Members

เอามาให้อ่านเล่นๆที่เพื่อนแมนยูชมเรา หลังเกมส์แมนซิ-แมนยู เอามาจากเวปพันธ์ทิพย์ค่ะ

สำหรับในการการจัดตัว ทั้งสองฝ่ายมีเซอร์ไพรส์พอๆกัน โดยฝั่งเจ้าบ้านนั้น โรแบร์โต้ มันชินี่เข็นเด็กอายุต่ำยี่สิบอย่าง เดดริกค์ โบยาต้า ลงมายืนเซ็นเตอร์ซะงั้น โดยดันแว็งซ็องก์ ก็องปานีขึ้นไปยืนตรงกลาง ทำให้แบ๊คโฟร์มีหน้าตาประมาณ ฆาเบียร์ การ์ริโด้ - ไมกาห์ ริชาร์ดส์ - เดดริกค์ โบยาต้า - พาโบล ซาบาเลต้า โดยให้เชย์ กิฟเว่น เฝ้าเสา ตรงกลางนอกจากก็องปานีแล้ว มันชินี่เลือกส่ง แกเร็ธ แบร์รี่ ลงมาทำเกมกับ ไนเจล เด ยองก์ โดยมีสามตัวรุกข้างหน้าเป็นคาร์ลอส เตเวซ ตรงกลาง ร่วมกับเคร็ก เบลลามี่ และฌอน ไรท์ ฟิลลิปส์ (พิมพ์ยากจิ๊บ ต่อไปเรียก swp ละกันนะ) ที่ว่าแปลกคือหลายๆสื่อต่างคาดการณ์ว่าเนดุม โอนูฮา น่าจะได้ลงเป็นเซ็นเตอร์มากกว่า โดยจับกับริชาร์ดส์ แต่ก็ผิดคาดกันหมด (รายละเอียดทางแท็คติคและตำแหน่งของซิตี้ หากผิดพลาดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ว่าไปตามที่เห็นน่ะครับ)



ส่วนทางฝั่งทีมเยือนนั้น มีเซอร์ไพรส์สองตลบเลย เริ่มจากตลบแรกคือการส่งไรอัน กิ๊กส์ลงตัวจริงทั้งๆที่ออกข่าวว่าจะเก็บไว้ ส่วนอีกตลบคือป๋าเลือกที่จะส่งชุดใหญ่แบบว่า เอานะ ลงมาแบบใหญ่ที่สุดที่จัดได้ เพียงแค่เน้นการวางตำแหน่งลงมาเป็น 4-5-1 หรือ 4-2-3-1แทนที่จะเป็น 4-4-2 ตามถนัดปีนี้ โดยได้น้าซาร์เฝ้าเสา (นี่ตัวหลัก) แผงหลัง คู่เซ็นเตอร์ใช้ เวสลี่ย์ บราวน์ กับ โจนาธาน เอแวนส์ (นี่ดีสุดที่มีอยู่) แบ๊คขวาเป็นราฟาเอล ดา ซิลวา (นี่ก็ดีสุดที่มี) ซ้ายเอวร่า (นี่ไม่ต้องพูดถึง) คู่กองกลางตรงกลางเป็นไมเคิล คาร์ริค กับ ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ (ดีที่สุดตอนนี้) คอยคุมจังหวะและทิศทาง มีกลางตัวฟรีอย่างอันแดร์สันลงมายืนเหลื่อมๆข้างหน้าอีกคน กราบซ้ายขวาได้ไรอัน กิ๊กส์ และวาเลนเซีย (ดีที่สุดเหมือนกัน) ส่วนหน้าเป้าเลือก เวย์น รูนี่ย์เริ่มเกม ทั้งคู่ต่างพยายามเปิดเกมรุกเข้าใส่ แต่ยังแฝงไปด้วยความระแวดระวัง ไม่ผลีผลาม ยูไนเต็ดทีมเยือนนั้นพยายามครองเกมและเล่นสั้นต่อเกมขึ้นมาเป็นทอดๆ ทั้งจากกราบซ้ายขวา และตรงกลางโดยการให้บอลของสามมิดฟิลด์ แต่ความแม่นยำยังคงไม่กลับคืนมา ทำให้เสียบอลกันบ่อยมากโดยเฉพาะบริเวณหน้ากรอบ แต่เกมนี้ยีงดีที่ มันชินี่ไม่ได้มาเน้นการช่วงชิงพื้นที่ตรงกลางสนามเท่าไหร่นัก แต่เน้นไปที่การจี้บอลออกไปทางกราบซ้ายขวา ก่อนจะตบเข้ากลางทั้งด้วยลูกโยนหรือลูกเรียดมากกว่า โดยแผงกองกลางซิตี้จะช่วยกันแพ็คเกมและเพรสซิ่งตรงกลางสนาม ก่อนจะออกบอลให้ตัวจี๊ดสองข้างที่มีเบลลามี่ลากจี้เข้าใส่ราฟาเอล กับ swp ที่ขับเคี่ยวกับเอวร่า โดยมีความขยันของเตเวซเป็นตัวทะลวงตรงกลาง ข้างหน้าซิตี้ใช้เพียงแผนนี้เท่านั้น แต่ด้วยหลายๆเหตุผลทำให้แผนที่เรียบง่ายแผนนี้ประสบความสำเร็จสูงมากๆ


เหตุผลแรกที่มันชินี่มองขาดเลยก็คือ ฟูลแบ๊คสองข้างของยูไนเต็ดที่จะว่าไปค่าพลังในการรุกจะสูงกว่ารับ เมื่อฟิวชั่นกับความเร็วติดจรวดของทั้งสองคนนั้น ทำให้ฟูลแบ๊คสองข้างของแมนฯยูไนเต็ด ชอบเล่นในสไตล์เติมสูง สอดหลัง และดันช่วย มันชินี่ซึ่งมีทรัพยากรริมเส้นแจ่มๆให้เลือกใช้อยู่หลายตัว จึงเลือกที่จะส่งนักเตะสไตล์จรวดบริเตนลงมาสู้ เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดทั้งจากความเร็ว, ความแข็งแกร่ง และความคุ้นเคยกับสภาพอากาศที่ยังหนาวเหน็บ นี่ขนาดส่ง swp กับเบลลามี่ลงมาลากแล้วนะ ข้างสนามยังปรากฏชื่ออย่าง มาร์ติน เปตรอฟ อย่างโรบินโญ่ ที่สามารถลงมาสร้างฝันร้ายทางริมเส้นได้หนักหน่วงไม่แพ้กันอีกต่างหาก เหตุผลข้อนี้ทำให้มันชินี่เลือกที่จะดร็อปความสำคัญของเกมรุกและการครอบครองบอลตรงกลางสนามลงมาหน่อยเพื่อเน้นไปที่การขึ้นเกมริมเส้นให้มากขึ้น เหตุผลที่สองของความพ่ายแพ้ต่อซิมเปิ้ลแพลนนี้ ก็คือ คู่เซ็นเตอร์ของเรา ปกติคู่เซ็นเตอร์ของเราจะมีตัวชนหนึ่งตัวคือวิดิช ที่อ่านทิศทางลูกกลางอากาศได้ขาดวิ่น (ยกเว้นลูกที่แพ้ตอร์เรส) และชนได้ทุกคน กับอีกตัวเป็นตัวรองที่อ่านทางบอลภาคพื้นและทิศทางเกมได้ขาดวิ่นเช่นกันคือริโอ เฟอร์ดินานด์ สองตัวเลือกนี้ในยามไม่เจ็บไม่ไข้ ต่างพากันยืนหยัดเป็นปราการเหล็กมาช้านานจนเริ่มถูกโรคภัยไข้เจ็บมาพรากไปในช่วงหลังๆ ทำให้ช่วงนี้ต้องเปลี่ยนมาเป็นเทพน้ำตาล กับน้องแวนซ์บอย ซึ่งถ้าเจอเกมไม่หนักมากก็ประคองกันได้ดีอยู่ แต่เมื่อเจอเกมหนักๆ เร็วๆทีไร อาการออกทุกที เกมนี้ถูกวางยาเจาะริมเส้นเร็วตลอดทำให้ตำแหน่งเซ็นเตอร์ต้องถูกถ่างออกมาทางกว้างมากกว่าปกติเพื่อซ้อนฟูลแบ๊ค การป้องกันลูกกลางอากาศจึงอ่อนด้อยลงไปด้วย ที่สำคัญ บราวน์เป็นกองหลังที่อ่านทางลูกกลางอากาศได้ห่วยที่สุดที่เรามีแล้ว หลับตาโหม่งประจำ แถมหลังๆนี่รอบอลตกตลอด (แต่ยังมีดีที่ประสบการณ์และความแข็งแกร่งยังหลงเหลือ) ทำให้ตัวชนต้องกลายเป็นน้องแวนซ์ไป แล้วจับบราวน์มาซ้อน ซึ่งบราวน์ก็ค่อนข้างช้าและกลับตัวอืด สปีดต้นไม่มี นี่คือเหตุผลข้อสองของการเลือกซิมเปิ้ลแพลนของมันชินี่แล้วได้ผลครับ



