Members

คอลัมน์น่าสนใจ::ทุกอย่างจบเมื่อเป๊ปมา

คอลัมน์น่าสนใจ::ทุกอย่างจบเมื่อเป๊ปมา



     ''นับจากวันที่ 1 กรกฎาคมเป็นต้นไป ทุกอย่างคงไม่เหมือนเดิม นี่คือจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายของเมกกะโปรเจกต์สู่ความเป็นหมายเลขหนึ่ง'' 

 

        "ถามว่า เป๊ปจะทำให้ ซิตี้ ขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งเหมือนอย่าง บาร์ซ่า ได้มั้ย ก็คงต้องบอกว่าไม่ง่ายเพราะสิ่งที่ เป๊ป มีที่ บาร์ซ่า คือทรัพยากรนักเตะที่หาไม่ได้อีกแล้วอย่าง เมสซี่,ชาบี,อิเนียสต้า ในวัยกำลังพีก ตัวอย่างเช่นการคุมบาเยิร์น มิวนิค นั้น แม้จะยึดแนวทางเดียวกับสมัยที่คุมบาร์ซ่า แต่ เป๊ป ก็ไม่อาจประกาศศักดาในแชมเปี้ยนส์ ลีกได้  ทั้งๆ ที่ เสือใต้องค์ประกอบทีมดีกว่า ซิตี้ เสียอีก  แต่ถ้าจะมองในระยะเริ่มต้น การขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งของอังกฤษ มีความเป็นไปได้สูงมาก นอกจากต้องไม่ลืมว่าที่ ซิตี้ มี ซิกิ เบกิริสไตน์ นั่งแท่นผอ.กีฬาอยู่ สองคนนี้ร่วมงานกันมาก่อนที่ บาร์ซ่า รู้ทางกันเป็นอย่างดี ทำให้ เป๊ป จะไม่ต้องเริ่มคลำทางจากศูนย์ งานน่าจะเดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว แต่มันคงเร็วไป หากจะนึกฝันถึงตำแหน่งหมายเลขหนึ่งของโลก" เจมส์ ลาลีกา นักข่าวผู้บำเรอชีวิตที่สเปนมาแล้ว 7 ปี


        "ตื่นเต้นมากเลย ถือว่าเป็นข่าวดีสุดๆ นับจากที่พวกเราได้แชมป์ลีกครั้งแรกรอบสี่สิบกว่าปีก็ได้ อย่างไรก็ตามผมก็คงต้องรอดูว่าการมาของเป๊ปจะเปลี่ยนแปลงซิตี้อย่างไรบ้าง เท่าที่ได้ยินมาทางสโมสรได้วางแผนงานระยะยาวเพื่อรอเขาคนเดียว ผมมั่นใจว่าแมนฯ ซิตี้จะผงาดเป็นเบอร์หนึ่งของอังกฤษได้นานเหมือนที่ยูไนเต็ดเคยเป็นแม้ว่าพรีเมียร์ลีกจะยากกว่าลา ลีกาหรือบุนเดสลีกาก็ตาม"แฟนตัวยงเรือใบ


        วันนี้ถ้าไม่ละเลียดงานข่าวใหญ่ชิ้นนี้คงไม่ได้


        ผมเริ่มต้นหน้ากระดาษด้วยการสอบถามความรู้สึกจากคนสองคน คนหนึ่งหลายๆ ท่านคงรู้จักดีก็เอล มาทาดอร์ที่เพิ่งสละโสดไปปีก่อนหรือที่เพื่อนฝูงเรียกว่า"ไอ้เจมส์" ส่วนอีกคนนั้นผมรู้จักมาประมาณสามปีแล้ว เป็นฝรั่งที่นิสัยน่ารักมากโดยเป็นกองเชียร์ซิตี้เข้าเส้นทีเดียว


