เกมนี้อังกฤษส่งเอมิล เฮสกีย์ลงไปยืนในแนวรุกคู่กับเวย์น รูนี่ย์ ขณะที่เจมส์ มิลเนอร์ทำเซอร์ไพรส์ได้ลงเล่นในแผงมิดฟิลด์
และตำแหน่งปราการด่านสุดท้ายเป็นโรเบิร์ต กรีนที่ได้รับเลือกเหนือเดวิด
เจมส์ในการลงเฝ้าเสา
ทีมสิงโตคำรามเริ่มเกมได้ดีกว่าด้วยการทำเกมบุกเข้าใส่ และมาได้ประตูขึ้นนำเร็วตั้งแต่นาทีที่ 4
เมื่อเฮสกีย์แตะบอลจากการจ่ายของรูนี่ย์ให้สตีเว่น
เจอร์ราร์ดหลุดเข้าไปซัดในเขตโทษผ่านมือทิม ฮาวเวิร์ดเข้าเสาแรก
หลังจากนั้นเป็นสหรัฐฯ ที่ต่อบอลทำเกมบุกได้ดีกว่าจนทำเอาอังกฤษต้องเน้นตั้งรับ
ก่อนที่มิลเนอร์จะรับใบเหลืองแรกของเกมไปในนาทีที่ 26 เพราะไปเสียบสตีฟ
เชรันโดโล่ ก่อนที่มิดฟิลด์จากแอสตัน วิลล่าจะถูกเปลี่ยนตัวออกในอีก 5
นาทีให้หลังโดยเป็นชอน ไรท์-ฟิลลิปส์ที่ถูกส่งลงไปแทน
ทีมแยงกี้มาได้ประตูตีเสมอก่อนหมดครึ่งแรก 5 นาทีเมื่อคลินท์ เดมป์ซี่ย์พาบอลขึ้นมาจากกลางสนามและพลิกหาจังหวะยิงจากระยะ 25 หลาแฉลบพื้น
แต่บอลตรงตัวกรีนที่ทำท่าจะรับได้แบบไม่มีปัญหาอะไรก่อนที่ลูกกจะกระฉอกออก
จากซองและกระดอนเข้าประตูไปแบบคาดไม่ถึง
อังกฤษต้องปรับเปลี่ยนทีมอีกครั้งด้วยการส่งเจมี่ คาร์ราเกอร์ลงไปแทนเลดลี่ย์ คิงเมื่อครึ่งหลังเริ่มต้นขึ้น
และเป็นฝ่ายกลับมาทำเกมบุกได้อีกครั้ง และพลาดการได้ประตูขึ้นนำในนาทีที่
52 เมื่ออารอน
เลนน่อนจ่ายบอลให้เฮสกีย์ได้ซัดเหน่งๆจากหน้าเขตโทษแต่ไปตรงตัวฮาวเวิร์ด
แฟรงค์ แลมพาร์ดล็อกหาจังหวะยิงไกล 25 หลาบ้างในนาทีที่ 63 แต่ก็ถูกฮาเวิร์ดปัดข้ามคานออกไปได้
หลังจากนั้นอีกสองนาทีสหรัฐฯก็ได้ลุ้นบ้างเมื่อโจซี่
อัลติดอร์ใช้ความเร็วเบียดผ่านคาร์ราเกอร์เข้าไปซัดในเขตโทษแต่โดนกรีนปัด
เอาไว้ได้ บอลกระดอนไปตกหน้าประตูแต่กองหลังอังกฤษยังตามไปเคลียร์ได้ทัน
อังกฤษบุกหนักในช่วง 20 นาทีสุดท้ายและได้ลุ้นสองครั้งติดในสองนาที โดยเริ่มจากนาทีที่ 74
ที่แลมพาร์ดเล่นเร็วด้วยการเขี่ยฟรีคิกสั้นๆให้รูนี่ย์ซัดจากหน้าเขตโทษแต่
เฉี่ยวเสาสองออกไป
นาทีถัดไปรูนี่ย์แทงบอลออกขวาให้ไรท์-ฟิลลิปส์หลุดเข้าไปซัดในเขตโทษแต่ โดนฮาวเวิร์ดที่ปิดมุมอยู่เสาแรกปัดเอาไว้ได้อีกครั้งอย่างเหนียวหนึบ จนทำให้เขาได้รับตำแหน่งแมนออฟเดอะแมตช์ในเกมนี้ไปครอง
ทั้งสองทีมทำประตูกันไม่ได้เพิ่มในเวลาที่เหลืออยู่ ทำให้ต้องแบ่งกันไปทีมละหนึ่งแต้ม และต้องไปลุ้นต่อในสองนัดที่เหลือกับแอลจีเรียและสโลวีเนีย
Tags:
© 2024 Created by thaiMCFC. Powered by