คาร์ลอส เตเบซหอกร่างเพนกวิ้นนัดนี้โชว์ฟอร์มเป็นพระเอกหลังเหมาคนเดียวสองประตูช่วยให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้บุกมาเอาชนะน้องใหม่แบล๊คพูลไปได้ 3-2 โดยเกมนี้พลิกไปพลิกมาแต่สุดท้ายเป็นทีมเรือใบที่เข้าวินทวงรองจ่าฝูงคืนจากอาร์เซน่อลได้สำเร็จ
พรีเมียร์ลีก
วันอาทิตย์ที่ 17 ตุลาคม 2553
แบล๊คพูล 2 : 3 แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ประตู : 0-1 คาร์ลอส เตเบซ น.67, 1-1 มาร์ลอน แฮร์วู้ด น.78, 1-2 คาร์ลอส เตเบซ น.79, 1-3 ดาบิด ซิลบา น.90, 2-3 แกรี่ เฟล็ตเชอร์ น.90+3
ครึ่งแรก
AJเข้าระยะทำการกิลต้องปัด
เกมเริ่มมา 6 นาทีซิตี้เกือบออกนำไปก่อนเมื่อ AJ ได้บอลที่กราบขวาล็อกตัดเข้ากลางแบบที่ถนัดแล้วส่องเต็มข้อทันทีบอลพุ่งแรงแต่กิลส์ยังไวปัดทิ้งไปได้
แคมป์เบลล์ส่อง
นาที 10 โอกาสเป็นของเจ้าบ้านบ้างเมื่อดีเจ แคมป์เบลล์เลี้ยงจี้เข้าหาเขตโทษล็อคหลบบริดจ์และกอมปานีหาช่องแล้วส่งจากนอกเขตโทษแต่ได้แค่เสียวบอลพุ่งหลุดเสาไปอย่างน่าเสียดาย
กอมป์โขกเต็มๆ
นาที 19 ซิตี้มีลุ้นอีกครั้งเมื่อเตเบซเล่นฟรีคิกเร็วจ่ายให้มิลเนอร์เลี้ยงขึ้นมาทางกราบซ้ายแล้วเปิดเข้ากลางไปให้เกอมปานีได้โหม่งเต็มๆแต่บอลไม่หนีมือพอทำให้กิลส์เซฟเอาไว้ได้
เรือรอดหวุดหวิด
นาที 26 ซิตี้รอดพ้นการเสียประตูแบบหวุดหวิดหลังสตีเฟ่น เฟล็ตเชอร์สลัดเลสค็อตต์ได้หลุดเข้าไปซัดเหน่งๆแต่ยังดีที่บัวเต็งวิ่งมาสกัดได้ทัน
แบล๊คพูลดีกว่าแต่จบห่วย
ช่วงครึ่งชั่วโมงแรกของเกมเจ้าบ้านรูปเกมดีกว่าอย่างเห็นได้ชัดทั้งเรื่องการครองบอลและโอกาสในการจบสกอร์แต่ทว่าจังหวะสุดท้ายนั้นยังไม่คมยิงทิ้งยิงขว้างซะส่วนใหญ่
เตเบซพักอกยิง
นาทีสุดท้ายของครึ่งแรกซิตี้เกือบได้เหมือนกันหลังบัวเต็งวางบอลเข้าไปในเขตโทษจากนั้นจอห์นสันเปิดต่อให้อเดบายอร์โหม่งโดนไม่เต็มแต่กลายเป็นดีมาเข้าทางเตเบซพยายามใช้อกยิงบอลแต่กิลส์ก็ยังไม่พลาดเซฟเอาไว้ได้ จากนั้นผู้ตัดสินก็เป่าจบครึ่งแรกไป
ครึ่งหลัง
แคมป์เบลล์ตัวต่อตัวฮาร์ทซัดหลุดเฉย
เริ่มครึ่งหลังมา 8 นาทีแฟนเจ้าบ้านแทบช็อกที่ทีมไม่ได้ประตูขึ้นนำหลังแคมป์เบลล์ได้โอกาสทองหลุดเดี่ยวเข้าไปดวลต่อตัวต่อกลับโจ ฮาร์ทแต่จังหวะสุดท้ายดันยิงหลุดเสาไปอย่างไม่น่าเชื่อ
เลสค็อตต์ท่าสวย
นาที 58 ซิตี้ได้ลูกเตะมุมเปิดเข้ากลางมาแล้วเป้นเลสค็อตต์ที่พยายามจะกระโดดวอลเล่ย์กึ่งๆจักรยารอากาศแต่สวยแค่ท่าเพราะบอลพุ่งข้ามคานออกหลังไป
อดัมกดเต็มข้อ
นาที 63 แบล๊คพูลกลับมามีโอกาสใกล้เคียงอีกครั้งคราวนี้เป็นชาลี อดัมที่ได้ส่องเต็มเท้าจากระยะประมาณ 22 หลาบอลพุ่งแรงรอดขาผู้เล่นซิตี้แต่ฮาร์ทเซฟเยี่ยมปัดออกหลังไปได้
มันโช่แก้เกมถอดบายอร์-ส่งซิลบา