ส่วนเหตุผลข้อที่สามก็คือ ความสามารถและศักยภาพของตัวรุกทั้งสามนั่นเอง มันชินี่ กล้าที่จะให้อิสระแก่ตัวรุกของตัวเองได้ทำหน้าที่เต็มที่ เต็มความสามารถ ไม่ต้องถูกกักขังด้วยระบบและแท็คติค ดังที่เราจะสังเกตเห็นว่าหลายๆครั้ง การออกบอลของมิดฟิลด์ซิตี้ ไปคนละทางกับแนวรุกชนิดทีวีคนละช่อง นั่นผมเดาเอาว่าเพราะอิสระในการเคลื่อนที่แบบไร้กรอบไร้กฎเกณฑ์ของแนวรุกโดยเฉพาะเตเวซที่มันชินี่ล้อฟรีให้ทำได้นั่นเอง ทำให้เพื่อนๆก็คาดเดาได้ยากด้วย เมื่อความเร็วและแข็งแกร่งของปีกสองข้างมาพบกับฟูลแบ๊คที่เติมสูง เมื่อความขยันและอิสระเสรีของเตเวซมาพบกับคู่เซ็นเตอร์สำรองที่ยังต้องถ่างตำแหน่งออกมามากกว่าปกติ แค่นี้ก็สามารถกดแนวหลังทีมเยือนให้พะวงได้ไม่น้อยแล้ว และมันก็ขึ้นอยู่กับแค่ว่า เมื่อไหร่ กองหลังทีมเยือนจะเปิดช่องให้ถูกลงโทษ และเมื่อไหร่ที่แนวรุกเจ้าบ้านจะสังหารได้สำเร็จเท่านั้นสำหรับเกมของทีมเยือน ถึงแม้จะมีการครอบครองบอลที่ดี และสร้างสรรค์ไลน์วิ่งการให้บอลได้มาก ประกอบกับพื้นที่ตรงกลางของสนามนั้น ซิตี้ไม่ได้แสดงเจตนาเลยว่าต้องการช่วงชิง เพียงแต่เล่นตามเกมอย่างมีวินัยเท่านั้น ตรงนั้นก็น่าจะทำให้เรามีโอกาสบ่อยขึ้นเยอะ แต่เมื่อการต่อบอลที่ยังคงมีปัญหาอยู่เรื่อยๆ ในจังหวะสุดท้าย รวมกับการเปิดจากกราบที่ยังเข้าเป้าไม่มากครั้ง ทำให้การจบสกอร์ของทีมเยือน ยังคงมีไม่มากอย่างที่ควรจะเป็น แต่กระนั้นก็มาได้ประตูขึ้นนำไปก่อนเมื่อวาเลนเซียได้บอลทางขวา ลากหลุดเบลลามี่มาเปิดเรียดเข้าปากประตู ซึ่งคราวนี้แม่นครับ รูนี่ย์ปรี่เข้าชาร์จจ่อๆติดตัวกิฟเว่นทะลักต่อมาถึงกิ๊กส์ที่แปเผาขนไม่เหลือซาก ส่งให้เจ้าบ้านช็อกไปก่อนตั้งแต่ยังไม่ยี่สิบนาทีของเกม และเท่ากับเป็นการจุดประกายความเดือดของเกมไปโดยปริยายด้วย



เกมจากนั้น ซิตี้โหมบุกหนักขึ้น แต่ยังเน้นไปที่การออกบอลเร็วทางริมเส้น หรือการเปิดออกทางกว้างอยู่ดี ซึ่งมันก็ยังได้ผลมาตลอด เบลลามี่สามารถจี้เข้าหาราฟาเอลได้ทุกครั้ง ซึ่งเจ้าหนูก็ต้องงัดสารพัดกลยุทธ์มาป้องกัน และหลายต่อหลายครั้ง ที่เป็นการสกัดได้ในจังหวะสุดท้ายชนิดแฟนๆใจหายใจคว่ำว่าจะหลุดไหม ส่วนทางเอวร่า นอกจากจะมี swp คอยกดดันแล้ว มันชินี่ยังเพิ่มทางเลือกด้วยการให้ริชาร์ดส์ที่เร็วเป็นจรวดอีกคน เติมมาช่วยทางนี้ และถอยก็องปานีลงไปซ้อนตำแหน่งแทนเป็นพักๆ เมื่อเอวร่าเจอไม้นี้เข้าไปก็ถึงกับไปไม่เป็นเหมือนกัน กิ๊กส์ต้องลงไปช่วยบ่อยๆ และนั่นก็เท่ากับลดทอนความน่ากลัวทางริมเส้นฝั่งซ้ายลงไปไม่น้อย เช่นเดียวกัน เมื่อราฟาเอลถูกเบลลามี่กดหนักเข้า วาเลนเซียก็ต้องลงมาช่วยซ้อน ซึ่งแน่นอนครับ เมื่อถอยลงมาก็ย่อมเจอแบ๊คเขา (น่าจะเป็นซาบาเลต้า) ช่วยเติมกดเข้าไปอีกดอก หลังๆจึงกลายเป็นว่าผมนั่งดูรถแข่งของซิตี้วิ่งทางกราบสองข้างอย่างเมามัน จากจุดนี้เอง ที่ส่งให้ซิตี้ได้ประตูตีเสมอ ช่วงท้ายครึ่งแรกเมื่อเตเวซได้บอลทางกราบซ้าย เบลลามี่ชิงจังหวะสลัดหลุดราฟาเอลได้ ราฟาเอลยังรีรอว่าจะตามเบลลามี่ดีหรือจะดักทางบอลเตเวซดี ซึ่งความลังเลแค่เสี้ยวนั้นเองครับ เบลลามี่สอดตัดเข้าในพร้อมกับเตเวซจ่ายแทงเข้าไปพอดี ราฟาเอลจึงต้องกวดตามเบลลามี่ซึ่งออกตัวไปก่อนแน่นอนว่าเจ้าเงาะไล่ไม่ทัน ราฟาเอลจัดการเหนี่ยวสองสามจังหวะต่อเนื่องตั้งแต่ก่อนเข้ากรอบโทษจนไปจะแจ้งให้เบลลามี่เสียจังหวะอีตอนเข้ากรอบพอดี จบข่าว เตเวซเลยอาสาสังหารจุดโทษสุดแรงเกิดตาข่ายแทบขาด ชนิดที่เรียกได้ว่า ยิงอุดปากเต็มๆนั่นแหละครับ และจากตรงนั้นจนล่วงสู่ครึ่งหลัง ยูไนเต็ดก็ยังทำอะไรได้ไม่ถนัดนักนอกจากจังหวะฉาบฉวยที่ดันฉวยเอาไว้ไม่ได้ ทั้งรูนี่ย์ และกิ๊กส์ ส่วนหนึ่งก็คงต้องบอกว่าการทิ้งหน้าเป้าแบบนี้ ช่วยให้แผงหลังซิตี้จัดการงานได้ง่ายขึ้นทั้งๆที่เป็นหลังออกแนวเฉพาะกิจ ตัวป่วนไลน์จริงๆก็มีเพียงรูนี่ย์และกิ๊กส์เท่านั้น ซึ่งไม่สามารถกดดันแนวรับเขาได้มากพอ ยิ่งกลับมาเสมอเร็วตั้งแต่ครึ่งแรกนี่ก็เท่ากับซิตี้ยังไม่กดดันอะไรมากเท่าไหร่ การเล่นในครึ่งหลังจึงกลับมาเท่ากันและโมเมนตัมของซิตี้ดูจะดีกว่าด้วยซ้ำ เมื่อราฟาเอลเหมือนจะฝังหุ่นกับช็อตลูกโทษซะจนมุ่งมั่นจะแก้ตัวจนดูฝืนตัวเองไปหลายช็อต ทั้งรีบยิง รีบจ่าย