        การมาของเป๊ป กวาร์ดิโอล่าสู่อ้อมอกสโมสรสีฟ้าของแมนเชสเตอร์อาจไม่เซอร์ไพรส์มากนักเนื่องจากก็มีการระแคะระคายมาตลอดเพียงแต่มันเป็นการยืนยันว่าเมกกะโปรเจกต์ของกลุ่มอาบูดาบีนั้นไม่ใช่การขายฝัน ไม่ใช่ว่าได้แค่คุยแล้วไม่ทำ


        ครับ นี่คือการเติมจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายซึ่งเป็นชิ้นที่สำคัญที่สุด


        นับจากวันสุดท้ายของตลาดปี 2008 ที่ทุกคนต้องเหลียวขวับมามองเมื่อโรบินโญ่ย้ายมาสู่อิติฮัด สเตเดี้ยมจากเรอัล มาดริดด้วยค่าตัว 30 ล้านปอนด์


        จากนั้นเพียงแค่เจ็ดปีกว่าๆ เท่านั้น ใครจะเชื่อว่าวันนี้ทีมที่เคยกินน้ำใต้ศอกพวกสีแดงมาตลอดหลายทศวรรษกำลังจะครองลีกและอยู่ในเส้นทางที่มีความเป็นไปได้ต่อการสถาปนาเป็นหมายเลขหนึ่งของโลก


        ก็จากทีมที่ไม่มีอะไร ปีเดียวกับที่ปีศาจแดงเฉลิมฉลองทริปเบิลแชมป์อย่างชื่นมื่น ก็เป็นปีเดียวกับที่พวกเขาเอาชนะจุดโทษจิลลิงแฮมในการเตะเพลย์ออฟระดับลีกวันอยู่เลย จากทีมที่ความสะดวกสบายของการเดินทางสู่สนามมีเพียงรถเมล์มาถึงยุคนี้ก็มีรถรางเชื่อมต่อเรียบร้อย จากทีมที่หากใครลืมตาเกิดละแวกแมนเชสเตอร์ก็คงจะไม่มีใครโตมาอยากถวายวิญญาณให้เพราะมันแห้งแล้งความสำเร็จ


        ใช่ ทีมเดียวกันนี้วันนี้มีครบทุกอย่างเท่าที่สโมสรลูกหนังหนึ่งสามารถฝันถึง


        มีสังเวียนสวยสง่าขนาดความจุกำลังพอเหมาะ ติดๆ กันก็มีอะคาเดมี่ที่ลงทุนไป 200 ล้านปอนด์วางแนบชิด มีสะพานเชื่อมถึงกัน เรียกว่าเมื่อหยุดตรงกลางหันไปรอบๆก็ต้องมีอารมณ์ของความอิจฉาพร้อมกับหลุดอุทานออกมาว่า"ว้าววววววว"


        เหนืออื่นใดพวกเขาก็ยังมีเจ้าของกับทีมบริหารที่ไม่ลงมายุ่งวุ่นวายแต่พูดจริงทำจริงโดยเฉพาะประโยคที่เคยลั่นวาจาเอาไว้ตอนเทกโอเวอร์ใหม่ๆ


        "พวกเราต้องการจะทำให้แมนเชสเตอร์ไม่ได้มีแต่สีแดง พวกเราจะสร้างให้ซิตี้เป็นหมายเลขหนึ่งของโลก"


        ตอนนั้นเองเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันจึงออกมาเหน็บแนมใช้ศัพท์ว่า"noisy neighbours" (เพื่อนบ้านส่งเสียงน่ารำคาญ) พร้อมกับเสียงหัวเราะของเร้ด อาร์มี่และแฟนทีมอื่นๆ


        แล้วการมาของเป๊ปจะทำให้ลีกผูกขาดง่ายๆ อย่างนั้นหรือเปล่า??


