นักข่าวอังกฤษเป็นคนวิพากษ์ว่า "ตารางไม่เคยโกหก"
- พวกเรานักข่าวไทยก็นำมาใช้เพื่ออธิบายข้อความจริงกับผลงานในลีกของแต่ละทีม แน่นอนเหลือเกินว่า "ตารางไม่เคยโกหก" บอกว่าลิเวอร์พูลล่าสุดอยู่อันดับที่ 18 มันอันดับคะแนนของทีมที่ต้องดิ้นรนเพื่อไม่ให้ตกชั้น
- จะด้วยศักยภาพของนักฟุตบอลระดับทีมชาติคับคั่งในทีม อาทิ สตีเวน เจอร์ราร์ด, ราอูล เมเรเลส, คริสเตียน โพลเซน, มาร์ติน สเคอเทิล, โฆเซ เรนา, เกลน จอห์นสัน, เดิร์ก เคาต์ อันอาจทำให้เรามองว่าลิเวอร์พูลมิสมควรอยู่ในอันดับลุ้นหนีตกชั้น
- มาอยู่ใน relegation zone หรือโซนตกชั้น แต่ความจริงจากอันดับคะแนนก็ไม่เคยโกหกใครเพราะหาก "ดีจริง" ก็มิสมควรมาอยู่ตรงนี้
- ก่อนเกมแบลคพูลความมั่นใจคงมีไม่ใช่น้อยๆสำหรับเด็กหงส์ ทั้งเล่นในบ้านด้วย เจอกับทีมแบลคพูลด้วย อย่างน้อยเสมอก็เสียหน้าแล้ว สุดท้ายเลวร้ายหนักกว่าเดิมแพ้คาบ้านแถมยังโดนก่อน 2-0 ถ้าไม่ได้ไหวพริบของ เจอร์ราร์ด ที่ไม่ขอกำแพงแล้วเล่นฟรีคิกเร็ว จึงทำให้ได้ประตูตีไข่แตก แล้วเกมออกมาน่ายิงตีเสมอได้ในครึ่งหลัง
- รอย ฮอดจ์สัน กลายเป็นเป้าแห่งการวิจารณ์ เขากำลังทำงานอะไรอยู่
- ดูแนวคิดของเขานะครับ เขาต้องการให้ เจอร์ราร์ด เป็นกองกลางตัวรับคู่กับ คริสเตียน โพลเซน หรืออาจเป็น ราอูล ในช่วงที่กำลังไล่ยำแบลคพูลเพื่อตีเสมอ อาจใช้กลางอีกสามคนเล่นเกมรุกโดยมีหน้าเป้า และก็ต้องปรับมาเป็น 4-4-2 แถมก่อนแข่งนัดนี้แบกซ้ายไม่มีให้ใช้งาน ครั้นจะเลือก มาร์ติน เคลลี ที่เล่นแบกขวาก็กลัวเสียงาน
- คู่เซนเตอร์จึงเป็น คีร์เกียคอส-สเคอร์เทิล แบกซ้ายเป็น คาร์ราเกอร์ แบกขวา จอห์นสัน แดนกลาง เจอร์ราร์ด-โพลเซน กลาง 3 คนมี ราอูล ทางขวา โจ โคล ทางซ้ายและ เดิร์ค เคาต์ เป็นตัวหน้าต่ำออกแนวฟรี โดยมี ตอร์เรส ค้ำหน้า แบบนี้ปรับเป็น 4-4-2 ก็ได้
- พอเล่นไปได้ 10 นาที ตอร์เรส เจ็บโคนขาหนีบต้องออกจากสนาม!
