ก็เลยบังเกิดข้อสงสัยในแท็กติก-วิธีการเล่นที่แตกต่างกัน
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า หมดสิทธิ์ใช้งาน เซร์คิโอ อกวยโร่ หอกตัวเก่งผู้โชคร้ายประสบอุบัติเหตุรถชนจนบาดเจ็บ เหลือเพียง กาเบรียล เชซุส เป็นกองหน้าอาชีพคนเดียว
กระนั้นระบบและทรงบอลทีมเรือใบสีฟ้าหาใช่เปลี่ยนแปลงไม่ ยังคงเน้นต่อบอลเท้าสู่เท้า เพรสซิ่งหนักตั้งแต่แดนหลังเช่นเดิม
ผิดกับฝั่ง อันโตนิโอ คอนเต้ เหมือนคิดมากไป ระวังตัวแจเกินเหตุ ปรับเปลี่ยนทีมจนกลายเป็นฝืนธรรมชาติตัวเอง
อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ลงเซนเตอร์แบ็กตัวจริงพร้อมดันเอา เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ขึ้นสูงวิงแบ็กขวา
ตรงนี้อาจมองว่า อัซปิลิกวยต้า เล่นเกมรับได้ดีกว่า วิคเตอร์ โมเสส และเดิมทีก็แจ้งเกิดในฐานะฟูลแบ็กด้วย ทว่าบทบาทเซนเตอร์แบ็กด้านขวาต่างหากที่เขาทำได้ดีที่สุดในระยะหลังๆ
เชส ฟาเบรกาส ไม่ได้ยืนตำแหน่งกลางรุกอย่างที่คาดเอาไว้ หากแต่เป็น 1 ในสามประสานมิดฟิลด์ร่วมกับ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ และ ตีเยมูเอ้ บากาโยโก้
ตัวรุกจริงๆ เหลือเพียง เอแด็น อาซาร์ ยืนตัวฟรีสนับสนุน อัลบาโร่ โมราต้า หน้าเป้าคอยค้ำเก็บบอลแล้วยิงเองหรือส่งต่อให้เพื่อนแถวสองก็ได้
เกมผ่านครึ่งชั่วโมงสักพักแผนพังครืนไม่เป็นท่าเมื่อ โมราต้า เจ็บกล้ามเนื้อกระตุกบีบให้นายใหญ่ชาวอิตาเลียนต้องเปลี่ยนตัวกลางคัน
คอนเต้ จิ้ม วิลเลี่ยน ลุกจากม้านั่งสำรองลงสนามแทนพร้อมขยับ อาซาร์ เล่นเหมือนตัวฟอลส์ไนน์ ทั้งที่ยังมี มิชี่ บาชูอายี่ หอกตัวตายตัวแทนมืออาชีพอยู่ทั้งคน
ในแง่แคแร็กเตอร์อาจมองได้ว่า บาชูอายี่ เป็นดาวยิงสายชาร์จ ครองบอลไว้กับตัวได้ไม่ดี จึงเป็นเหตุให้ถูกหมางเมินก็พอมีเหตุมีผล
ต่อเมื่อแผนแก้เกมที่โค้ชเลือกเอาไว้ไม่ช่วยอะไร รูปเกมสู้ไม่ได้ (หรือไม่ได้สู้?) บอลยาวหรือเซตพีซไปไม่ถึงเพราะไร้ตัวเป้าเก็บบอล ก็ต้องรับคำวิพากษ์วิจารณ์การตัดสินใจไปเต็มๆ
กว่า คอนเต้ จะรู้ตัวเตรียมขยับเปลี่ยน บาชูอายี่ ลงสนามก็ไม่ทันการณ์ โดนส่องตาข่ายจาก เควิน เดอ บรอยน์ ซัดเต็มข้อแบบที่ ติโบต์ กูร์กตัวส์ จนปัญญาป้องกันจริงๆ!
จากช็อตนั้นทั้ง บาชูอายี่ กับ เปโดร ถูกส่งลงแทน อาซาร์ และ บากาโยโก้ ตามลำดับ ทว่าทุกอย่างมันสายเกินไปแล้ว...
