เห็นด้วยกับ กีเก้ ซานเชซ ฟลอเรส กุนซือของเจ้าบ้านบอกไว้ว่าความปราชัยหนนี้มันยากที่จะยอมรับ

        ในเมื่อทีมของเขาเล่นได้ดีกว่าแมนฯ ซิตี้ เป็นฝ่ายเดินหน้าท้าชน หวังถึงชนะ ไม่เหมือนกับเมื่อ 4 เดือนก่อนที่ออกไปแพ้นิ่ม 0-2 สมัยยังไม่ประสีประสาพรีเมียร์

        โดยเฉพาะหากนับถึงแค่นาที 80 หากเป็นมวย วัตฟอร์ดเป็นฝ่ายดักต่อยเข้าเป้าเป็นชุดๆ ส่วนซิตี้ฮึดเหวี่ยงหมัดแต่ก็สะเปะสะปะเหลือเกิน

        ความผิดพลาดเดียวสำหรับเจ้าถิ่นก็คือ น้ำหนักหมัดของพวกเขาไม่รุนแรงพอจะคว่ำอาคันตุกะที่เจนสังเวียนกว่าได้

        ก่อนอื่น ต้องชมทีมแตนอาละวาดว่าพวกเขาเล่นสมกับที่อยู่ครึ่งบนของตารางพรีเมียร์ลีกฤดูกาลหฤโหดนี้ ที่ทุกเกมยากหมด ไม่มีนัดไหนง่าย

        การต่อบอลของพวกเขาดูดีกว่าทีมใหญ่อย่างแมนฯ ยูไนเต็ด, เชลซี หรือลิเวอร์พูล ด้วยซ้ำ

        ให้แล้วไปรอรับ ออกบอลเร็ว ไม่มั่วซั่ว แดนกลางขยัน กองหน้าเก็บบอลได้

        โอเดียน อิกาโล่ ร้ายกาจ ตัวตัวไม่มีทางจับอยู่ เผลอเป็นโดน งานนี้เล่นเอา เอเลียคิม ม็องกาล่า หมดเกลือแร่ไปหลายขวด

        น่าเสียดายที่เกมนี้ ทรอย ดีนี่ย์ มีบทบาทน้อยไปสักนิด ความดุดันในกรอบเขตโทษของวัตฟอร์ดเลยไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย

        ขณะที่แฟนวัตฟอร์ดหลายคนยกย่องอิกาโล่ กับ ดีนี่ย์ ว่าเป็นกุญแจสำคัญ แต่แฟนอีกจำนวนไม่น้อยที่ชื่นชอบ เอเตียน กาปู

        อดีตมิดฟิลด์จากเล้าไก่ ทางบอลดี รูปร่างดี ดักบอลตัดบอลแดนกลางเยี่ยมมาก แต่ยังติดตรงที่ออกบอลไม่ชัวร์เท่าไหร่ ในฐานะห้องเครื่อง เขาต้องชัวร์กว่านี้

        ค่าผ่านบอลแม่นยำเฉลี่ยของกาปูอยู่ที่ 79% ขณะที่นักเตะในตำแหน่งเดียวกันกับเขาของทีมอื่นๆ เช่น บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ 86%, ยาย่า ตูเร่ 87% และ มาติเยอ ฟลามินี่ 89% เป็นต้น

        เบน วัตสัน ก็ต้องยกนิ้วให้ มิดฟิลด์วัย 30 เป็นผึ้งงานของทีมไล่บี้แดนกลางแถมยังเป็นคนรับสัมปทานลูกตั้งเตะ

        อย่างไรก็ดี จุดอ่อนที่ชัดเจนมากของวัตฟอร์ดอยู่ที่แนวรับ เซนเตอร์ฮาล์ฟอย่าง มิเกล บริตอส กับ เครก แค็ธคาร์ท ใช้ได้ แต่มักสมาธิหลุด เกมนี้ชัดเจนมากโดยเฉพาะการโดนประตู 2-1 จากกุน อเกวโร่