นาที 66 โรแบร์โต้ มันชินี่อยู่เฉยไม่ได้แล้วหลังเกมเริ่มเป็นรองอย่างเห็นได้ส่งดาบิด ซิลบาลงมาเล่นแทนเอ็มมานูเอล อเดบายอร์ที่วันนี้แทบไม่มีบทบาทเลย
1-0!เตฟดีดเรือนำเฉย
นาที 67 ซิตี้บอกจะได้ก็ได้ง่ายเลยๆจากจังหวะที่มิลเนอร์ตอกส้นให้ซิลบาตัวสำรองที่เพิ่งลงมาหลุดไปทางกราบซ้ายแล้วเปิดเข้ากลางให้เตเบซวิ่งโฉบตัดหน้ากองหลังแบล๊คพูลดีดบอลเข้าประตูไป ซิตี้ออกนำ 1-0
มิลเนอร์ปั่นชนคาน
หลังได้ประตูขึ้นนำเกมของซิตี้ก็ดูดีขึ้นมาทันตาเห็นและเกือบได้ลูกสองด้วยจากจังหวะที่มิลเนอร์ได้บอลอยู่ทางกราบซ้ายแต่งบอลให้เข้าขวาแล้วปั่นเลยบอลลอยสวยทำท่าจะเข้าอยู่แล้วแต่ดันไปชนคานกระเด้งออกมา
แฮร์วู้ดโขกตีเสมอ
นาที 78 แบล๊คพูลตีเสมอได้สำเร็จจากจังหวะฟรีคิกทางริมเส้นฝั่งขวาโยนเข้ากลางไปแล้วเป็นมาร์ลอน แฮร์วู้ดตัวสำรองที่ลงมาครึ่งหลังโขกเปลี่ยนทางตุงตาข่ายแบล๊คพูลตีเสมอ 1-1
เตฟซัดแฉลบเรือนำอีกแล้วจ้า
เสียประตูตีเสมอไม่ถึงนาทีซิตี้ได้ประตูออกนำอีกครั้งจากจังหวะหวงบอลไม่เข้าเรื่องของแบล๊คพูลหลังไม่ยอมเคลียร์บอลทิ้งที่หน้าบ้านตัวเองทำให้โดนเตเบซฉกบอลไปซัดแฉลบกองหลังเสียบเสาเข้าประตูไป ซิตี้นำอีกรอบ 2-1
เกือบแฮตทริก!เตฟซัดแฉลบชนคาน
นาที 87 เตเบซเกือบทำแฮตทริกได้หลังได้บอลพิงกองหลังแบล๊คพูลอยู่ในเขตโทษแล้วชิงเหลี่ยมพลิกหาช่องได้สำเร็จบอลไปแฉลบขาอีแวตต์พุ่งชนคานออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
ปิดกล่อง!ซิลบาหลบสองปั่นหาย
นาทีสุดท้ายของการแข่งขันซิตี้มาได้ประตูปิดกล่องจากความสามารถเฉพาะตัวของดาบิด ซิลบาล้วนๆเหลังได้บอลอยู่ทางกราบขวาเลี้ยงจี้เข้าหาเขตโทษหลบกองหลังแบล๊คพูลไปสองแล้วปั่นไปทางเสาสองบอลพุ่งเสียบตาข่ายเข้าประตูไปอย่างสวยงามซิตี้หนี 3-1
3-2!เจ้าบ้านมีลุ้น
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บแบล๊คพูลมาได้ประตูไล่ขึ้นมาเป็น 3-2 จากจังหวะเตะมุมที่เปิดเลียดเข้ากลางมาให้เพื่อนยิงจังหวะแรกบอลพุ่งไปทางเสาสองเข้าทางเฟล็ตเชอร์ยิงซ้ำเปลี่ยนทางบอลเข้าประตูไป อย่างไรก็ตามสุดท้ายก็ไล่ไม่ทันทำให้จบเกมซิตี้บุกมาเอาชนะแบล๊คพูลไปได้ 3-2
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
แบล๊คพูล : แมทธิว กิลส์, เอียน อีแวตต์, เคร็ก แคธคาร์ต, สตีเฟ่น เครนี่ย์, นีล เอิร์ดลี่ย์ (ฟิลลิปส์ น.76), เดวิด วอห์น, ชาลี อดัม, เอเลียต กรานดิน (แฮร์วูด น.66), ลุค วาร์นี่ย์, ดีเจ แคมป์เบลล์, แกรี่ เฟล็ตเชอร์
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : โจ ฮาร์ท, โจลีออน เลสค็อตต์, แวงซองต์ กอมปานี, เวย์น บริดจ์, เจอโรม บัวเต็ง (ริชาร์ดส น.76), ไนเจล เดอ ยอง, แกเร็ธ แบร์รี่, เจมส์ มิลเนอร์, เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ (ซิลบา น.66), คาร์ลอส เตเบซ , อดัม จอห์นสัน (วิเอร่า น.85)