Members

เป๊บ กวาร์ดิโอล่า : Beginning of a New Era


แมนเชสเตอร์ ซิตี้เคยหยุดโลกทั้งใบมาแล้วในวันเด๊ดไลน์ของตลาดซื้อขายนักเตะ ย้อนกลับไปในวันที่ 1 กันยายน 2008 พวกเขาประกาศเรื่องการเข้าเทคโอเวอร์สโมสรโดยกลุ่มทุนอาบู ดาบี ยูไนเต็ด กรุ๊ปและหลังจากนั้นก็ซื้อตัวโรบินโญ่จากเรอัล มาดริดที่ราคา 33 ล้านปอนด์


จากวันพิเศษวันนั้นผ่านมา 7 ปีครึ่ง ซิตี้กำลังเหยียบย่ำเข้าสู่วัฏจักรความวนเวียนของการเติบโตและความรุ่งโรจน์ อย่างไรก็ตามถือเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้วที่เส้นทางนำพามาอย่างไม่ย่อท้อสู่ป้ายหยุดสุดท้ายสำหรับพัฒนาการของพวกเขา

เป๊บ กวาร์ดิโอล่า โค้ชผู้ซึ่งแพ้ไปเพียง 19 จาก 239 ในการแข่งขันเกมลีกกับทั้งบาร์เซโลน่าและบาเยิร์น มิวนิค ชื่อของเขาพัวพันกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้มายาวนานกว่าสังกัดปัจจุบันที่ประเทศเยอรมนีเสียด้วยซ้ำ

อย่างที่ซิตี้ประกาศชัดเจนในแถลงการณ์ของพวกเขาเมื่อวันจันทร์ การพูดคุยกับกวาร์ดิโอล่าเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี 2012 ถือเป็นเวลาหนึ่งปีก่อนที่เขาจะตอบรับงานคุมทีมบาเยิร์น มิวนิค

ณ จุดใดจุดหนึ่ง ซีอีโออย่างเฟร์ราน โซเรียโน่และซิกี้ เบกิริสไตน์ ผู้อำนวยการฟุตบอลของสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ซึ่งเคยร่วมงานกับกวาร์ดิโอล่าที่บาร์เซโลน่าทราบดีว่าเพื่อนของเขาคนนี้จะ "เซย์เยส" ในที่สุด

ซิตี้เป็นสโมสรที่เพียบพร้อมสำหรับการมาของอดีตผู้จัดการทีมบาร์เซโลน่า พวกเขารู้มาเสมอว่าเรื่องนี้จะต้องเกิดขึ้น การประกาศข่าวออกไปทำให้วันจันทร์กลายเป็นหลักเขตสำคัญสำหรับฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก

ในวงการกีฬานั้นเรื่องสำคัญคือช่วงจังหวะเวลาและฟุตบอลก็ไม่แตกต่างออกไป ลองให้โค้ชที่ดีที่สุดไปอยู่ในสโมสรที่ไม่เหมาะ หรือจับไปคุมทีมที่ใช่ในช่วงเวลาที่พลาดความเสี่ยงก็จะเพิ่มทวีคูณยิ่งขึ้น

สำหรับการแต่งตั้งกวาร์ดิโอล่าขึ้นมาในตอนนี้ ไม่ว่าจะด้วยโชคหรือการพิจารณาที่ถี่ถ้วน ซิตี้มีช่วงจังหวะเวลาที่เหมาะสม มันไม่ได้รู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขากำลังเดิมพันอะไรบางอย่างแม้แต่นิดเดียว

'เรือใบสีฟ้า' ในยุคปัจจุบันเป็นอิสระหลุดพ้นจากเงามืดของกฎแฟร์เพลย์ทางด้านการเงิน แถมยังแข็งแกร่งขึ้นด้วยการลงทุนสดๆร้อนๆจากประเทศจีนและในที่สุดพวกเขาก็สามารถสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นทีมที่จะต้องผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายในเวทีแชมเปี้ยนส์ลีกเป็นอย่างน้อยได้แล้วด้วย