สำหรับทางมิดฟิลด์ทีมเยือนซึ่งดูเหมือนถูกผู้เล่นซิตี้ให้อิสระในการครอบครองบอลทำเกมตามสมควร โดยไม่ได้เน้นเพรสซิ่งหนักหน่วงมากนัก ทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าเราทำเกมได้เรื่อยๆ แต่ความจริงคือเขาปล่อยให้เราทำเกมได้ตรงนี้ได้แค่นี้มากกว่าหรือไม่ สังเกตดีๆจะพบว่า ส่วนใหญ่ที่เราทำได้คือจ่ายขวางสนาม ออกปีก ทะลุเข้าไปแล้วตบกลับออกมา ส่วนใหญ่ก็ประมาณนี้ ไม่สามารถสอดทะลุเข้าไปเล่นสวยๆได้ แต่ที่สำคัญก็คือ การที่ซิตี้ไม่ได้เน้นการขึ้นบอลตรงกลางมันทำให้มิดฟิลด์เราที่มีถึงสามตัวต้องเสียประโยชน์จากการสกรีนเกมรับไปด้วย เพราะบอลไม่ได้ผ่านมาให้ได้ตัดเกมเลย มีแต่วิ่งตามลงไปช่วยหน้ากรอบเท่านั้น ยิ่งมันชินี่นั้นครึ่งหลังได้เน้นให้ลูกทีมซัดเกมริมเส้นหนักขึ้นอีก และพยายามเปิดเข้ากลางให้ได้บ่อยๆ ทั้งเรียดทั้งโด่ง คงเห็นแล้วว่าแนวรับเรานั้นยิ่งกดยิ่งหลวม ส่วนกลางรับเราก็ถูกตัดออกจากเกม โดยเฉพาะการยืนตำแหน่งป้องกันลูกกลางอากาศที่เป็นต้นเหตุการเสียประตูที่สองนั่นเอง การได้เตะมุมแบบนันสต็อปของซิตี้ แสดงให้เห็นว่าแนวรับเราจิตตกและออกอาการพอสมควร จนลูกที่เสียประตูนี่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การยืนตำแหน่งมีปัญหาจริงๆ บอลถูกน้าซาร์เคลียร์ออกมาจากปากประตู แต่แถวสองไม่มีใครเข้ากดดันผู้เล่นซิตี้ทัน ปล่อยให้เปิดกลับเข้ามาเสาสองง่ายมากๆ ซึ่งยิ่งแย่หนัก เมื่อไม่มีผู้เล่นเราคนไหนคุมพื้นที่ที่ก็องปานีค้ำอยู่เลย ก็องปานีแปบอลย้อนกลับเข้าไปกลางประตู เอาอีกแล้ว เหลือแค่เอวร่าที่อยู่ห่างบอลพยายามเหยียดเท้าสุดฤทธิ์เพื่อจิ้มทิ้ง แต่เตเวซที่อยู่ตรงนั้นพอดีได้เหลี่ยมดีกว่า ใกล้กว่า จึงขวิดเต็มหัวเข้าไปง่ายๆ ลูกนี้ เอ่อ... เซ็งเป็ดครับ เป็นการป้องกันลูกเตะมุมของยูไนเต็ดที่ย่ำแย่ที่สุดที่ได้ดูมาเลยครับ คือหลงตำแหน่งกันวุ่นวายไปหมด พอบอลถูกป้อนกลับมาถึงก็องปานีที่ไม่มีใครคุม ก็แห่กันกรูกันเข้ามาปิดสองสามคน แทนที่จะให้เสียงกันก็ไม่มี ทำให้พอก็องปานีเปิดกลับเข้าไปใหม่ทีนี้เลยว่างเลย ไม่รู้จะโทษใครครับ เอาเป็นว่าโทษความซวยแล้วกัน ว่าแผงหลังตัวหลักดันมาเจ็บไปหมดแบบนี้ ทำให้ตัวที่ลงมายังคงหลงๆกันอยู่ แถมไม่มีผู้นำคอยสั่งงานแผงหลังให้เข้าใจกันด้วย



หลังจากนั้น การเปลี่ยนตัวทยอยเกิดขึ้นโดยทีมเยือนต้องแลกแล้ว ส่งโอเว่นลงมาแทนแอนนี่ เพื่อเติมกองหน้าแล้วปรับมา เป็น 4-4-2 ซึ่งเกมดีขึ้นทันตาเห็น ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะซิตี้ก็ผ่อนเกมลงไปเหมือนกัน และเริ่มเล่นแบบไม่เสี่ยง และนั่นยิ่งทำให้ผมเสียดายหนักมากขึ้น เพราะพอเราได้บุกจริงๆจังๆกดให้ซิตี้เล่นรับเต็มตัว เรากลับทำได้ดีกว่ามากๆ และเกือบจะบวกสกอร์ได้หลายต่อหลายครั้งจากรูนี่ย์, โอเว่น, วาเลนเซีย หรือดิยุฟที่ถูกส่งลงมาแทนราฟาเอลในช่วงนาทีท้ายๆก็ตาม นี่คืออีกจุดที่ส่งให้เราได้คิดเล่นๆว่า หากเราเน้นเกมรุก มีกองหน้าสองตัวแต่แรก ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร จะแตกต่างจากนี้ไหม ก็อย่างว่านะครับ หากเราเล่นแบบนั้น ซิตี้ที่มากลางสามตัว อาจหันมาเน้นการช่วงชิงพื้นที่ตรงกลางก็ได้ มันก็แล้วแต่จะคิดกันไป เพราะการคาดการณ์ล่วงหน้าก่อนเกมมันยากกว่ามาพูดหลังเกมไม่รู้กี่ร้อยกี่พันเท่าครับ สำหรับรายละเอียดการเปลี่ยนตัวต่อจากโอเว่น ก็มีการถอดวาเลนเซียออก เติมสโคลส์ลงไปแล้วถ่างเฟล็ทเชอร์ออกทางทางกว้างแทนวาเลนเซีย ทั้งนี้น่าจะเพื่อเน้นการถ่ายบอลเร็วไปยังที่ว่าง และเพิ่มโอกาสยิงไกล ซึ่งตอนนั้นซิตี้พยายามปิดเกมเต็มที่จนพื้นที่หน้ากรอบแทบไม่มีจริงๆ แต่อย่างไรก็ตาม กิ๊กส์, โอเว่น และรูนี่ย์ยังคงปั่นป่วนแนวรับซิตี้ได้อย่างเมามันชนิดมีลุ้นตลอด การทำชิ่งให้บอลของสามคนนี้เรียกว่ามันได้ใจจริงๆ แถมการเปลี่ยนตัวสุดท้ายเอาดิยุฟลงมาแทนราฟาเอลนี่ก็เพิ่มดีกรีความลุ้นได้อีก เปิดเข้าไปหน้ากรอบแต่ละลูก ชิ่งทะลุเข้าไปแต่ละลูก แหม...ถ้าเราเสียประตูที่สองเร็วกว่านี้ก็คงมันครับ เพราะดูแววแล้ว กดอย่างนี้อีกไม่นานน่าจะได้เห็นประตูกันมั่ง (แต่ไม่รู้ฝั่งไหนนะ เพราะเขาได้สวนด้วย เพียงแต่ว่าไม่เน้นสวนมายิง) แหม..แต่อย่าว่ายังงั้นยังงี้เลยนะ เกมนี้ ท้ายเกมกิฟเว่นเป็นพระเอกนะครับ โชว์เทพไม่รู้กี่ลูก