        แบ็กในสไตล์ของกีเก้ต้องฝีเท้าจัดและเน้นบุก เกมรับเป็นเรื่องรอง พื้นที่ของ อัลแล็ง นียอม กับ โฮเซ่ โฮเลบาส จึงกลายเป็นบ่อให้โดนเจาะอยู่เรื่อย โดยเฉพาะยามขึ้นแล้วลงไม่ทัน

        ที่ดูเหมือนจะดี แต่เป็นปัญหาคือผู้รักษาประตู เพราะ เอเรลโญ่ โกเมส คือนายทวารที่น่าหวาดเสียวสำหรับเพื่อนร่วมทีม

        เขามีชอตเซฟสวยๆ เยอะ แต่ระหว่างเกมทุกนัดต้องมีจังหวะเฟอะฟะ ลนลานให้เห็นตลอด โดยเฉพาะการเปิดบอลออกมาจากกรอบโทษถือเป็นจุดอ่อนชัดเจน

        บอลเก๋าอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ นั้นรู้อยู่แล้วว่าเกมแบบนี้ ถ้าเวลาไม่หมด พวกเขายังมีโอกาสพลิกสถานการณ์ได้เสมอ

        ข้อแรก วัตฟอร์ดมีจังหวะบุกกดดันใส่น่ากลัวก็จริง โดยเฉพาะช่วงต้นทั้งครึ่งแรกและะครึ่งหลังชนิด มาเป็นชุด ทีมของเปเยกรินี่เจียนอยู่เจียนไป

        แต่อย่างที่บอกว่าการที่จบไม่ลง หมัดไม่หนักพอ ทำให้ความมั่นใจของคู่แข่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

        ข้อสอง ซิตี้รู้ดีว่าแนวรับของวัตฟอร์ดต้องมีช่องโหว่แน่ แล้วก็จริงตามนั้น

        มานูเอล เปเยกรินี่ ยกย่องลูกทีมว่าเล่นด้วยสปิริต ไม่ยอมแพ้ มีแคแรกเตอร์ของนักสู้

        ชมลูกทีมแล้ว ก็ต้องชมตัวของเปเยกรินี่ด้วย เพราะการแก้เกมของเขาแสดงให้เห็นว่า เขาไม่กลัวที่จะเสี่ยง

        ก่อนหมดเวลา 15 นาที เขาถอดม็องกาล่า ที่ล้ามาจากการปะทะอิกาโล่ ทั้งเกมออกแล้วส่ง วิลฟรีด โบนี่ ลงสนามทันทีปรับเป็นกองหน้าสองคน โดยถอย แฟร์นานดินโญ่ คีย์แมนตัวจริงของทีมลงต่ำมาช่วย โอตาเมนดี้

        นี่เป็นสิ่งที่กุนซือทีมที่จะประสบความสำเร็จสมควรทำ

        ทีมตาม กล้าที่จะส่งตัวรุกเพิ่ม ไม่ใช่การเปลี่ยนแบบตำแหน่งต่อตำแหน่ง หรือเปลี่ยนแบบกลัวโดนยิงเพิ่ม

        ความเจนจัดของเปเยกรินี่ แสดงออกมาให้เห็นอีกครั้งในนาทีที่ 84 เมื่อ "เอล กุน" เทกตัวโขกพังประตู 2-1 เขาก็เปลี่นตัวหอกอาร์เจนไตน์ออกทันที และยัด มาร์ติน เดมิเคลิส ลงแทน

ผู้เล่นซิตี้ไปฉลองประตู 2-1 กับแฟนบอลทีมตัวเองจนป้ายโฆษณาล้มพับ

        บอกชัดว่าเขารู้ดีว่าการแก้เกมดอกแรกเมื่อสักครู่นั้นคือการเสี่ยง เปิดแลกแบบตายเป็นตาย โดนยิงเพิ่มก็แพ้เท่ากัน เมื่อทำประตูได้ตามเป้าแล้ว ก็ปรับหมาก ส่งกองหลังคืนแทนกองหน้าตามเดิม

        อย่างไรก็ตาม เกมนี้อาจได้ 3 แต้มจริง แต่สิ่งที่เปเยกรินี่ต้องทบทวนให้ดีก็คือการเสริมทัพ