ฝ่ายบริหารของสโมสรมีคนที่กวาร์ดิโอล่ารู้จักเป็นอย่างดีคอยดูแล, ขุมกำลังของทีมก็มีความพร้อมส่วนเรื่องทรัพยากรก็ยิ่งแข็งแกร่งเข้าไปอีก ด้านระบบเยาวชนถูกจัดตั้งในแนวทางที่จะสามารถแสดงผลงานให้เห็นเร็วๆนี้ หากกล่าวถึงแง่มุมด้านฟุตบอล ยามที่กวาร์ดิโอล่าเดินเข้าสู่สโมสรช่วงปลายเดือนมิถุนายนนั้นเปรียบเสมือนกับมีพรมแดงคอยรอต้อนรับเขาอยู่

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาเป็นผู้จัดการทีมคนปัจจุบันของแมนเชสเตอร์ ซิตี้เองที่ทลายแนวกั้นของเขื่อนลง เขาแปรเปลี่ยนข่าวลือที่เกิดขึ้นให้กลายเป็นความจริง

เป็นการตัดสินใจของเปเญกรินี่ในการจบท้ายเพรส คอนเฟเรนซ์ก่อนเกมการแข่งขันด้วยข่าวการเตรียมอำลาตำแหน่งของเขา ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ก็ยืนยันเรื่องบุคคลที่จะเข้ามาทำหน้าที่แทนเขา

เปเญกรินี่ถือเป็นตัวเลือกที่สองของสโมสรตอนที่ถูกจ้างมาทำงานในปี 2013 โอกาสคือว่าเขาทราบดีอยู่แล้ว ณ ตั้งแต่เวลานั้นจนมาถึงปัจจุบันนี้

นายใหญ่ชาวชิลีรับงานดูแลทีมเฝ้ารออดีตคู่แข่งของเขาเองในลา ลีกาและเราก็ต้องยกเครดิตให้กับอดีตผู้จัดการทีมเรอัล มาดริดที่สามารถส่งมอบถ้วยแชมป์ในระหว่างเส้นทางที่ผ่านมาด้วย

ภายใต้การนำของเปเญกรินี่ เช่นเดียวกับผู้จัดการทีมคนก่อนอย่างโรแบร์โต้ มันชินี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้คว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีกสองสมัย, ลีก คัพหนึ่งสมัยและเอฟเอ คัพอีกหนึ่งสมัยในช่วงเวลา 4 ปีครึ่ง ปัจจุบันในฤดูกาลนี้พวกเขายังมีลุ้นอยู่ทั้ง 4 ถ้วย

สิ่งดังกล่าวเป็นการแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของสโมสรที่ไม่สามารถคว้าแชมป์อะไรได้เลยตั้งแต่ปี 1976 จนถึง 2011 อย่างไรก็ตาม 'เรือใบสีฟ้า' ไม่ได้รุดก้าวไปข้างหน้าตามที่พวกเขาพอใจภายใต้การนำของโค้ชแต่ละคนที่ผ่านมา...มันชินี่คว้าแชมป์ลีกในปี 2012 แต่จากนั้นต้องเห็นทีมของเขาสะดุดลงจากระเบียบวินัยที่ย่ำแย่ เปเญกรินี่เองก็ได้ประจักษ์กับเรื่องดังกล่าวถึงแม้ว่าจะด้วยเหตุผลที่แตกต่างออกไป

ซิตี้ชุดปัจจุบันเดินละเมอหลับมาพักหนึ่งแล้ว พวกเขาอาจจะสามารถคว้าแชมป์ในพรีเมียร์ ลีกฤดูกาลที่ย่ำแย่ปีนี้แต่หากเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นอาจจะเป็นเพราะดูเหมือนว่าไม่มีทีมใดที่ต้องการสัมผัสถ้วยแชมป์กันสักเท่าไหร่

คะแนนรวม 44 คะแนน ณ เวลานี้ (หลังแข่งไป 23 เกม)เป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดจากหลายๆฤดูกาลที่ผ่านมาของพวกเขา