ส่วนการเปลี่ยนตัวของมันชินี่ก็น่าคิดตามครับ นี่แสดงให้เห็นว่ามันชินี่นั้น มีแนวคิดและวิธีการจัดการเกมที่ดีกว่ามาร์ค ฮิวจส์มากนัก จังหวะเวลาการเปลี่ยนตัว รายละเอียดการกำหนดทิศทางเกมและสั่งงานนักเตะข้างสนาม รวมทั้งดีเทลการเปลี่ยนตัว ผมว่าอนาคตไกลทีเดียวนะ ที่แพ้เอฟเวอร์ตันก่อนหน้านี้น่าจะเป็นเพราะช่วงนั้น เล่นในบ้านเขาและทอฟฟี่พอดีว่าของเขาแรงกว่าเท่านั้นเอง มันชินี่เริ่มเปลี่ยนตัวด้วยการถอดโบยาต้าออก แล้วส่งโอนูฮาลงมา เป็นการขันน็อตแนวรับให้แน่นขึ้นไปอีกระดับ ตามมาด้วยการเก็บความสดเตเวซไว้บ้าง โดยถอดออกมาแล้วแทนที่ด้วยเบนจานี่ จุดประสงค์หลักน่าจะเป็นการทิ้งไว้ค้ำกองหลังทีมเยือนและเก็บบอลรอเพื่อนจากการวางยาวเมื่อตัดการครองบอลยูไนเต็ดได้ ซึ่งตรงนี้ไม่ค่อยเกิดขึ้นแต่ก็ถือเป็นการเปลี่ยนเกมที่ดีถึงแม้เบนจานี่จะน่าผิดหวังไปหน่อย แต่ก็ได้เก็บเตเวซไว้ใช้งานต่อนัดหน้าด้วย ปิดท้ายด้วยการส่งซิลวินโญ่ลงมาเพิ่มแนวรับแทน swp หลังจากเห็นกิ๊กส์, รูนี่ย์ และเอวร่า เริ่มป่วนแผงหลังได้น้ำได้เนื้อขึ้นเรื่อยๆ จบเกมด้วยชัยชนะของซิตี้ และบีบให้ยูไนเต็ดต้องชนะสถานเดียวในเกมหน้า
ความคิดเห็นที่ 8  

มุมมองที่มีต่อเกมนี้นั้น ผมคงพูดอะไรไม่ได้มากไปกว่า สกายสปอร์ตส์ นั้น แฟนบอลเขาโหวตให้กิฟเว่นเป็น MOM นะครับด้วยคะแนน 8.5 เหนือกว่าเตเวซที่ได้ 8.0 ทั้งที่ยิงสองลูกเสียอีก ลำดับสามของซิตี้คือ เบลลามี่ที่ 7.0 คะแนน ตามด้วยเดยองก์ที่ 6.9 และก็องปานีที่ 6.8 ส่วนทางฝั่งยูไนเต็ด คนที่ได้คะแนนโหวตสูงสุดคือรูนี่ย์ที่ 7.8 ประมาณพูดได้ว่าถ้ากิฟเว่นไม่เทพขนาดนี้ งานนี้เราคงไม่แพ้ รองลงมาก็คือ 6.9 ของเอวร่า และตามด้วยกิ๊กส์ที่ 6.7 วาเลนเซียตามมาติดๆเท่ากับน้าซาร์ที่ 6.4 โอเว่นยังได้ถึง 5.5 ทั้งๆที่เพิ่งลงไม่นาน ฝั่งซิตี้ที่ย่ำแย่ก็มีเบนจานี่นี่แหละ ที่มีเวลาไม่กี่นาทีแต่ดันทำซะ 4.4 สำหรับตัวจริงที่ได้น้อยก็มี โบยาต้าที่ 5.6 แต่ทางด้านทีมเรา ราฟาเอลฟันไป 5.0 แอนนี่ 5.3 คู่เซ็นเตอร์เท่ากันที่ 5.4 คาร์ริคเอาไป 5.6 เฟล็ทช์ 5.8 ซึ่งทั้งหมดยังไม่ใช่คะแนน official from sky sports นะครับ แต่เป็นคะแนนที่ให้แฟนโหวตเข้ามา ณ เวลาประมาณ 10 โมง ถ้าคุณๆทั้งหลายเข้าไปดูตอนนี้ คะแนนอาจจะเปลี่ยนไปแล้ว ลองไปดูได้ที่นี่ครับ http://www.skysports.com/football/user_ratings/0,19768,11065_323465...

Views: 133

Reply to This

Replies to This Discussion

เห็นๆกันอยู่ แต่ขอเปลี่ยนแปลงแย้งนิดๆคับ เกมนี้แผนที่โชว์ในกราฟฟิคหลอกตาคับ เซ็นเตอร์ตัวจริงเป็น ก๊องปานี+โบยาต้า โดยที่มีริชาร์ดยืนทางด้านขวาคับ ส่วนในแดนกลางนั้นได้เอาซาบาเรต้าเป็นตัวสกรีีนบอลโดยเป็นแบบ Free movement นั่นคือเขาจะสามารถวิ่งไปที่ไหนก็ได้ในพื้นที่หน้ากรอบเขตโทษ และเด ยอง ถูกกำหนดพื้นที่และหน้าที่คือหน้ากรอบและซ้อนริชาร์ด ในขณะที่แบรรี่ในครึ่งแรกก็คล้ายกอมปานีแต่ไปทางด้านของการิโด้ ซึ่งในตอนแรกนั้นยังไม่ใช่เช่นนี้แบรรี่นั้นมีหน้าที่วิ่งขึ้นลงระหว่างหน้าเขตโทษและเข้าไปในกรอบเขตโทษเยื้องขวา โดยตัวสกรีนด้านซ้ายให้เบลามี่ทำหน้าที่ แต่เพราะเราถูกนำจึงได้เปลี่ยนมาเป็นแบบที่ผมบอกและโยกเบลามี่ยืนหน้าการิโด้เพื่อรับบอลจังหวะ 2 ที่ลอยออกมาและสวนกลับคับ


ส่วน swp ในเกมนี้ผมขอบอกว่าน่าผิดหวังในเกมรับ ไม่รู้ว่าด้วยแท๊กติกหรือไม่แต่ผมแทบไม่เห็นเจ้าตัวเล็กนี่ได้เรื่องได้ราวและช่วยเกมรับได้เลย อาจเป็นเพราะยังไม่เข้าที่เข้าทางกับแผนของผู้จัดการใหม่ หรืออาจเป็นเพราะแผนที่จะให้เป็นตัวรอบอลสวนกลับอีกคนก็เป็นได้


ขอแก้อีกนิดในเรื่องของ swp เกมนี้ถ้าเป็นแผนก็ถือว่าผมวิจารณ์ผิดพลาดไป แต่เห็นได้ว่าเจ้าตัวฮุบเข้ามาตรงกลางจนหลายๆครั้งที่เจ้าถึกริชาร์ดตัดบอลได้แล้วส่งไปทางิมเส้นด้านขวาด้วยความเคยชิน หรือโยนบอลโต้กลับไปทางขวา ก็จะเสียเปล่าเพราะไม่มีคนประจำการ อาจเป็นที่ความอิสระอย่างที่ผู้วิจารณ์ได้บอกไว้ก็เป็นได้อีกประการ


โดยรวมแล้ว swp ควรจะเป็นตัวกรีนขั้นแรกก่อนเพราะตามแผนแล้วเขาไม่มีหน้าที่ประจำการช่วยเกมรับ ดังนั้นหากแผนนี้ปรับมาเป็นให้ swp คอยกดดันแถวกลางสนาม ไม่ปล่อยให้แมนยูครองบอลแบบที่ว่ามาก็อาจช่วยเกมรับได้มากกว่านี้อีกนิด แม้จะไม่มากมายแต่ก็เป็นการบีบให้แมนยูรนบ้างก็ยังดี
สีอ่านยากมากมาย = =
ต้องทำแบบก้อปอาครับคิม จะอ่านง่ายหน่อย

