จากสภาพทีมที่ขอแค่อยู่รอดในพรีเมียร์ลีก เป็นทีมโยโย่ เป็นลูกไล่ใต้ปุ่มสตั๊ดของ ยูไนเต็ด มา 3-4 ทศวรรษ พวกเขามีวันนี้จริงๆ


        โดยเฉพาะแฟนบอลที่เป็นคนแมนเชสเตอร์หรือแถบถิ่นใกล้เคียง ย่อมดีใจยิ่งกว่าใครทั้งนั้น


        พวกเขายังจำได้ดีว่า สิ่งที่สะใจที่สุดก่อนหน้าถ้วยรางวัลจะตกถึงท้อง ในนามของ เอฟเอ คัพ ปี 2011 คือการที่สโมสรลบเหลี่ยมแมนฯ ยูไนเต็ด (ด้วยพลังเงิน) เซ็นสัญญา คาร์ลอส เตเวซ มาร่วมทีมสำเร็จ พร้อมขึ้นป้ายประกาศ  Welcome to Manchester


        มันแสดงให้เห็นว่า สำหรับซิตี้แล้วไม่มีอะไรน่าเกลียดไปกว่ายูไนเต็ด


        สำหรับแมนฯ ยูไนเต็ด มันอาจเคยเป็นลิเวอร์พูล, อาร์เซน่อล หรือกระทั่งลีดส์ แต่ตลอด 2-3 ปีหลัง พวกเขาคงรู้แล้วว่า ศัตรูบ้านใกล้เรือนเคียง ไม่ได้เป็นแค่เกรียนดีแต่ปากอีกต่อไป


        จากสถิติตัวเลขเมื่อปีที่แล้วเปิดเผยว่า แฟนบอลของทีมเรือใบมีถึง 37.3% ที่อายุเกิน 55 ปี ส่วน 20.3% อายุอยู่ในช่วง 54-45 ปี


        เรียกได้ว่าเกินครึ่ง เป็นคนยุคที่โตมาในช่วงที่สโมสรเคยประสบความสำเร็จราวปี 60s


        ส่วนแมนฯ ยูไนเต็ด นั้น แฟนบอลวัย 55+ มีเปอร์เซ็นต์เยอะสุดเช่นกันที่ 32.8% ก้ทันยุคสมัยของ ''บัสบี้ เบบส์'' แต่ที่น่าสนใจก็คือ กลุ่มอายุที่เหลือ มีสถิติไล่เลี่ยกัน โดยเฉพาะกลุ่มคนอายุ 25-34 ปี มีมากเป็นพิเศษที่ 18.7% เพราะนี่คือยุคที่คุณโตมากับ เซอร์ อเล็กซ์ ช่วงเวลารุ่งเรืองสุดของสโมสร


        ตรงกันข้าม แฟนบอลรุ่นใหม่ๆ ของซิตี้ มีน้อย  มันอาจเป็นโจทย์ที่ซิตี้ต้องตีให้แตก


        ฐานแฟนบอลในโซนตะวันตกเฉียงเหนือของอังกฤษ อาจเป็นถิ่นฐานของทั้งสองสโมสรจริง แต่ถ้าเอาฐานแฟนบอลทั่วโลก ซิตี้ไม่เคยสู้แมนฯ ยูไนเต็ด ได้


        คำถามคือทำอย่างไรให้แบรนด์ของแมนฯ ซิตี้ ขยับไปใกล้อริร่วมเมืองให้มากที่สุดในทุกๆ ด้าน


        เรื่องขุมกำลัง และฟอร์มการเล่น เชื่อเหลือเกินว่าในรอบ 3-4 ปีที่ผ่านมา พวกเขาไม่เพียงแต่จะขึ้นมาทาบ แต่พูดได้ว่าอาจแซงหน้าไปแล้วด้วยซ้ำ

 


        ความสำเร็จก็เริ่มมาให้เห็น ทั้งเอฟเอ คัพ และพรีเมียร์ลีก


        ข่าวล่าสุดที่ทำให้แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องสะดุ้งคือการที่กลุ่มทุนจากจีนเข้ามาซื้อหุ้น 13% จาก ชีค มันซูร์ เป็นตัวเงินสูงถึง 265 ล้านปอนด์


        หมายความว่า ตอนที่ชีคซื้อสโมสรเมื่อ 7 ปีก่อนนั้น ราคาแค่ 210 ล้านปอนด์ แต่ปัจจุบัน เพียงแค่ 13% ของสโมสร ก็มีมูลค่ามากกว่านั้นแล้วถึง 55 ล้านปอนด์