หน้าที่ของกวาร์ดิโอล่าในช่วงซัมเมอร์และฤดูกาลหน้านั้นชัดเจนมาก เขาต้องทำให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้กลับมามีชื่อเสียงเรื่องความสมบูรณ์แบบรอบด้านอีกครั้ง หากเขาทำได้ ทีมอื่นๆในพรีเมียร์ ลีกอาจจะต้องลงแข่งขันกันเพื่อแย่งชิงอันดับ 2 ขุมกำลังชุดนี้ไม่ได้ดีกับชุดที่กวาร์ดิโอล่าได้รับตอนเข้าคุมบาร์เซโลน่าเมื่อปี 2008 - บัลเดส, ปูโยล, อบิดาล, ชาบี, ตูเร่, อิเนียสต้า, เมสซี่, เอโต้ และก็ไม่ได้ดีเท่ากับทีมบาเยิร์นตอนที่เขารับหน้าที่ซึ่งมีนักเตะอย่างนอยเออร์, ลาห์ม, ริเบรี่, ร็อบเบน, มุลเลอร์และชไวน์สไตเกอร์

เปเร่ น้องชายของเป๊บได้เข้าชมเกมการแข่งขันของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ส่วนตัวว่าที่โค้ชคนใหม่เองก็เข้าไปนั่งในสแตนด์ที่คัมป์ นูตอนที่ลูกทีมของเปเญกรินี่ผิดพลาดมหันต์ยามแข่งขันกับทีมที่ดีที่สุดของยุโรป

ฝ่ายจัดหานักเตะของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ยังคงต้องทำหน้าที่กันให้ดีกว่านี้ กวาร์ดิโอล่าไม่จำเป็นต้องแจ้งให้โซเรียโน่และเบกิริสไตน์รับทราบ ในทางเดียวกันเป๊บเองก็ต้องแสดงฝีมือของเขาและจุดนี้แหละที่ทำให้เขาได้รับเงินค่าเหนื่อย 300,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์

โค้ชผู้ยิ่งใหญ่ทำให้นักเตะที่ดีกลายเป็นนักเตะที่ดีมากๆส่วนนักเตะที่ดีมากๆอยู่แล้วก็กลายเป็นพวกที่แทบจะไม่มีใครสามารถเอาชนะได้ - ยาย่า ตูเร่อาจไม่มีความสุขกับฤดูกาลสุดท้ายของเขาภายใต้การร่วมงานกับกวาร์ดิโอล่าก่อนย้ายออกจากบาร์เซโลน่ามาค้าแข้งให้แมนฯ ซิตี้ในปี 2010 แต่สองปีก่อนหน้านั้นเขายอดเยี่ยมไร้ที่ติ

ยาย่าเคยถูกตั้งคำถามว่าเขาสามารถปรับตัวลงไปเล่นในตำแหน่งกองหลังตัวกลางที่ไม่ถนัดในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีกรอบชิงชนะเลิศปี 2009 กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่กรุงโรมได้อย่างไร โดยแข้งชาวไอวอรี่ โคสต์ก็ได้ตอบว่า "มันก็ไม่ยากหรอกครับ เมื่อเป๊บบอกคุณว่าคุณสามารถทำอะไรบางอย่างได้ คุณก็เชื่อไปแล้วว่ามันต้องเป็นแบบนั้น นั่นแหละผมเลยทำได้"

นี่คือความอัจฉริยะของกวาร์ดิโอล่า เขาจะถูกคาดหวังให้พัฒนาและเปลี่ยนแปลงนักเตะ หากเป๊บสามารถทำแบบนั้น บทตอนครั้งที่สองของเขากับแมนฯ ซิตี้คงจะก้าวหน้าขึ้นมาก

ย้อนกลับไปในปี 2005 กวาร์ดิโอล่าที่กำลังมองหางานระดับท็อปเคยทดลองงานกับแมนฯ ซิตี้ - สจ๊วรต เพียรซซึ่งเป็นผู้จัดการทีมเรือใบสีฟ้าในเวลานั้นเลือกที่จะไม่ยื่นข้อเสนอระยะยาวให้กับกวาร์ดิโอล่าโดยสิ่งที่สะท้อนออกมาอาจแสดงให้เห็นว่าการตัดสินใจของเขา ณ เวลานั้นก็เหมาะสมดี

ผ่านมาหนึ่งทศวรรษกว่าๆ กวาร์ดิโอล่ากลับมาด้วยแนวทางของตัวเอง ดูเหมือนว่าเป็นอีกครั้งที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง...