สำหรับในการการจัดตัว ทั้งสองฝ่ายมีเซอร์ไพรส์พอๆกัน โดยฝั่งเจ้าบ้านนั้น โรแบร์โต้ มันชินี่เข็นเด็กอายุต่ำยี่สิบอย่าง เดดริกค์ โบยาต้า ลงมายืนเซ็นเตอร์ซะงั้น โดยดันแว็งซ็องก์ ก็องปานีขึ้นไปยืนตรงกลาง ทำให้แบ๊คโฟร์มีหน้าตาประมาณ ฆาเบียร์ การ์ริโด้ - ไมกาห์ ริชาร์ดส์ - เดดริกค์ โบยาต้า - พาโบล ซาบาเลต้า โดยให้เชย์ กิฟเว่น เฝ้าเสา ตรงกลางนอกจากก็องปานีแล้ว มันชินี่เลือกส่ง แกเร็ธ แบร์รี่ ลงมาทำเกมกับ ไนเจล เด ยองก์ โดยมีสามตัวรุกข้างหน้าเป็นคาร์ลอส เตเวซ ตรงกลาง ร่วมกับเคร็ก เบลลามี่ และฌอน ไรท์ ฟิลลิปส์ (พิมพ์ยากจิ๊บ ต่อไปเรียก swp ละกันนะ) ที่ว่าแปลกคือหลายๆสื่อต่างคาดการณ์ว่าเนดุม โอนูฮา น่าจะได้ลงเป็นเซ็นเตอร์มากกว่า โดยจับกับริชาร์ดส์ แต่ก็ผิดคาดกันหมด (รายละเอียดทางแท็คติคและตำแหน่งของซิตี้ หากผิดพลาดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ว่าไปตามที่เห็นน่ะครับ)



ส่วนทางฝั่งทีมเยือน นั้น มีเซอร์ไพรส์สองตลบเลย เริ่มจากตลบแรกคือการส่งไรอัน กิ๊กส์ลงตัวจริงทั้งๆที่ออกข่าวว่าจะเก็บไว้ ส่วนอีกตลบคือป๋าเลือกที่จะส่งชุดใหญ่แบบว่า เอานะ ลงมาแบบใหญ่ที่สุดที่จัดได้ เพียงแค่เน้นการวางตำแหน่งลงมาเป็น 4-5-1 หรือ 4-2-3-1แทนที่จะเป็น 4-4-2 ตามถนัดปีนี้ โดยได้น้าซาร์เฝ้าเสา (นี่ตัวหลัก) แผงหลัง คู่เซ็นเตอร์ใช้ เวสลี่ย์ บราวน์ กับ โจนาธาน เอแวนส์ (นี่ดีสุดที่มีอยู่) แบ๊คขวาเป็นราฟาเอล ดา ซิลวา (นี่ก็ดีสุดที่มี) ซ้ายเอวร่า (นี่ไม่ต้องพูดถึง) คู่กองกลางตรงกลางเป็นไมเคิล คาร์ริค กับ ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ (ดีที่สุดตอนนี้) คอยคุมจังหวะและทิศทาง มีกลางตัวฟรีอย่างอันแดร์สันลงมายืนเหลื่อมๆข้างหน้าอีกคน กราบซ้ายขวาได้ไรอัน กิ๊กส์ และวาเลนเซีย (ดีที่สุดเหมือนกัน) ส่วนหน้าเป้าเลือก เวย์น รูนี่ย์เริ่มเกม ทั้งคู่ต่างพยายามเปิดเกมรุกเข้าใส่ แต่ยังแฝงไปด้วยความระแวดระวัง ไม่ผลีผลาม ยูไนเต็ดทีมเยือนนั้นพยายามครองเกมและเล่นสั้นต่อเกมขึ้นมาเป็นทอดๆ ทั้งจากกราบซ้ายขวา และตรงกลางโดยการให้บอลของสามมิดฟิลด์ แต่ความแม่นยำยังคงไม่กลับคืนมา ทำให้เสียบอลกันบ่อยมากโดยเฉพาะบริเวณหน้ากรอบ แต่เกมนี้ยีงดีที่ มันชินี่ไม่ได้มาเน้นการช่วงชิงพื้นที่ตรงกลางสนามเท่าไหร่นัก แต่เน้นไปที่การจี้บอลออกไปทางกราบซ้ายขวา ก่อนจะตบเข้ากลางทั้งด้วยลูกโยนหรือลูกเรียดมากกว่า โดยแผงกองกลางซิตี้จะช่วยกันแพ็คเกมและเพรสซิ่งตรงกลางสนาม ก่อนจะออกบอลให้ตัวจี๊ดสองข้างที่มีเบลลามี่ลากจี้เข้าใส่ราฟาเอล กับ swp ที่ขับเคี่ยวกับเอวร่า โดยมีความขยันของเตเวซเป็นตัวทะลวงตรงกลาง ข้างหน้าซิตี้ใช้เพียงแผนนี้เท่านั้น แต่ด้วยหลายๆเหตุผลทำให้แผนที่เรียบง่ายแผนนี้ประสบความสำเร็จสูงมากๆ


เหตุผล แรกที่มันชินี่มองขาดเลยก็คือ ฟูลแบ๊คสองข้างของยูไนเต็ดที่จะว่าไปค่าพลังในการรุกจะสูงกว่ารับ เมื่อฟิวชั่นกับความเร็วติดจรวดของทั้งสองคนนั้น ทำให้ฟูลแบ๊คสองข้างของแมนฯยูไนเต็ด ชอบเล่นในสไตล์เติมสูง สอดหลัง และดันช่วย มันชินี่ซึ่งมีทรัพยากรริมเส้นแจ่มๆให้เลือกใช้อยู่หลายตัว จึงเลือกที่จะส่งนักเตะสไตล์จรวดบริเตนลงมาสู้ เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดทั้งจากความเร็ว, ความแข็งแกร่ง และความคุ้นเคยกับสภาพอากาศที่ยังหนาวเหน็บ นี่ขนาดส่ง swp กับเบลลามี่ลงมาลากแล้วนะ ข้างสนามยังปรากฏชื่ออย่าง มาร์ติน เปตรอฟ อย่างโรบินโญ่ ที่สามารถลงมาสร้างฝันร้ายทางริมเส้นได้หนักหน่วงไม่แพ้กันอีกต่างหาก เหตุผลข้อนี้ทำให้มันชินี่เลือกที่จะดร็อปความสำคัญของเกมรุกและการครอบครอง บอลตรงกลางสนามลงมาหน่อยเพื่อเน้นไปที่การขึ้นเกมริมเส้นให้มากขึ้น เหตุผลที่สองของความพ่ายแพ้ต่อซิมเปิ้ลแพลนนี้ ก็คือ คู่เซ็นเตอร์ของเรา ปกติคู่เซ็นเตอร์ของเราจะมีตัวชนหนึ่งตัวคือวิดิช ที่อ่านทิศทางลูกกลางอากาศได้ขาดวิ่น (ยกเว้นลูกที่แพ้ตอร์เรส) และชนได้ทุกคน กับอีกตัวเป็นตัวรองที่อ่านทางบอลภาคพื้นและทิศทางเกมได้ขาดวิ่นเช่นกันคือ ริโอ เฟอร์ดินานด์ สองตัวเลือกนี้ในยามไม่เจ็บไม่ไข้ ต่างพากันยืนหยัดเป็นปราการเหล็กมาช้านานจนเริ่มถูกโรคภัยไข้เจ็บมาพรากไปใน ช่วงหลังๆ ทำให้ช่วงนี้ต้องเปลี่ยนมาเป็นเทพน้ำตาล กับน้องแวนซ์บอย ซึ่งถ้าเจอเกมไม่หนักมากก็ประคองกันได้ดีอยู่ แต่เมื่อเจอเกมหนักๆ เร็วๆทีไร อาการออกทุกที เกมนี้ถูกวางยาเจาะริมเส้นเร็วตลอดทำให้ตำแหน่งเซ็นเตอร์ต้องถูกถ่างออกมา ทางกว้างมากกว่าปกติเพื่อซ้อนฟูลแบ๊ค การป้องกันลูกกลางอากาศจึงอ่อนด้อยลงไปด้วย ที่สำคัญ บราวน์เป็นกองหลังที่อ่านทางลูกกลางอากาศได้ห่วยที่สุดที่เรามีแล้ว หลับตาโหม่งประจำ แถมหลังๆนี่รอบอลตกตลอด (แต่ยังมีดีที่ประสบการณ์และความแข็งแกร่งยังหลงเหลือ) ทำให้ตัวชนต้องกลายเป็นน้องแวนซ์ไป แล้วจับบราวน์มาซ้อน ซึ่งบราวน์ก็ค่อนข้างช้าและกลับตัวอืด สปีดต้นไม่มี นี่คือเหตุผลข้อสองของการเลือกซิมเปิ้ลแพลนของมันชินี่แล้วได้ผลครับ



