จบเกมบิ๊กแมตช์ระดับ 5 ดาว ณ.เมืองแมนเชสเตอร์ ความรู้สึกที่ครบเครื่องถูกบรรจุในการแข่งขันที่มีเวลาราวๆ 90 กว่านาที และจบด้วยความพ่ายแพ้ไปของทีมผู้ท้าชิงแห่งแมนเชสเตอร์ "เรือใบสีฟ้า"
หากจะพูดถึงรูปเกมการจะบอกว่าแมนเชสเตอร์ซิตี้นั้นสมควรแพ้ก็อาจมองได้ในเมื่อคุณเป็นทีมที่เล่นได้เป็นรองคูแข่ง แต่กระนั้นก็มีจังหวะการตอบโต้ที่ทำให้รอดพ้นสถานการณ์แสนย่ำแย่ได้ถึง 3 ครั้ง 3 ครา แต่แล้วความปราชัยก็ถูกยัดเยียดให้ในนาทีที่ 95 จะ 96 ทั้งๆที่ตามเวลาที่ป้ายจากผู้ตัดสินที่ 4 โชว์มานั้นคือการทดเวลาเพียงแค่ 4 นาที การปราชัยในรูปแบบเช่นนี้ย่อมสร้างความเจ็บช้ำให้ผู้แพ้และแฟนบอล รวมไปถึงสร้างความโล่งอกและสุขสำราญให้แก่ผู้ชนะ บรรยากาศที่แตกต่างกันเกิดขึ้นเพียงเพราะช่วงเวลาที่เพิ่มเติมมาราวๆ 2 นาทีนั่นเอง
ผู้ตัดสินผู้ทำหน้าที่ในวันนี้
"มาร์ติน แอตกินสัน" คงต้องเจอประเด็นยาวไปอีกสักช่วง จากการตัดสินที่ค่อนข้างจะแปลกประหลาดไปสักนิดในสายตาแฟนบอลทีมอื่นๆนอกเหนือแฟนบอลเรดเดวิว
แน่นอน
ตามกฏกติกา หากมีการกำหนดช่วงเวลาในการทดเวลาบาดเจ็บออกมาแล้วนั้น จะไม่สามารถเพิ่มเติมต่อได้เอง ไม่ว่าจะเกิดการบาดเจ็บ การยิงประตูแล้วดีใจถ่วงเวลา หรือการเปลี่ยนตัวเพื่อถ่วงเวลาจริงๆ ผู้ตัดสินไม่มีหน้าที่ในการเพิ่มช่วงระยะเวลาดังกล่าวหากมันล่วงเลยเข้าสู่นาทีที่ 91 เป็นต้นไป.....ในทางกลับกัน
"มาร์ติน แอตกินสัน" กลับเลือกที่จะกระทำการองค์อาจที่นำมาซึ่งความแปลกประหลาดและคงต้องโดนตรวจสอบอย่างหนักด้วยการตัดสินใจยืดเวลาไปอีกราวๆ 30 วินาทีเพราะมีการเปลี่ยนตัวเอา
"ไมเคิล คาริก" ลงสนามในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ
และเมื่อเอาเข้าจริงๆเขากลับทดเพิ่มถึง 1 นาที 30 วินาที เรียกว่างานนี้ไม่พ้นขี้ปากชาวบ้านและแน่นอนว่าแมนเชสเตอร์ซิตี้คงอยากทราบข้อเท็จจริง ซึ่งหากผิดพลาดก็สมควรจะมีการทำรายงานขอโทษกับทีมแมนเชสเตอร์ซิตี้อย่างเป็นทางการ รวมถึงสมควรมีการสอบสวนในเชิงลึกและกำหนดตัวบทในการลงโทษให้ชัดเจนและเที่ยงตรง โดยที่ให้ความเป็นธรรมกับทั้งแมนเชสเตอร์ซิตี้และตัวของ "มาร์ติน แอตกินสัน" เองด้วย
จบจากกรรมการก็มาดูเกมการแข่งขัน มีหลายคนแน่นอนที่ค้านสายตาเรื่องการพ่ายแพ้แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในเกมนี้ ซึ่งผมเองก็ยังต้องยอมรับว่า
แมนเชสเตอร์ซิตี้ไม่สมควรพ่ายแพ้ในรูปแบบนี้ ผมไม่ได้กล่าวหาว่ามีการโกงหรือได้รับการช่วยเหลือพิเศษ เพราะ
มันก็เป็นจริงที่แน่นอนว่ารูปเกมของแมนเชสเตอร์ซิตี้เป็นรอง และพ่ายแพ้ต่อความมุมานะและตั้งใจจริงที่มีมากกว่าของทีมยูไนเต็ด
ในเกมแห่งศักดิ์ศรี แม้ว่าจะเป็นการพ่ายแพ้ของทีมที่ผมเชียร์แต่หากลองดูความต้องการของทีมทั้งคู่ ระหว่าง