ผลลัพธ์สกอร์ 1-0 ส่งให้แมนฯ ซิตี้ทวงจ่าฝูงกลับจากเพื่อนบ้านอย่างแมนฯ ยูไนเต็ดทันควันด้วยผลต่างเหนือกว่า 1 ลูก ส่วนเชลซีต้องปราชัยนัดที่ 2 ของซีซั่น (และ "คาบ้าน" ล้วนๆ อีกต่างหาก)
เทียบสถานการณ์ช่วงเวลาเดียวกันฤดูกาลก่อนอาจไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ ทีมของ คอนเต้ เริ่มต้นกระท่อนกระแท่นเหมือนกัน
หลังเปิดฉากขวบปีแรกย่ำแย่แพ้ทั้งลิเวอร์พูล และ อาร์เซน่อล แบบหมดสภาพ คอนเต้ ได้ผ่าทางตันติดตั้งฟอร์เมชั่นหลังสามกวาดชัยต่อเนื่อง 13 นัดรวดจนเป็นกุญแจนำพาโทรฟี่พรีเมียร์ลีกมาประดับตู้โชว์สำเร็จ
ณ ตอนนี้ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงหลังแพ้ 2 จาก 7 แมตช์แรกตาม 2 จ่าฝูงจากแมนเชสเตอร์ไกล 5 แต้มแล้ว
กระนั้นมันต่างกันตรง "สถานภาพ" จากวันนั้นสู่วันนี้ พวกเขาเปลี่ยนจากผู้ไล่ล่ามาครองบัลลังก์ที่คู่แข่งทุกรายหวังโค่นลงจากคอน
สังเกตได้อีกว่าลูกทีมของ คอนเต้ เริ่มจะเล่นไม่ค่อยดีเวลาเจอทีมใหญ่พิกัดเดียวกัน หลังแพ้แมนฯ ซิตี้, แค่เสมออาร์เซน่อลในบ้าน และบุกชนะสเปอร์สทั้งที่รูปเกมไม่ได้เหนือกว่าเลย
สงสัยคู่แข่งเริ่มจับไต๋เดาทางการเล่นพวกเขาได้ไม่มากก็น้อย จึงอาจถึงคราวที่ คอนเต้ ต้องขบคิดนำเสนอกลยุทธ์การเล่นใหม่ๆ อีกครา
แผนไหนไม่รู้แหละ...แน่ๆ คือไม่ใช่อย่างที่เล่นกันเมื่อคืนวันเสาร์!
"มอนตี้"
Cr.siamsport ติดตามข่าวสารได้ที่เวปหลักของประเทศไทย www.mcfc.in.th
Tags:
ถึงเวลาต้องเขียนข่าวแบบเป็นกลาง หรือไม่ก็หาสาวกเรือสิงห์ปืนเป็ดไก่ มาเขียนคอลัมน์ แล้วถึงเวลาแข่งกันก็เอา นักเขียน2 คนนี้มาคุยก่อนเกมส์ครับมันจึงจะสร้างสรรคฺ์...ความชอบทีมใดทีมนึงก็เป็นความคิดส่วนตัว แต่การเสนอข่าวต้องเป็นกลาง อย่างพวกเรา ผีเล่นดีก็บอกว่าดี ส่วนจะใช้รถบัส 2 คันหรือ 3 คันก็เป็นสิทธิเขา เราๆท่านๆก็เห็นมาตลอด เพราะ การเล่นเกมส์แบบตีหัวเข้าบ้านก็ต้องเล่นแบบนี้ ยิงได้ 1-0 และไม่มีโอกาสจะยิงได้อีกก็ต้องถึงเวลาเสริมรถบัส มันเป็นเรื่องปกติคร๊าบบบบบบ
ใครที่มีความรู้ด้านการแปลภาษา
รบกวนหาข่าว ตปท ที่เกี่ยวกับเรือ
มาแปลลงให้อ่านบ้างนะครับ
อ่านข่าวกีฬาไทยหรือคอลัมน์แบบไทย ๆ
ก็อย่างที่เห็น ๆ
บอลคู่นี้อยู่ที่จังหวะการจบสกอร์..กองหน้าคมพอๆกัน..ที่ต่างคือ 25 นาทีสุดท้ายแมนซิตี้ดีกว่าแบบด้านเดียวเลย แล้วก็มาถึง 1-0..แพ้ซิตี้ไป
© 2024 Created by thaiMCFC. Powered by