ส่วน เหตุผลข้อที่สามก็คือ ความสามารถและศักยภาพของตัวรุกทั้งสามนั่นเอง มันชินี่ กล้าที่จะให้อิสระแก่ตัวรุกของตัวเองได้ทำหน้าที่เต็มที่ เต็มความสามารถ ไม่ต้องถูกกักขังด้วยระบบและแท็คติค ดังที่เราจะสังเกตเห็นว่าหลายๆครั้ง การออกบอลของมิดฟิลด์ซิตี้ ไปคนละทางกับแนวรุกชนิดทีวีคนละช่อง นั่นผมเดาเอาว่าเพราะอิสระในการเคลื่อนที่แบบไร้กรอบไร้กฎเกณฑ์ของแนวรุกโดย เฉพาะเตเวซที่มันชินี่ล้อฟรีให้ทำได้นั่นเอง ทำให้เพื่อนๆก็คาดเดาได้ยากด้วย เมื่อความเร็วและแข็งแกร่งของปีกสองข้างมาพบกับฟูลแบ๊คที่เติมสูง เมื่อความขยันและอิสระเสรีของเตเวซมาพบกับคู่เซ็นเตอร์สำรองที่ยังต้องถ่าง ตำแหน่งออกมามากกว่าปกติ แค่นี้ก็สามารถกดแนวหลังทีมเยือนให้พะวงได้ไม่น้อยแล้ว และมันก็ขึ้นอยู่กับแค่ว่า เมื่อไหร่ กองหลังทีมเยือนจะเปิดช่องให้ถูกลงโทษ และเมื่อไหร่ที่แนวรุกเจ้าบ้านจะสังหารได้สำเร็จเท่านั้นสำหรับเกมของทีม เยือน ถึงแม้จะมีการครอบครองบอลที่ดี และสร้างสรรค์ไลน์วิ่งการให้บอลได้มาก ประกอบกับพื้นที่ตรงกลางของสนามนั้น ซิตี้ไม่ได้แสดงเจตนาเลยว่าต้องการช่วงชิง เพียงแต่เล่นตามเกมอย่างมีวินัยเท่านั้น ตรงนั้นก็น่าจะทำให้เรามีโอกาสบ่อยขึ้นเยอะ แต่เมื่อการต่อบอลที่ยังคงมีปัญหาอยู่เรื่อยๆ ในจังหวะสุดท้าย รวมกับการเปิดจากกราบที่ยังเข้าเป้าไม่มากครั้ง ทำให้การจบสกอร์ของทีมเยือน ยังคงมีไม่มากอย่างที่ควรจะเป็น แต่กระนั้นก็มาได้ประตูขึ้นนำไปก่อนเมื่อวาเลนเซียได้บอลทางขวา ลากหลุดเบลลามี่มาเปิดเรียดเข้าปากประตู ซึ่งคราวนี้แม่นครับ รูนี่ย์ปรี่เข้าชาร์จจ่อๆติดตัวกิฟเว่นทะลักต่อมาถึงกิ๊กส์ที่แปเผาขนไม่ เหลือซาก ส่งให้เจ้าบ้านช็อกไปก่อนตั้งแต่ยังไม่ยี่สิบนาทีของเกม และเท่ากับเป็นการจุดประกายความเดือดของเกมไปโดยปริยายด้วย



เกม จากนั้น ซิตี้โหมบุกหนักขึ้น แต่ยังเน้นไปที่การออกบอลเร็วทางริมเส้น หรือการเปิดออกทางกว้างอยู่ดี ซึ่งมันก็ยังได้ผลมาตลอด เบลลามี่สามารถจี้เข้าหาราฟาเอลได้ทุกครั้ง ซึ่งเจ้าหนูก็ต้องงัดสารพัดกลยุทธ์มาป้องกัน และหลายต่อหลายครั้ง ที่เป็นการสกัดได้ในจังหวะสุดท้ายชนิดแฟนๆใจหายใจคว่ำว่าจะหลุดไหม ส่วนทางเอวร่า นอกจากจะมี swp คอยกดดันแล้ว มันชินี่ยังเพิ่มทางเลือกด้วยการให้ริชาร์ดส์ที่เร็วเป็นจรวดอีกคน เติมมาช่วยทางนี้ และถอยก็องปานีลงไปซ้อนตำแหน่งแทนเป็นพักๆ เมื่อเอวร่าเจอไม้นี้เข้าไปก็ถึงกับไปไม่เป็นเหมือนกัน กิ๊กส์ต้องลงไปช่วยบ่อยๆ และนั่นก็เท่ากับลดทอนความน่ากลัวทางริมเส้นฝั่งซ้ายลงไปไม่น้อย เช่นเดียวกัน เมื่อราฟาเอลถูกเบลลามี่กดหนักเข้า วาเลนเซียก็ต้องลงมาช่วยซ้อน ซึ่งแน่นอนครับ เมื่อถอยลงมาก็ย่อมเจอแบ๊คเขา (น่าจะเป็นซาบาเลต้า) ช่วยเติมกดเข้าไปอีกดอก หลังๆจึงกลายเป็นว่าผมนั่งดูรถแข่งของซิตี้วิ่งทางกราบสองข้างอย่างเมามัน จากจุดนี้เอง ที่ส่งให้ซิตี้ได้ประตูตีเสมอ ช่วงท้ายครึ่งแรกเมื่อเตเวซได้บอลทางกราบซ้าย เบลลามี่ชิงจังหวะสลัดหลุดราฟาเอลได้ ราฟาเอลยังรีรอว่าจะตามเบลลามี่ดีหรือจะดักทางบอลเตเวซดี ซึ่งความลังเลแค่เสี้ยวนั้นเองครับ เบลลามี่สอดตัดเข้าในพร้อมกับเตเวซจ่ายแทงเข้าไปพอดี ราฟาเอลจึงต้องกวดตามเบลลามี่ซึ่งออกตัวไปก่อนแน่นอนว่าเจ้าเงาะไล่ไม่ทัน ราฟาเอลจัดการเหนี่ยวสองสามจังหวะต่อเนื่องตั้งแต่ก่อนเข้ากรอบโทษจนไปจะ แจ้งให้เบลลามี่เสียจังหวะอีตอนเข้ากรอบพอดี จบข่าว เตเวซเลยอาสาสังหารจุดโทษสุดแรงเกิดตาข่ายแทบขาด ชนิดที่เรียกได้ว่า ยิงอุดปากเต็มๆนั่นแหละครับ และจากตรงนั้นจนล่วงสู่ครึ่งหลัง ยูไนเต็ดก็ยังทำอะไรได้ไม่ถนัดนักนอกจากจังหวะฉาบฉวยที่ดันฉวยเอาไว้ไม่ได้ ทั้งรูนี่ย์ และกิ๊กส์ ส่วนหนึ่งก็คงต้องบอกว่าการทิ้งหน้าเป้าแบบนี้ ช่วยให้แผงหลังซิตี้จัดการงานได้ง่ายขึ้นทั้งๆที่เป็นหลังออกแนวเฉพาะกิจ ตัวป่วนไลน์จริงๆก็มีเพียงรูนี่ย์และกิ๊กส์เท่านั้น ซึ่งไม่สามารถกดดันแนวรับเขาได้มากพอ ยิ่งกลับมาเสมอเร็วตั้งแต่ครึ่งแรกนี่ก็เท่ากับซิตี้ยังไม่กดดันอะไรมากเท่า ไหร่ การเล่นในครึ่งหลังจึงกลับมาเท่ากันและโมเมนตัมของซิตี้ดูจะดีกว่าด้วยซ้ำ เมื่อราฟาเอลเหมือนจะฝังหุ่นกับช็อตลูกโทษซะจนมุ่งมั่นจะแก้ตัวจนดูฝืนตัว เองไปหลายช็อต ทั้งรีบยิง รีบจ่าย