ทีมหนึ่งต้องการชัยชนะเท่านั้นเพื่อแสดงว่าตนอยู่เหนือกว่า กับอีกทีมที่ต้องการเสมอเพราะได้แต้มก็เพียงพอ คุณคิดว่าเทพีแห่งชัยชนะอยากจะอยู่เคียงข้างทีมใด ? ซิตี้ไม่ได้พ่ายแพ้ยูไนเต็ด........แต่แพ้จิตใจตัวเอง เกมนี้หากหลังจากตีเสมอได้ราวปฏิหาร แล้วพวกเขาปรับเปลี่ยนเป็นการเล่นประกบเร็วและสูงเพื่อให้ยูไนเต็ดออกบอลยากล่ะ ? แต่นี่การถอยไปรับในแดนตัวเองเป็นการกระทำที่ปิดประตูเพื่อรอเสมอใช่หรือไม่ ? แน่นอนว่าการตั้งรับไม่ผิดและบางครั้งมันก็ได้ผลและนำมาซึ่งชัยชนะเสียด้วย แต่กลับกันหากมองว่าซิตี้คุมเกมหรือดึงบอลกับหาตัวเองได้ล่ะ........ยูไนเต็ดจะมีประตูที่ 4 เกิดขึ้นหรือ
ช่วงเวลาที่เพิ่มเกินเลยขึ้นมาไม่ว่าจะผิดพลาดหรือไม่ แต่มันคือช่วงเวลาของทุกคนในสนาม ที่มีหน้าที่เดินตามกาลเวลา 2 นาทีที่เพิ่มเติมมาอย่างเต็มที่ แต่ซิตี้กลับหยุดเวลาของตัวเองไว้แค่นาทีที่ 94 ในขณะที่ยูไนเต็ดยังก้าวเดินต่อไปจนถึงนาทีที่ 96 นั่นคือคุณสมบัติของผู้ที่ไม่ยอมแพ้แม้จะเหลือเวลาแค่ 1 วินาทีก็ตาม !? มันเป็นคุณสมบัติของงทีมที่จะมีโอกาสลุ้นแชมป์ ผมในฐานะของแฟนเรือใบคนหนึ่งอยากจะบอกแบบเป็นกลางว่ายูไนเต็ดไม่ได้ผิดที่แม้เวลาจะเลยจากนาทีที่ 94 แล้วเขายังเล่นเต็มที่ แต่ซิตี้พลาด(ด้านจิตใจ)ที่ไปชะล่าใจว่ากรรมการจะเป่าจบเกมแบบปกติ และสุดท้ายกรรมการสมควรโดนตรวจสอบเพื่อไม่สมควรเป็นเยี่ยงอย่างไม่ว่าจะกรณีใดๆ (หากเป็นไปได้ต้องมีมาตราการลงโทษที่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด)
มาถึงนัดนี้คงไม่มีใครกล้าปรามาส และประมาททีมเรือใบสีฟ้าว่าไม่ใช่ของจริงอีกต่อไป การชนะ 3 เกมในทีมเล็ก การชนะอาเซน่อลหนึ่งในมหาอำนาจของอังกฤษด้วยการทำประตู 4 ลูก และการพ่ายแพ้ยูไนเต็ดแบบเฉียดฉิวที่ทำเอาทั้งสนามหยุดหายใจ เป็นการการันตรีความสามารถผู้ท้าชิงอย่างแท้จริงของซิตี้ใช่หรือไม่ ? การพ่ายแพ้ยูไนเต็ดครั้งนี้ได้อะไรมากมายที่ไม่ควรมองข้าม การสู้และทุ่มเทจนกว่าจะถึงวินาทีสุดท้ายเหมือนที่เราเคยได้ยินบ่อยๆในการ์ตูนนั้นทางยูไนเต็ดได้แสดงออกมาให้เห็นแล้วว่าไม่ใช่เรื่องเหลวไหล
ดังนั้นหลังจากจบเกมนี้หาก "มาร์ค ฮิวส์" จะนำข้อผิดพลาดมาปรับปรุง และเพิ่มเติมจิตวิญญาณความเป็นนักสู้ให้กับทีมแมนเชสเตอร์ซิตี้ล่ะก็ เชื่อว่าเมื่อเวลานั้นมาถึง ทุกทีมที่ได้พบเจอกับซิตี้จะต้องพบความยากลำบากแน่นอน และผมก็เชื่อว่าคงไม่มีแฟนบอลคนใดจะกล้ามองข้ามเรือใบสีฟ้าแห่งแมนเชสเตอร์ไปอีกแล้ว ซึ่งผมหวังว่าเจอกันอีกทีที่ป้ายหน้า ซิตี้ออฟแมนเชสเตอร์ เดอะดาบี้แมตช์ที่สนุกเช่นนี้จะกลับมาอีก พร้อมกับพัฒนาการที่ต้องการชัยชนะของซิตี้
ปล. ใครมี ID ของเว็ป SS ลองเอาไปลงดูนะคับ