        แม้การที่ประธานาธิบดี สีจิ้นผิง มาเยือนอังกฤษ มี เดวิด แคเมอรอน นายกรัฐมนตรีพาเยี่ยมชมแมนฯ ซิตี้ และเซลฟี่กับ เอล กุน จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเข้ามาซื้อหุ้นของทุนจีน (แหล่งข่าวภายในบอกกับสื่ออังกฤษ) แต่ชัดเจนเหลือเกินว่าทิศทางต่อจากนี้ของ แมนฯ ซิตี้ จะมุ่งตรงสู่แผ่นดินมังกรที่มีประชาชน 1.4 พันล้านคนอย่างเต็มตัว


        คัลดูน อัล มูบารัค มือขวาของท่านชีค ผู้นั่งแท่นประธานของกลุ่ม ''ซิตี้ฟุตบอลกรุ๊ป'' เชื่อมั่นเหลือเกินว่าพวกเขากำลังเดินหน้าต่อไปด้วยแนวทางที่ไม่มีใครเทียบได้ ในแง่ของการขยายอำนาจในทุกๆ ด้านของกลุ่ม กับธุรกิจในโลกฟุตบอล


        อย่าลืมว่า ซิตี้ฟุตบอลกรุ๊ป หรือ CFG ไม่ได้มีแค่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่พวกเขายังมี โยโกฮาม่า มารินอส, เมลเบิร์น ซิตี้ และนิวยอร์ค ซิตี้ อยู่ในข่าย โดยมูลค่ารวมของพวกเขาแตะตังเลขเฉียด 2 พันล้านปอนด์ เป็นอันดับ 4 ของโลกแล้ว ตามหลังแมนฯ ยูไนเต็ด แบบหายใจรดต้นคอ โดยมีเรอัล มาดริด และบาร์ซ่า ครองที่ 1 และ 2


        การมีเงินเพิ่มมากขึ้นในระบบ หมายถึงซิตี้สามารถใช้จ่ายได้คล่องมือ แผนบ้าคลั่งที่จะดึง  ลีโอเนล เมสซี่ มาด้วยค่าเหนื่อย 8 แสนปอนด์ต่อสัปดาห์นั่นเกิดขึ้นได้จริงทางทฤษฎีแล้ว รวมถึงการพร้อมล่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มาคุมทีมอีกต่างหาก


        รูปแบบการเล่นที่ว่ากันตามตรงก็คือ ดูสนุกกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด มากในช่วง 3-4 ปีหลัง ส่งผลให้ยอดแฟนบอลพวกเขาเพิ่มมากขึ้น หากต่อยอดได้ไปเรื่อยๆ เท่ากับพวกเขาจะกลายเป็น นางพญาผึ้ง ผลิตแฟนบอลรุ่นใหม่ๆ ให้เทใจให้พวกเขาในปริมาณมหาศาลต่อไป


        นี่ขนาดเพิ่งมาเก่งในช่วงหลัง จากสถิติล่าสุดของ Sina Weibo โซเชียลมีเดียใหญ่สุดของจีน พบว่าตัวเลขแฟนบอลสโมสรต่างๆ ในแดนมังกร แมนฯ ซิตี้ มีผู้ติดตามมากถึง 8,135,804 (และเพิ่มขึ้นเรื่อย) จี้อันดับ 1 คือ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ไกล (8,663,178)


        การสำรวจตลาดพรีเมียร์ลีก ในจีนพบว่า มีแฟนบอลเฝ้ารอชมเกมลีกอังกฤษถึง 350 ล้านคน!!


        นี่คือแหล่งขุมทรัพย์มหาศาลให้ทีมสโมสรในพรีเมียร์ลีก ได้เข้าไปตักตวง แน่นอน แมนฯ ยูไนเต็ด, เชลซี, อาร์เซน่อล, ลิเวอร์พูล กระทั่งสเปอร์ส ได้ทำเป็นเรื่องเป็นราวมาแล้ว


        คราวนี้ถึงทีของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ บ้าง

 


        จำนวนแฟนบอลของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทั่วโลกกำลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในอัตราที่ก้าวกระโดด ตรงกันข้ามแมนฯ ยูไนเต็ด เริ่มอืด


        เดวิด กิลล์ อดีตซีอีโอคนเก่งของแมนฯ ยูไนเต็ด เคยให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว ถึงการเติบโตของแมนฯ ซิตี้ ว่าอย่างนี้


        ''ผมไม่ได้โอหังนะ แต่แมนฯ ซิตี้ ไม่มีวันใหญ่ได้เท่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในตลาดเอเชีย หรือที่อื่นๆ''