        คำตอบ : คงไม่เพราะนี่คือพรีเมียร์ลีก


        เพียงแต่เมื่อซิตี้ว่าจ้างดึงเอา ซิกิ เบกิริสไตน์ กับ เฟอร์ราน โซเรียโน่ มาก่อนนั่นบ่งชี้ว่าพวกเขามีโปรเจกต์ระยะยาว พวกเขาไม่ใช่แค่ซื้อนักเตะดีๆ แพงๆ มาแล้วหวังเพียงฉาบฉวยปีต่อปี ไม่พอใจก็ไล่ นี่เองจึงคือเหตุผลว่าทำไมยอดโค้ชสายเลือดกาตาลันถึงบอกปัดโรมัน อบราโมวิช ซึ่งเพียรพยายามตามจีบมาตลอด


        ส่วนต่อคำพูดที่ว่าใครๆ ก็ทำอย่างเป๊ปได้ที่บาร์ซ่าหรือบาเยิร์น มันอาจจะจริงว่าเขาโชคดีที่ได้ทำทีมที่อุดมด้วยซูเปอร์สตาร์กับลีกที่โชเซ่ มูรินโญ่เคยแดกดันว่า "ให้คนซักเสื้อก็เป็นแชมป์ได้" ถึงกระนั้นพิจารณาจากแนวคิด ปรัชญา ไอเดียของเขาก็ต้องค้อมหัวให้ต่อความไม่ปกติต่างจากมนุษย์ทั่วไป


        เรื่องนี้เธียร์รี่ อองรีซึ่งเคยทำงานด้วยกล่าวไว้"เป๊ปเป็นคนที่ต้องการทุกอย่างสมบูรณ์แบบ เขาชอบให้บอลเคลื่อนไหวไปทุกทิศทาง ครั้งหนึ่งผมเคยโดนเปลี่ยนตัวออกตอนพักครึ่งทั้งที่ยิงประตูได้ หลังจบเกมผมถามเขาว่าทำไม เขาตอบว่าเพราะผมไม่ทำตามคำสั่งของเขา ผมเลือกที่จะพาบอลไปเองทั้งที่มีเพื่อนรออยู่!!"


        ในหนังสือ"Pep Confidential"ของเจ้าตัวก็เล่าถึงตัวตนของโค้ชคนต่อไปของแมนฯซิตี้เอาไว้ว่า"เขาคิดถึงแต่ฟุตบอลตลอดเวลา หากอยู่ด้วยกันแล้วไม่พูดถึงฟุตบอลเลยจะไม่ใช่เขา บางทีเขาเหม่อลอยเพราะกำลังคิดถึงวิธีการหยุดแบ็กซ้ายฝั่งตรงข้ามอย่างไร"


        ต่อมาเขาก็ยังเป็นคนที่รู้จักว่าควรรับมือกับการเป็นผู้แพ้เช่นไร ตำราตรงหัวเตียงของเขาไม่ได้มีแต่กลยุทธ์ของการเป็นผู้ชนะหากมีเล่มที่เขาโปรดปรานสุดมีชื่อว่า"Knowing how to lose"


        บางทีการที่ซีซั่นนี้พรีเมียร์ลีกเปิดกว้างก็ด้วยความที่ทีมต่างๆ มีมาตรฐานที่ตกลง


        หากนับจากวันที่ 1 กรกฎาคมเป็นต้นไป ทุกอย่างคงไม่เหมือนเดิม นี่คือจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายของเมกกะโปรเจกต์สู่ความเป็นหมายเลขหนึ่ง ต่อให้เป๊ปต้องมาใช้ชีวิตบนเกาะที่ต่างจากสเปนกับเยอรมันสิ้นเชิง ไปสนามไหนก็มีแต่สายฝนกับลมพายุ ไปเมืองไหนก็เจอแต่ความบ้าคลั่งของฟุตบอล เขาก็ยังต้องเจอโปรแกรมแข่งชุกที่เจอร์เก้น คล็อปป์สารภาพเองว่าชีวิตนี้ไม่เคยเจอมาก่อนจนต้องเชื่อว่าพวกอิงลิชนี่วันๆ คงไม่ทำอย่างอื่นนอกจากหายใจเข้าออกเป็นลูกบอล


