Members

ผมมองว่า "เสน่ห์" หรืออาจจะเรียกว่า "สีสัน" หรืออะไรก็สุดแล้วแต่ของการเป็น Football Pundit หรือนักวิเคราะห์ผลฟุตบอล ก็คือ การเลือกใช้ "กลยุทธ์" ใดกลยุทธ์หนึ่ง หรือผสมรวมกันเพื่อ "กลั่นกรอง" ผลการแข่งขันสุดท้ายออกมา
ส่วนตัวแล้วจะใช้หลัก 3-4 ประการ อาทิ ความรู้ (Knowledge), สถิติ (Statistic), ข้อมูล เช่น ผู้เล่นบาดเจ็บ (Data) และสัญชาตญาณ (Instinct)
ทั้งนี้ "ฟุตบอล" เองหลายครั้งก็ "อธิบาย" ไม่ได้ แต่เป็นที่เข้าใจได้ว่า นี่แหละคือฟุตบอล ดังที่เราได้ยินคำพูดเช่น "ฆ่าเค้าไม่ตาย เราก็มีสิทธิ์ถูกฆ่า" ในฟุตบอลที่อาจเป็นต่อโดยตลอด แต่ยิงไม่ได้ หรือยิงไม่ขาด
สุดท้าย ความไม่คมของเราก็อาจย้อนกลับมาหลอกหลอนเราเองเหมือนเกมฟุตบอลนั้น "ไม่แฟร์" เหมือนกำปั้นไม่มีรู เพราะต่อยคู่ต่อสู้เกือบตาย สุดท้ายโดนหมัดเดียวน็อกไปเลยก็มีบ่อยๆ
เมื่อวันเสาร์ มีเกมอย่างน้อย 2 คู่ : ปอร์ทสมัธ - เชลซี และสเปอร์ส - แมนฯยูฯ ที่ผมสับสนระหว่างคำว่า "สมอง" กับ "หัวใจ"
แต่ก็เขียนวิเคราะห์ไปตรงๆ ว่า เลือก "หัวใจ" หรือ "สัญชาตญาณ" นั่นแหละให้เชลซี และแมนฯยูไนเต็ด จะเป็นผู้ชนะ ทั้งๆ ที่หากใช้ "สมอง" ซึ่งก็จะประกอบด้วยการเอา สถิติ, ข้อมูล และความรู้มาพิจารณาฟอร์มการเล่นแล้ว โอกาสที่เจ้าถิ่นไม่แพ้นั้นมี "สูงมาก"
ตรงกันข้าม วันอาทิตย์ผมเลือก "สมอง" ด้วยการชี้ไปที่โบโร่มากกว่า "หัวใจ" ที่บอกดังลั่นว่า นิวคาสเซิลของเควิน คีแกน จะต้องชนะเสียที
โดยผลการแข่งขันก็เป็นอย่างที่ทราบนะครับว่า วันเสาร์ "สมอง" ชนะ และวันอาทิตย์ "สมอง" ก็ยังชนะ และหากคุณผู้อ่านท่านใดเลือกเกม 3 คู่นี้ "ถูกหมด" ผมขอยอม "ซูฮก" ให้เลยครับว่าใจท่านใหญ่ แข็ง และเหี้ยมจริง ๆ
ขณะที่อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ มันง่ายกว่ามากครับในการวิเคราะห์ว่าทีมใหญ่ หรือทีมเป็นต่อจะชนะ (แต่จะชนะเท่าไหร่?)