สำหรับทางมิดฟิลด์ทีม เยือนซึ่งดูเหมือนถูกผู้เล่นซิตี้ให้อิสระในการครอบครองบอลทำเกมตามสมควร โดยไม่ได้เน้นเพรสซิ่งหนักหน่วงมากนัก ทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าเราทำเกมได้เรื่อยๆ แต่ความจริงคือเขาปล่อยให้เราทำเกมได้ตรงนี้ได้แค่นี้มากกว่าหรือไม่ สังเกตดีๆจะพบว่า ส่วนใหญ่ที่เราทำได้คือจ่ายขวางสนาม ออกปีก ทะลุเข้าไปแล้วตบกลับออกมา ส่วนใหญ่ก็ประมาณนี้ ไม่สามารถสอดทะลุเข้าไปเล่นสวยๆได้ แต่ที่สำคัญก็คือ การที่ซิตี้ไม่ได้เน้นการขึ้นบอลตรงกลางมันทำให้มิดฟิลด์เราที่มีถึงสามตัว ต้องเสียประโยชน์จากการสกรีนเกมรับไปด้วย เพราะบอลไม่ได้ผ่านมาให้ได้ตัดเกมเลย มีแต่วิ่งตามลงไปช่วยหน้ากรอบเท่านั้น ยิ่งมันชินี่นั้นครึ่งหลังได้เน้นให้ลูกทีมซัดเกมริมเส้นหนักขึ้นอีก และพยายามเปิดเข้ากลางให้ได้บ่อยๆ ทั้งเรียดทั้งโด่ง คงเห็นแล้วว่าแนวรับเรานั้นยิ่งกดยิ่งหลวม ส่วนกลางรับเราก็ถูกตัดออกจากเกม โดยเฉพาะการยืนตำแหน่งป้องกันลูกกลางอากาศที่เป็นต้นเหตุการเสียประตูที่สอง นั่นเอง การได้เตะมุมแบบนันสต็อปของซิตี้ แสดงให้เห็นว่าแนวรับเราจิตตกและออกอาการพอสมควร จนลูกที่เสียประตูนี่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การยืนตำแหน่งมีปัญหาจริงๆ บอลถูกน้าซาร์เคลียร์ออกมาจากปากประตู แต่แถวสองไม่มีใครเข้ากดดันผู้เล่นซิตี้ทัน ปล่อยให้เปิดกลับเข้ามาเสาสองง่ายมากๆ ซึ่งยิ่งแย่หนัก เมื่อไม่มีผู้เล่นเราคนไหนคุมพื้นที่ที่ก็องปานีค้ำอยู่เลย ก็องปานีแปบอลย้อนกลับเข้าไปกลางประตู เอาอีกแล้ว เหลือแค่เอวร่าที่อยู่ห่างบอลพยายามเหยียดเท้าสุดฤทธิ์เพื่อจิ้มทิ้ง แต่เตเวซที่อยู่ตรงนั้นพอดีได้เหลี่ยมดีกว่า ใกล้กว่า จึงขวิดเต็มหัวเข้าไปง่ายๆ ลูกนี้ เอ่อ... เซ็งเป็ดครับ เป็นการป้องกันลูกเตะมุมของยูไนเต็ดที่ย่ำแย่ที่สุดที่ได้ดูมาเลยครับ คือหลงตำแหน่งกันวุ่นวายไปหมด พอบอลถูกป้อนกลับมาถึงก็องปานีที่ไม่มีใครคุม ก็แห่กันกรูกันเข้ามาปิดสองสามคน แทนที่จะให้เสียงกันก็ไม่มี ทำให้พอก็องปานีเปิดกลับเข้าไปใหม่ทีนี้เลยว่างเลย ไม่รู้จะโทษใครครับ เอาเป็นว่าโทษความซวยแล้วกัน ว่าแผงหลังตัวหลักดันมาเจ็บไปหมดแบบนี้ ทำให้ตัวที่ลงมายังคงหลงๆกันอยู่ แถมไม่มีผู้นำคอยสั่งงานแผงหลังให้เข้าใจกันด้วย



หลังจาก นั้น การเปลี่ยนตัวทยอยเกิดขึ้นโดยทีมเยือนต้องแลกแล้ว ส่งโอเว่นลงมาแทนแอนนี่ เพื่อเติมกองหน้าแล้วปรับมา เป็น 4-4-2 ซึ่งเกมดีขึ้นทันตาเห็น ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะซิตี้ก็ผ่อนเกมลงไปเหมือนกัน และเริ่มเล่นแบบไม่เสี่ยง และนั่นยิ่งทำให้ผมเสียดายหนักมากขึ้น เพราะพอเราได้บุกจริงๆจังๆกดให้ซิตี้เล่นรับเต็มตัว เรากลับทำได้ดีกว่ามากๆ และเกือบจะบวกสกอร์ได้หลายต่อหลายครั้งจากรูนี่ย์, โอเว่น, วาเลนเซีย หรือดิยุฟที่ถูกส่งลงมาแทนราฟาเอลในช่วงนาทีท้ายๆก็ตาม นี่คืออีกจุดที่ส่งให้เราได้คิดเล่นๆว่า หากเราเน้นเกมรุก มีกองหน้าสองตัวแต่แรก ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร จะแตกต่างจากนี้ไหม ก็อย่างว่านะครับ หากเราเล่นแบบนั้น ซิตี้ที่มากลางสามตัว อาจหันมาเน้นการช่วงชิงพื้นที่ตรงกลางก็ได้ มันก็แล้วแต่จะคิดกันไป เพราะการคาดการณ์ล่วงหน้าก่อนเกมมันยากกว่ามาพูดหลังเกมไม่รู้กี่ร้อยกี่พัน เท่าครับ สำหรับรายละเอียดการเปลี่ยนตัวต่อจากโอเว่น ก็มีการถอดวาเลนเซียออก เติมสโคลส์ลงไปแล้วถ่างเฟล็ทเชอร์ออกทางทางกว้างแทนวาเลนเซีย ทั้งนี้น่าจะเพื่อเน้นการถ่ายบอลเร็วไปยังที่ว่าง และเพิ่มโอกาสยิงไกล ซึ่งตอนนั้นซิตี้พยายามปิดเกมเต็มที่จนพื้นที่หน้ากรอบแทบไม่มีจริงๆ แต่อย่างไรก็ตาม กิ๊กส์, โอเว่น และรูนี่ย์ยังคงปั่นป่วนแนวรับซิตี้ได้อย่างเมามันชนิดมีลุ้นตลอด การทำชิ่งให้บอลของสามคนนี้เรียกว่ามันได้ใจจริงๆ แถมการเปลี่ยนตัวสุดท้ายเอาดิยุฟลงมาแทนราฟาเอลนี่ก็เพิ่มดีกรีความลุ้นได้ อีก เปิดเข้าไปหน้ากรอบแต่ละลูก ชิ่งทะลุเข้าไปแต่ละลูก แหม...ถ้าเราเสียประตูที่สองเร็วกว่านี้ก็คงมันครับ เพราะดูแววแล้ว กดอย่างนี้อีกไม่นานน่าจะได้เห็นประตูกันมั่ง (แต่ไม่รู้ฝั่งไหนนะ เพราะเขาได้สวนด้วย เพียงแต่ว่าไม่เน้นสวนมายิง) แหม..แต่อย่าว่ายังงั้นยังงี้เลยนะ เกมนี้ ท้ายเกมกิฟเว่นเป็นพระเอกนะครับ โชว์เทพไม่รู้กี่ลูก