- เหมือนเป็นลางร้าย...ซึ่งก็คงไม่เกี่ยวข้องกันเพราะแบลคพูลโชว์สปิริตในการเล่นแบบเต็มพิกัดไล่ทุกบอล วิ่งทุกคน แถมให้บอลแม่น โชว์การครองบอลที่ลิเวอร์พูลต้องยอมรับสภาพ บทสรุปมาปิดฉากที่ความโฉ่งฉ่างของ จอห์นสัน ตามฟอร์ม ทั้งประตูจุดโทษและประตู 2-0ที่ เซนเตอร์เดินขึ้นมาเพื่อเชคล้ำหน้าหมอนี่ห้อยท้ายอยู่คนเดียว เลยโดน จัดการซะ
- ด้วยความเคารพแบลคพูล พวกเขาเล่นได้สุดยอดสมควรกับชัยชนะเกมนี้ เพียงแต่หากกองหลังลิเวอร์พูลไม่อ่อนด้อย มันคงยากกว่านี้
- บางครั้งเกมอาจไม่เป็นทรงบอลแต่หากกองหลังรัดกุม ป้องกันดี โอกาสเสมอมีมาก แต่เมื่อเกมไม่เป็นรูปเป็นร่างกองหลังก็แย่อีก มันก็ไปกันใหญ่
- 7 นัด 6 คะแนนอยู่ที่ 18 แพ้ไปแล้ว 3 ชนะแค่ 1 เสมอ 3 นี่คือผลงานที่เลวร้ายที่สุดของหงส์แดงในการออกตัว ครั้งแรกนับจาก 19 ก.ย. 1964 ฤดูกาลนั้นบอลอังกฤษมี 22 ทีม คิดคะแนนสำหรับทีมชนะได้ 2 ทีมเสมอได้ 1 แต้ม เปิดฉากมา 7 นัด ลิเวอร์พูล ยุค บิลล์ แชงค์ลีย์ เริ่มเกมแรกชนะอาร์เซนอล 3-2 จากนั้นแพ้ลีดส์ 4-2 แพ้แบล็คเบิร์น 3-2 เตะกับลีดส์เร็วมากชนะ 2-1 เสมอแบลคพูล 2-2 แพ้เลสเตอร์ 2-0 แพ้เชฟฯเว้นส์เดย์ 1-0 ที่สำคัญนัดที่ 8 พวกเขาโดน เอฟเวอร์ตันบุกมาถล่ม 4-0 ในแอนฟิลด์
- 8 นัดชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 4 ได้ 7 แต้มอยู่กลุ่มท้ายตาราง...หลังวันที่ 19 ก.ย. 1964
- สุดท้ายปีนั้นลิเวอร์พูลได้ที่ 7
- แม้ รอย ฮอดจ์สัน อาจไม่ใช่กุนซือที่เข้ามาแล้วทำให้มันเปรี้ยงปร้าง แต่เวลานี้สิ่งที่เขาต้องทำคือพาลิเวอร์พูลให้หลุดพ้นจากโซนตกชั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับงานหนักหลังยูโร 2012 คัดเลือกจบลงเมื่อลิเวอร์พูลต้องข้ามสวนสาธารณะสแตนลีย์ พาร์คไปเยือน เอฟเวอร์ตัน
- อาทิตย์ที่ 17 ต.ค. ที่กูดิสัน ปาร์ค เหตุการณ์เหมือนปี 1964 กำลังจะมาซ้ำรอยเดิม ดูเหมือนว่าฉากถูกจัดเอาไว้ใกล้เคียงกันไม่น้อย
- ที่สำคัญคือเอฟเวอร์ตันอันดับ 17 ลิเวอร์พูล อันดับ 18 กลายเป็นสองทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์ ที่ต้องมาแย่งกันให้พ้นจากโซนท้ายตาราง "ดาร์บี้ แมตช์" อีก 14 วันข้างหน้าเข้มข้น ดุเดือด เลือดพล่านแน่ๆ
- เหลือเชื่อที่งานใหญ่ของ รอย ฮอดจ์สัน คือการพาลิเวอร์พูลหลุดพ้นจากโซนตกชั้น
- ลิเวอร์พูลอันดับที่ 18 มี 6 คะแนนเท่านั้นเอง
Tags:
-
▶ Reply to This