หรือก็คือ มัน (รู้สึก) ได้ง่ายกว่า สบายตัวกว่าจะบอกว่า ทีมรองจะ "สู้ได้" หรือก็คือเสมอได้เป็นอย่างน้อย
ดังนั้น ผมจึงรู้สึก "สุขใจ" นะครับสำหรับผลการแข่งขันพรีเมียร์ลีกสัปดาห์นี้ เพราะฟุตบอลมี "เหตุ" และ "ผล" ของมันแบบถูกต้อง แม้ผลการแข่งขันจะทำให้ผมทำนายผิดไปหลายคู่ เฉพาะอย่างยิ่งวันเสาร์ก็ตามครับ (แหะ ๆ)
...สำหรับ "เรื่องหลัก" ของผมในวันนี้ก็คือ การขออนุญาตพาย้อนไปพูดประเด็นการซื้อขายในช่วง ค่ำคืนวันพฤหัสบดีที่ 31 ม.ค.ใกล้ ๆ เที่ยงคืนเวลาอังกฤษที่ผ่านมา
ครับ "คิกออฟ" รู้ทั้งรู้ว่า จะต้อง "พลาด" รถไฟขบวนสุดท้ายแน่ๆ เพราะใกล้เที่ยงคืนคือช่วงลดแลกแจกแถม และจะต้องมี "ดีล" น่าสนใจเกิดขึ้นชัวร์ป๊าบ
แต่เพราะเวลาที่ต่างกัน 7 ชั่วโมง เราเลยต้องยอมพลาดข่าว เจอร์เมน เดโฟ ย้ายทีม หรือเบนจานี ย้ายทีม (ไม่ทัน) ไปอย่างน่าเสียดาย
กรณีทั้ง 2 ข้างนั้นยังไม่จบ และกำลังอยู่ในช่วงรอ "เอฟเอ" ตัดสินก่อนว่า เบนจานีนั้นย้ายทันในทางทฤษฎีหรือเปล่า? หรือหมายถึง "เอกสาร" ต่าง ๆ ส่งทันหรือเปล่า?
แม้ในภาคปฏิบัติใครๆ ก็รู้ว่า เบนจานีมาถึงแมนเชสเตอร์ช้าเกินไปก็ตาม...
ล่าสุด ผมได้ฟังคอมเมนต์จากคอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ดังหลายคนของอังกฤษ อาทิ มาร์ติน ซามูเอล (เดอะ ไทม์ส), แซม วัลเลซ (ดิ อินดิเพนเดนท์) ฯลฯ ที่มองประเด็นนี้ได้น่าสนใจมาก
เค้ากล่าวกันว่า "เหตุผล" ที่เบนจานีไปถึงสโมสรแมนฯซิตี้ช้านั้นเกิดจากการ "ตกเครื่องบิน" ถึง 2 เที่ยวด้วยกัน