        ''ดูอย่าง ลิเวอร์พูล สิ สโมสรไม่ได้แชมป์ลีกมานานแค่ไหนแล้ว แต่พวกเขายังเป็นที่นิยมในเอเชีย''


        ''ทีมใหญ่ๆ ที่มีประวัติศาสตร์และรากเหง้า - บาร์เซโลน่า, บาเยิร์น  มิวนิค, ยูเวนตุส และเรอัล มาดริด มีตรงนั้น''ไ


        คำพูดของกิลล์ หมายความว่า ต่อไปในอนาคต หากว่าปีศาจแดงยังไร้แชมป์ลีกต่อไปเรื่อยๆ แฟนบอลก็ยังนิยมอยู่


        มันก็ใช่ที่ว่ายังเป็นที่นิยม แต่แฟนบอลรุ่นใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวัน


        หากมีทีมหนึ่งที่เล่นฟุตบอลได้ดีกว่า มีนักเตะดังๆ และประสบความสำเร็จ แน่นอนแฟนบอลรุ่นใหม่ย่อมมีโอกาสสูงที่จะเลือกปันใจให้ทีมนี้


        ตัวเลขแฟนบอลทางอินเทอร์เน็ตในจีนก็แสดงให้เห็นแล้วว่า แมนฯ ซิตี้ ภายในเวลาไม่กี่ปี พวกเขาก้าวมาทาบยูไนเต็ด ได้อย่างใกล้เคียง ชนิดที่บาร์ซ่า, เรอัล มาดริด, ลิเวอร์พูล, อาร์เซน่อล, เชลซี ทำไม่ได้ด้วยซ้ำ


        อย่าลืมว่าที่แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นที่นิยมไปทั่วโลกอย่างจริงๆ จังๆ ก็ในยุค 20 กว่าปีหลังนี้ แล้วไม่ใช่เพราะความสำเร็จและเกมในสนามขณะนั้นๆ หรอกหรือที่ดึงดูดให้กำเนิดสาวกปีศาจแดงถือสามง่ามทุกภูมิภาค


        รากเหง้า ประวัติศาสตร์ จำนวนถ้วยรางวัล มันสร้างกันได้ ขอแค่เพียงผ่านกาลเวลาด้วยผลงานสม่ำเสมอ


        ว่ากันตามตรง ดูจากขุมกำลังในเวลานี้ แนวทางการเล่น และทิศทางที่กำลังจะเป็นไป ภายในอนาคตอันใกล้ แมนฯ ซิตี้ คงไม่เพลี่ยงพล้ำให้แมนฯ ยูไนเต็ด ง่ายๆ เหมือนเมื่อก่อนแล้ว


        ดูจากอัตราต่อรองแชมป์รายการต่างๆ ก็ได้ ทุกวันนี้แทบทุกสำนักรับพนันกลัวซิตี้ มากกว่ายูไนเต็ดทั้งนั้น


        การเข้ามารวมพลังกันของกลุ่มทุนจีน และเงินตะวันออกกลางของ ชีค มันซูร์ บอกให้เห็นเลยว่าอนาคตเลือกข้างฝั่งไหน


        โรบิน ฟาน เพอร์ซี่, ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ หรือ ฟิล เนวิลล์ ยังเลือกส่งลูกตัวเองไปเข้าอคาเดมี่ที่เอติฮัด แคมปัส เลย คิดดู


        แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่ได้เป็นแค่เพื่อนบ้านน่ารำคาญอีกต่อไป


        หากแมนฯ ยูไนเต็ด ยังไม่มีพัฒนาการในสนาม และกระชากความสำเร็จกลับมาสู่สโมสรภายในเร็ววัน อีก 20 ปีข้างหน้า เราอาจเห็นป้ายยี่ห้อเพื่อนบ้านน่ารำคาญไปติดอยู่ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แทน

 


        รูเพิร์ต  เมอร์ด็อค เวอร์ชั่นจีน

        รูเพิร์ต เมอร์ด็อค บิลเลียนแนร์ด้านสื่อสารมวลชน เจ้าพ่อ FOX เคยพยายามซื้อ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่ไม่สำเร็จ ทว่าแมนฯ ซิตี้ ได้ เมอร์น็อคตาตี่ มานั่งแทน ''ไดเรกเตอร์'' เรียบร้อยแล้ว


        กลุ่มทุ่นที่เข้ามาซื้อหุ้น 13% ของแมนฯ ซิตี้ ด้วยวงเงิน 265 ล้านปอนด์  คือ CMC หรือ Chinese Media Capital ที่มี หลี่ รุยกัง เป็นนายหัวอยู่