แปลจากบทความของ Ian Ladyman - Daily Mail
Credit : soccersuck

Views: 862

Reply to This

Replies to This Discussion

ต้องแสดงฝีมือก่อนนะ

ที่หนึ่งประสบผลสำเร็จ ก็ไม่ใช่ว่าจะทำได้ทุกที่

ภาพรวมต่อทีมคือซิตี้ดีขึ้นแน่นอน รวมทั้งถือเป็นการสร้างภาพลักษณ์หรือ"แบรนด์สโมสรซิตี้"ให้ยกระดับขึ้นไปอีก รวมทั้งความสนอกสนใจจากสื่อทุกแขนง การดึงดูดนักเตะดังมาโดยง่ายขึ้นและอาจจะแพงไม่มากกว่าที่เป็นตอนนี้เพราะนักเตะจะมีใจมาเองมากกว่า ไปง้อ จุดนี้ได้เห็นนักเตะเก่าใหม่เข้าออกแน่นอน ที่สำคัญอคาเดมี่เรือคือบทิสูจน์ว่าเด็กจได้รับโอกาสกี่คน 

ในส่วนของความสำเร็จนี่ยิ่งไม่ต้องสงสัยจากฝือมือไปที่ไหนต้องมีแชมป์การันตี เหมือนที่ผ่านๆมา ที่เหลือก้อแค่รอดูกันครับว่า การเล่นของซิตี้ จะออกมาเป็นแบบ “ติกิ-ตากา” ภายในระยะเวลากี่ปีและจะมีประสิทธิภาพสักแค่ไหน ในพรีเมียร์ลีกยังต้องพิสูจน์ แต่ในยุโรปน่าจะเป็นผลดีแน่นอนครับ ลุ้นครับผม

+1

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ...แบรนด์'ซิตี้จะยิ่งเพิ่มความนิยมก้าวกระโดด ใครๆก็อยากติดตามชม กวาดผู้ชมรุ่นใหม่ไปล้นหลามแน่นอน เผลอๆแฟนๆอดีตทีมบิ๊กเดิมและทั้งไม่บิ๊กยังแอบเกาะติดหนึบตามชม(ตามแช่ง)ด้วย

...บางคนใจไม่แข็งพออาจมีย้ายค่ายมาเชียร์'ซิตี้เลยสักหน่อย ก็อาจเป็นได้นะครับ ^_^

...เดาไม่ถูกว่าทรงบอลแมนซิตี้จะออกมาอย่างไรเมื่อเป๊ปเข้ามาคุม...

..แฟนอาจจะหวังที่จะเห็นการต่อบอลสุดคลาสสิคที่เรียกกันว่า"ติกิตาก้า"ที่เคยทำให้บาร์ซ่าโด่งดัง..

..แต่ตงไม่ได้เห็นเพราะเป๊ปเคยให้สัมภาษณ์ว่าไม่ปลื้ม เพราะมันต่อบอลกันวกวนเกินไป..

..สรุปแฟนเรือก็คงได้เห็นบาเยอร์นอีกมิติหนึ่งในเอทิฮัทแน่นอน ! 

มีลุ้นต่อคือ นกเตะเข้าแบบดังๆ ลุ้ร้องไห้นักเตะทีรักออก รักมากรักน้อย ลุ้นแชมป์อันนี้มีทุกปีว่าปะ 5555++++

คึกคักจริงๆว่ะ 555

โรมรันกันให้มันส์

มีลุ้นทุกแชมป์แบบเป็นทีมเต็งแน่ชัวร์ๆครับ

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.