        สถิติที่ว่าตลอดเส้นทางผู้จัดการทีม เขามีสถิติชนะถึง 73.5% นั้นจงลืมไปได้เลย


        เอาแค่ต้องไปเยือนบริทานเนีย สเตเดี้ยมของสโต๊คก็ยากกว่าตอนเขาคุมบาร์ซ่าแล้วเจอบาเลนเซียแล้ว ก็อีกนั่นแหละมันจะมีเหตุผลอื่นๆ อีกมั้ยที่จะชวนให้คิดว่ายัง ยัง ยังหรอกกกก


        หากเฟอร์กี้ยังปกครองอาณาจักรสีแดงก็อีกเรื่อง


        หากมูรินโญ่ยังอาละวาดอยู่ (ถึงฤดูกาลหน้าอาจกลับมา) ก็อีกคำถาม


        แน่นอนอบราโมวิชคงไม่ยอมอยู่แล้วหากระยะยาวอย่างไรแมนฯซิตี้ก็ดูมีอนาคตไกลกว่าเชลซี เอาแค่ตัวสนามก็ต่างกัน ยังไม่ต้องเตลิดมองลึกต่อว่าปัจจุบันเยาวชนเรือใบต่างเป็นเต้ยในรุ่นต่างๆ ไม่รู้เท่าไรอีก


        อะไรอีกบ้างที่เราจะได้เห็นจากชายอายุ 45 ที่กวาดเกียรติยศไปแล้ว 19 รายการ?


        มีเรื่องเล่าว่าสมัยยังอยู่บาร์ซ่าต้องให้แถลงข่าวก่อนศึกเอล กลาซิโก้ เขาเลือกใช้ภาษากาตาลันแทนที่จะพูดภาษาสเปนกลางทั่วไป ตอนนั้นเขาบอกเอาไว้ว่า"ในเมื่อพวกมัน(มาดริด)ยังแบ่งแยกเผ่าพันธุ์เลย ผมก็เลยขอใช้ภาษาบ้านเกิดของผม"


        นั่นเท่ากับบ่งชี้ว่าภาพลักษณ์ภายนอกอาจดูเป็นคนไนซ์แต่พอแกะเปลือกออกมาก็จะพบความแข็งกร้าวซุกซ่อนไว้


        ครับ มันอาจฟังดูโอเวอร์เกินที่จะคิดต่อว่าลิโอเนล เมสซี่อาจหอบผ้าตามเจ้านายเก่ามายังแมนเชสเตอร์


        หากเรื่องที่ใกล้ความจริงที่สุดตอนนี้ก็ต้องยอมรับว่านับจากซีซั่นหน้าขั้วอำนาจคงเปลี่ยนไป สิ่งนี้เริ่มมีรูปร่างให้จับต้องได้บ้างแล้ว สีฟ้าจะกลายเป็นสีที่หันไปทางไหนก็ต้องเจอ


        มีเป๊ปก็ต้องมีสไตล์เฉพาะ


        มีเป๊ปก็ต้องมีความสำเร็จ


        มีเป๊ปก็ต้องโทรฟี่


        ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อทีมที่ประมาณเจ็ดปีที่แล้วยังเคยแพ้เละทะต่อมิดเดิ้ลสโบรช์ถึง 8-1 อยู่เลย ทีมที่ทศวรรษก่อนยังวนเวียนขึ้นๆ ลงๆ อยู่ด้วยซ้ำ


        มันอาจด่วนสรุปไปหน่อยก็เถอะ


        หากจากหลายๆ ปัจจัยนำมารวมกัน ต้องบอกว่าทุกอย่างกำลังตกใต้อาณัติของซิตี้


        ไม่ใช่แค่แมนเชสเตอร์จะกลายเป็นสีฟ้าแต่ทั้งประเทศอังกฤษก็จะถูกละเลงด้วยสีฟ้าด้วย...