        อย่าเพิ่งบอกปฏิเสธโอกาสใน 1 เดือนต่อจากนี้

        กองหลังของพวกเขายังเป็นปัญหา โอตาเมนดี้ เจอ อิกาโล่ ชนแล้วเอาไม่อยู่ ม็องกาล่า แข็งแรงแต่ทึ่ม และไม่นิ่ง

        แบ็กยิ่งแล้วใหญ่ โคลารอฟ เกมรับไม่ชัวร์ ส่วน บาการี่ ซานญ่า ไม่แข็งแกร่งเหมือนสมัยเล่นให้อาร์เซน่อล เจอตัวเร็วๆ ก็เอาไม่อยู่ เสียดายแทน ปาโบล ซาบาเลต้า ที่เล่นดีมาตลอด 2-3 ปีหลัง

        ยาย่ายังเป็นคนสำคัญของทีม แต่ฟอร์มปีนี้เห็นชัดว่าเขาไม่ใช่ "ยักษ์ในแดนกลาง" อย่างปีก่อนๆ ด้วยวัย 32 เจอความสดของกองกลางหนุ่มๆ จากทีมอื่นวิ่งบดใส่ ก็สู้ไม่ไหว ยังยืนหยัดด้วยชั้นเชิง และเซนส์บอลเท่านั้น แล้วเขาโชคดีที่มีคู่หูอย่าง แฟร์นานดินโญ่ คอยประคองด้วย

        ส่วนแนวรุก โบนี่ฝากความหวังไม่ได้ 100% จอมถล่มประตูอย่าง เอล กุน ปีนี้เจ็บเยอะ ไม่เคยฟิตสมบูรณ์เลย

        เคยเขียนถึงไปแล้วว่าของแบบนี้ เหลือดีกว่าขาด หากตังค์ท่านชีคเหลือ เบิกมาซื้อนักเตะสักคนสองคนก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย

        เพิ่มเปอร์เซ็นต์การคว้าแชมป์ไว้ก่อน ดีกว่าปล่อยให้ผ่านไปแล้วมานั่งเสียดายทีหลัง

        ขณะที่อาร์เซน่อลกัดฟันเอาชนะนิวคาสเซิ่ลได้ 1-0 ทำแต้มทิ้งห่างไปก่อนเมื่อช่วงบ่าย แมนฯ ซิตี้จำเป็นต้องได้ 3 แต้มจากเกมนี้

        พวกเขาอาจไม่ได้เล่นดีกว่า แต่ยังแสดงให้เห็นถึงบุคลิกของทีมที่จะประสบความสำเร็จ คือทำยังไงก็ได้ให้ชนะไว้ก่อน

        หลายนัดแล้ว ไม่ใช่แค่นัดนี้ ที่พวกเขาไม่ได้เล่นดีกว่าคู่แข่งเลย แต่อาศัยจังหวะที่เด็ดขาดกว่า เบียดเข้าป้าย หรืออย่างน้อยๆ ก็มีแต้ม เช่นเกมชนะสวอนซี หรือบุกเสมอเลสเตอร์

        นับแต่ไปควัก 3 แต้มจากคริสตัล พาเลซ เมื่อเดือนกันยายน ชัยชนะที่วิคาเรจ โร้ด นัดนี้เป็นนัดแรกในลีกที่พวกเขาชนะนอกบ้าน

         "คลาส" และความเก๋าเกมของนักเตะอย่าง ยาย่า ตูเร่ และ เซร์คิโอ อเกวโร่ ช่วยทีมเอาไว้ได้อีกรอบ

        แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รู้ว่าฟุตบอลเล่นกันแบบไหน ทำอย่างไรจึงจะชนะเกม

        ถึงตอนนี้ พวกเขายังตามเกาะติดอาร์เซน่อล 3 แต้มเหมือนเดิม

        ในฤดูกาลที่ฟุตบอลคู่คี่สูสีแบบนี้ ความเจนจัดของแมนฯ ซิตี้ นี่แหละจะเป็นปัจจัยสำคัญเมื่อถึงช่วงโค้งสุดท้าย ไม่เชื่อคอยดู

ซันเดย์

**************************************************

Cr.siamsport.  ติดตามข่าวสารได้ที่เวปหลักของประเทศไทย www.mcfc.in.th