        ซีเอ็มซี เพิ่งประมูลสิทธิ์ถ่ายทอดไชนิส ซูเปอร์ลีก มาด้วยมูลค่าถึง 860 ล้านปอนด์ ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งตกลงสัญญาฉบับใหญ่กับวอร์เนอร์ บราเธอร์ส และวอลต์ ดิสนีย์


        หลี่ รุยกัง ถูกเปรียบเทียบเป็น รูเพิร์ต เมอร์ด็อค ของจีน แถมเขายังนิยมใส่ยีนกับเสื้อยืด จนมีบางครั้งที่ถูกเทียบกับ สตีฟ จ็อบส์ ผู้ล่วงลับด้วย

                           ซันเดย์

///////////////////////////////////////////////////////////////

Crsiamsport ติดตามข่าวสารได้ที่เวปหลักของประเทศไทย  www.mcfc.in.th

 

Views: 961

Reply to This

Replies to This Discussion

Chinese Media Capital นี่รวยโคตระเลย แถมมองการไกลมูลค่าการตลาด 13%ของหุ้นเรือใบเทียบเท่าทั้งหมดของแมนซิตี้ที่ท่านชีคลงทุนไปเมื่อหลายปีก่อน มันสุดยอดมากเพื่อนบ้านที่น่ารำคาญ นั่นเป็นเพราะรำคาญจิตใจที่ผีแดงกลัวเรือใบจะมีวันนี้นรั่นเอง

 ขายหุ้น 13% เป็นตัวเงินสูงถึง 265 ล้านปอนด์ ตอนที่ชีคซื้อสโมสรเมื่อ 7 ปีก่อนนั้น ราคาแค่ 210 ล้านปอนด์ แค่นี้ก้อกำไร 55 ลป.แล้ว เพราะฉนั้นไม่ต้องห่วงระดับมันสมองอย่าง รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของยูเออี มีหรือจะไม่มองเห็นถึงข้อดีข้อเสียของการนี้ มองการไกลเรียกได้ว่าอ่านขาด การจะตีตลาดจีนโดยไม่ร่วมมือกับคนจีนหรือทีมงานระดับนี้ถือว่าพลาดมาก สุดยอดเเลยครับมันสมองผู้บริหารเรือใบสีฟ้า  อีกอย่างดูถูกเรือใบเข้าไปเถอะครับว่าแฟนบอลน้อย ดูผลงานระยะห้าหกปีหลัง กับการเติบโตของแฟนบอลแมนซิตี้ถือมามาเป็นอับดับหนึ่งเมื่อคิดเป็น% เพราะฉนั้นกองเชียร์ที่เชียร์เรือใบมีแต่แฮปปี้ครับ อย่างผมเองเชียร์ก่อนหน้าจะมีแชมป์ หวังไว้ว่าก่อนตายขอให้ทีมรักได้สัมผัสพรีเมียร์ลีกสักครั้ง แต่ก้อได้มาสองครั้งแล้ว แต่ผมยังไม่ตายเลยนี่แหละครับที่สำคัญทำให้ผมได้มีกำลังใจเชียร์ไปตลอดเพราะชีวิตที่เชียร์ตอนนี้คือกำไรชีวิต ^^ แล้วล่ะครับ อิอิ


      

อ่านขาดฮะบอร์ดแมนซิ ฮี่ๆ

เขาเอาไปซื้อเป๊ป เมสซี่ เพื่อต่อยอดความรวยซ้ำซากและความสำเร็จไม่รู้จบสิ้น

เพลานี้ต้องเป๊ปเท่านั้น
เรากวาดต้อนเยาวชนคนเก่งจากทั่วโลกมารวมไว้ใหัเป๊ปเลือกล้นอคาดิมี่
สาธุ

ทำตัวเองอับอายผลงานตกต่ำยังจะมาบอกอับอายใครกันแน่ที่ควรอับอาย ทีมจ่าฝูงหรือทีมที่สาม

คำพูดนี้น่าจะเป็นของเรือมากก่านะ

.......เอามันนี่ระดมทุนซือเมสซี่กับว่าจ้างเป๊ปกวา.......

หุ่นส่วนแมนซินี่ ยังมีเงินมากกว่าเจ้าของแมนยู อีกมั้ง 5555

อีกไม่นานก็เจาะตลาดเอเซียแล้ว เยี่ยมมาก

เขาก้าวหน้าไปข้างหน้าผีแดงยังย่ำกับที่อีกหน่อยก็โดนแซงแล้วจะพูดไม่ออก

ระดับผู้นำจีนมา มึงคิดว่าน่ารำคาญมากไหมผี

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.