                                                

********************************************

Cr.siamsport. ติดตามข่าวสารได้ที่เวปหลักของประเทศไทย www.mcfc.in.th

Views: 881

Reply to This

Replies to This Discussion

Wow very nice.

..การเปลี่ยนผ่านครั้งยิ่งใหญ่ของแมนซิตี้ในทศวรรตนี้สู่การเป็นหนึ่งของโลกในทุกด้าน..

เขียนได้ดีครับอ่านเพลินเลย

ต้องยกย่องทีมบริหาร กับเจ้าของทีม ที่ทำไห้เเฟนๆ มีความสุขแบบนี้

รอดู งานที่หินในมือกุนซือระดับโลก

จงลืมผีแดงซะ เราคืออนาคตของเมืองแมนเชสเตอร์

เขียนดี
ย้อนนึกไปแล้วมันคล้ายเหมือนกับเป็นความฝัน!!

ในแง่มุมเพียงเสี้ยวส่วนหนึ่ง...เกือบสิบปีที่แล้วในบ้านเรา ถ้าไม่ได้ติดทรูที่บ้านนี่หาดู'ซิตี้ยากมากกก ต้องตระเวณไปตามร้านอาหารที่มีฉายบอลให้ดูและ'ซิตี้ต้องแข่งกับพวกบิ๊กโฟร์ ถึงจะมีสิทธิ์ได้พ่วงดูพ่วงเชียร์ แถมเชียร์แบบลุ้นให้'ซิตี้โดนถล่มน้อยๆหน่อย...

และเมื่อสี่ห้าปีที่แล้วนี่เอง ออกต่างจังหวัดที่ไกลปืนเที่ยง เน็ตwifiยังไม่แพร่หลายทุกซอกมุมขุมขนเหมือนเดี๋ยวนี้ ก็ยังต้องขับรถตระเวณทั้งเมืองไปตามร้านอาหารที่เขามีติดป้ายว่ามีฉายบอล ต้องเป็นร้านเล็กๆถึงเล็กที่สุด ที่คนน้อยหรือแทบไม่มีคนหรือไม่มีคนที่สนใจดูบอล มาเพื่อกินข้าวอย่างเดียว เพราะถ้าคนเยอะหรือร้านใหญ่จะเปิดแต่บิ๊กโฟร์ ต้องไปถามเขาอ้อนวอนขอเขาว่าเปลี่ยนช่องเปิดคู่"แมน'ซิตี้"ให้หน่อยได้หรือเปล่า ยังแทบไม่มีร้านไหนจะยอมเปิดให้ เจ้าของร้านส่วนใหญ่ก็เชียร์บิ๊กโฟร์ไม่ยอมเปิดให้ ขนาดเราจะเข้าไปอุดหนุนเป็นลูกค้าสั่งอาหารกินเพื่อดูบอล...เรียกว่าไม่สนไม่ง้อลูกค้ากันเลยทีเดียว โดนประจำจนชิน

ถึงตอนนี้สถานะของทีม'ซิตี้ ก้าวมาไกลจากตอนนู้นอย่างลิบลับ...อีกไม่นาน...ร้านรวงต่างๆทั้งเก่าทั้งใหม่ ทั้งในไทยและทั่วโลก ก็คงเฝ้ารอที่จะเปิดคู่'ซิตี้เพื่อให้ผู้คนได้ติดตามชมอย่างใจจดใจจ่อ

...คือผลจากน้ำพักน้ำแรงและฝีมือชั้นยอด ของท่านเจ้าของสโมสร เหล่าผู้บริหาร และทีมงานใหญ่น้อยที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกๆคน...ขอแสดงความชื่นชมและคาราวะครับ ^_^

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.