ส่วนการเปลี่ยนตัวของมันชินี่ก็น่าคิด ตามครับ นี่แสดงให้เห็นว่ามันชินี่นั้น มีแนวคิดและวิธีการจัดการเกมที่ดีกว่ามาร์ค ฮิวจส์มากนัก จังหวะเวลาการเปลี่ยนตัว รายละเอียดการกำหนดทิศทางเกมและสั่งงานนักเตะข้างสนาม รวมทั้งดีเทลการเปลี่ยนตัว ผมว่าอนาคตไกลทีเดียวนะ ที่แพ้เอฟเวอร์ตันก่อนหน้านี้น่าจะเป็นเพราะช่วงนั้น เล่นในบ้านเขาและทอฟฟี่พอดีว่าของเขาแรงกว่าเท่านั้นเอง มันชินี่เริ่มเปลี่ยนตัวด้วยการถอดโบยาต้าออก แล้วส่งโอนูฮาลงมา เป็นการขันน็อตแนวรับให้แน่นขึ้นไปอีกระดับ ตามมาด้วยการเก็บความสดเตเวซไว้บ้าง โดยถอดออกมาแล้วแทนที่ด้วยเบนจานี่ จุดประสงค์หลักน่าจะเป็นการทิ้งไว้ค้ำกองหลังทีมเยือนและเก็บบอลรอเพื่อนจาก การวางยาวเมื่อตัดการครองบอลยูไนเต็ดได้ ซึ่งตรงนี้ไม่ค่อยเกิดขึ้นแต่ก็ถือเป็นการเปลี่ยนเกมที่ดีถึงแม้เบนจานี่จะ น่าผิดหวังไปหน่อย แต่ก็ได้เก็บเตเวซไว้ใช้งานต่อนัดหน้าด้วย ปิดท้ายด้วยการส่งซิลวินโญ่ลงมาเพิ่มแนวรับแทน swp หลังจากเห็นกิ๊กส์, รูนี่ย์ และเอวร่า เริ่มป่วนแผงหลังได้น้ำได้เนื้อขึ้นเรื่อยๆ จบเกมด้วยชัยชนะของซิตี้ และบีบให้ยูไนเต็ดต้องชนะสถานเดียวในเกมหน้า
ความคิดเห็นที่ 8 [ถูกใจ] [แจ้งลบ]

มุมมองที่มีต่อเกมนี้นั้น ผมคงพูดอะไรไม่ได้มากไปกว่า สกายสปอร์ตส์ นั้น แฟนบอลเขาโหวตให้กิฟเว่นเป็น MOM นะครับด้วยคะแนน 8.5 เหนือกว่าเตเวซที่ได้ 8.0 ทั้งที่ยิงสองลูกเสียอีก ลำดับสามของซิตี้คือ เบลลามี่ที่ 7.0 คะแนน ตามด้วยเดยองก์ที่ 6.9 และก็องปานีที่ 6.8 ส่วนทางฝั่งยูไนเต็ด คนที่ได้คะแนนโหวตสูงสุดคือรูนี่ย์ที่ 7.8 ประมาณพูดได้ว่าถ้ากิฟเว่นไม่เทพขนาดนี้ งานนี้เราคงไม่แพ้ รองลงมาก็คือ 6.9 ของเอวร่า และตามด้วยกิ๊กส์ที่ 6.7 วาเลนเซียตามมาติดๆเท่ากับน้าซาร์ที่ 6.4 โอเว่นยังได้ถึง 5.5 ทั้งๆที่เพิ่งลงไม่นาน ฝั่งซิตี้ที่ย่ำแย่ก็มีเบนจานี่นี่แหละ ที่มีเวลาไม่กี่นาทีแต่ดันทำซะ 4.4 สำหรับตัวจริงที่ได้น้อยก็มี โบยาต้าที่ 5.6 แต่ทางด้านทีมเรา ราฟาเอลฟันไป 5.0 แอนนี่ 5.3 คู่เซ็นเตอร์เท่ากันที่ 5.4 คาร์ริคเอาไป 5.6 เฟล็ทช์ 5.8 ซึ่งทั้งหมดยังไม่ใช่คะแนน official from sky sports นะครับ แต่เป็นคะแนนที่ให้แฟนโหวตเข้ามา ณ เวลาประมาณ 10 โมง ถ้าคุณๆทั้งหลายเข้าไปดูตอนนี้ คะแนนอาจจะเปลี่ยนไปแล้ว ลองไปดูได้ที่นี่ครับ http://www.skysports.com/football/user_ratings/0,19768,11065_323465...
ขอบคุณครับ
อ่านแล้วเข้าใจเกมทั้งเกมเลยครับ แต่กิฟเว่นนี้สุดยอดจริงๆ ยอดรับเลยครับ
ดูจากในเกมส์แล้วลูกแรกที่เสียเกิดจากการพลาดของเบลลามี่ที่สกัดบอลไม่ขาด ส่วนการ์ริโด้ก็ปิดลูกเปิดของเอฟร่าไม่ได้ กิฟเว่นก็เซฟลูกยิงของรูนี่ย์ไว้ไม่อยู่ ลูกที่เบลลามี่วิ่งแล้วโดนราฟาเอลขวางไว้น่าจะเป็นจุดโทษชัดเจนไม่ได้เล่นบอลยังเอาตัวมาขวางบอลก็ไม่โดน แต่กรรมการคงปล่อยไปแต่ดันมาดึงครั้งที่สอง เลยเสร็จเลย ลูกที่สองยอมรับเลยเตเวซเก่งจริง ๆ การจัดทัพของมันชินี่ดูไม่แปลกเพราะว่าเล่นกับสโมสรที่มีเกมส์รุกที่น่ากลัวและเกมส์รับที่ดี สภาพทีมเราก็มีเกมส์รับไม่ค่อยจะดี แต่มีดีอย่างหนึ่งคือ กลางรับแข็งแกร่งทั้งสอง เด ยองก์ , แบร์รี่ ตัดเกมส์ตรงกลางช่วยกันแข็งมากมายแถมแบร์รี่รุกได้ด้วย เด ยองก์ เข้าบอลไว ซาบาเลต้าที่เล่นทางซ้ายค่อยตัดเกมส์พร้อมทำเกมส์รุกไปด้วย ทำให้การ์ริโด้งานเบาขึ้นเยอะ เบลลามี่ ฌอน ไรท์ ฟิลลิปส์ เตเวซ มาคอยช่วยไล่ด้วย แถมยังป่วนริมเส้นได้อีก ที่มันชินียังไม่ส่ง เนดุม โอนูฮา อาจเพราะว่าเพิ่งจะหายกลับมาให้ดูเกมส์ เดดริกค์ โบยาต้า ที่ได้ลงไปเล่นดูฟอร์มแล้วเล่นได้ดีแถมดูรูปร่างใหญ่แข็งแกร่งดี
ในเกมส์นี้มันชินี่ใช้แผน 4-3-3
-------------------Given-----------------
Richards----Boyata----Kompany----Garrido
-----De Jong-----Barry-----Zabaleta-----
--Wright-Phillips-----Tevez------Bellamy--
ส่วนแมนยูใช้แผน 4-3-3
-------------Van der sar---------
Rafael----Brown----Evans----Evra
-Fletcher-----carrick----Anderson-
-Valencia------Rooney------Giggs-
หนูจ๋า พี่อ่านบทความหนูไม่ออกเลย สีมันจางเกินไปหรือเปล่า
คลิกขวาค้างแล้วลากเลย
สุดยอดคับ
สรุป ณ. ตอนนี้คือเราชนะครับ และสรุปหลังวันที่ 28 กุมภาพันธ์ คือเราได้ครองถ้วยใบที่หนึ่งประจำฤดูกาลครับ
วิเคราะห์ได้ดีมากเลย...น่าจะเป็นโค้ชได้นะ...เยี่ยม

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.