เป็นไปได้ไหมที่คนคนหนึ่งจะตกเครื่องบินได้ถึง 2 เที่ยวใน 1 วัน!?
มากกว่านั้นก็คือ การตรวจร่างกายของเบนจานีนั้นพบว่า "หัวเข่า" มีปัญหา ฉะนั้นทฤษฎีการไม่ไว้วางใจ และกลัวโดน "ย้อมแมว" หรือ "ย้อมแม้ว" ท่านประธานสโมสร ทักษิณ ชินวัตร จึงเกิดขึ้น!?
มีใครจะเจตนาให้เบนจานีมาถึงช้าเพื่อจะได้รีบๆ
ปิดดีลกลบเกลื่อนการบาดเจ็บหรือเปล่า!?
คำถามต่างๆ ข้างต้นนั้น ผมไม่ยืนยัน และตอบเองไม่ได้ นอกจาก "เวลา" จะเป็นเครื่องพิสูจน์นะครับ
ทว่า "คำตอบ" ที่ตอบได้ตอนนี้มีอยู่ 3-4 ข้อด้วยกันคือ:
1.สเวน กล่าวหลังเกมแพ้อาร์เซนอล "ชัดเจน" ว่าเค้าต้องการเบนจานีจริง
2.หากเบนจานีไม่ได้ถูกติดต่อจากแมนฯซิตี้ และตกลงราคาซื้อขายกันแล้ว ปอร์ทสมัธก็คงไม่ติดต่อขอซื้อ เจอร์เมน เดโฟ เพราะค่าตัว (fees) 7-8 ล้านปอนด์ของเบนจานีจะถูกนำมาจ่ายเป็นค่าตัวเดโฟ
สุดท้าย พอปอมปีย์ทำท่าจะไม่ได้เงิน ดีล "เดโฟ" จึงถูกตีข่าวเช้าวันอาทิตย์บนหน้าสื่ออังกฤษทันทีว่าเป็นแค่การ "ยืมตัว" หรือ Loan deal เท่านั้น
3.ผมขอย้อนบทสนทนาของตัวเองกับ "คุณแจ็ค" ทวีศักดิ์ ศรีสัมฤทธิ์ บอร์ดบริหารแมนฯซิตี้ และ "ตัวแทน" คุณทักษิณในทีมหน่อยครับว่า
คุณแจ็ค พูดเน้นบ่อยมากเกี่ยวกับ "อายุ" นักเตะ และเงินค่าตัวที่จะจ่ายเพื่อการลงทุน
ทั้งนี้ นิโกล่าส์ อเนลก้า ดาวยิงระดับโลก ระดับการันตีประตูซึ่งอายุ 27 ปี คุณแจ็คยังบ่นแพงเรื่องค่าตัว 15 ล้านปอนด์
ดังนั้น เบนจานีวัย 29 ปีกับค่าหัวถึง 7-8 ล้านปอนด์ ผมสามารถพูดแทน "คุณแจ็ค" ได้เลยว่า "Very expensive"
ฉะนั้นอีก "สมมติฐาน" จึงเป็นไปได้ว่า มีบอร์ดบริหารบางคนอาจจะไม่เห็นด้วยกับสเวนในการซื้อเบนจานี และพยายามจะ "ล้มดีล" นี้ด้วยหรือเปล่า?
หรือไม่ก็เพราะซิตี้กลัวชาวบ้านสบประมาทว่า "โง่" ที่ซื้อนักเตะอายุมาก, ราคาแพง แถมหัวเข่าเดี้ยงมาเสริม!?
แต่ข้อ 4 และเป็นข้อสุดท้ายที่ต้องพูด และสรุปได้ก็คือ ซิตี้ desperate หรือตกอยู่ในสถานการณ์กระสันจะได้นักเตะมาเสริมทีมที่กำลังคลอนแคลนจริงๆ
และจะเป็นใครก็ได้ที่พอมีระดับ, แจ้งเกิดแล้ว และอายุไม่เกี่ยงที่ 7-8 ล้านปอนด์ครับ...
ไข่มุกดำ 's column โดย ไข่มุกดำ
ข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์คิกออฟ ฉบับที่ 3119

Views: 163

Reply to This

Replies to This Discussion

เฮือม......ข้อมูลน่าสนใจ.....ถ้าซื้อกองหน้าตัวเจ็บ(ร่างกาย)มารักษา city ก็มีต้วฝีเท้าเป็นเลิศ แต่ร่างกายยังเจ็บให้รักษามากพออยู่แล้ว ลุงว่าหาทางอุดหลังซ้ายกับกลางลากเลื้อยแล้วส่งแม่นๆ จะกี่สิบล้านปอนด์ก้ดูน่าจะคุ้มกว่านะ อ้ออีกอย่างเค้าไม่ได้เรียกว่ากระสันนะครับ เค้าเรียกว่าแก้ปัญหาเฉพาะหน้าครับเพราะถึงจะเดี้ยงยังไงเวลาแกได้ลงเล่นก็ยังดูแจ๋วกว่ากองหน้าตัวที่เล่นได้ของเราในยามนี่
เห็นด้วยคะ แพงโคตร กับเบนจานี่
ถ้า 9 ล้าน ไป deal กับ แมวดำ เอา
โจนน์ ดีกว่าคะ
หรือ ยอมจ่ายอีกนิดเพื่อ อฟองโซ่ ดีกว่าคะ
มันชีนี่ ก็ดีไม่แพงด้วยคะ
โจนส์ คงไม่ได้หรอครับคุณ kaney รอยคีนหวงยิ่งกว่าไข่ในหิน

ตอนนี้ มีไดเซโด้ สตาร์ริด โบจินอฟ คัสติญโย่ วาสเซล เอ็มเพ็งซ่า เอตูฮู

ถ้ามาแบบฟูลทีม หน้าเราก็เย๊อะใช่เล่นแล้วน๊ะครับผมว่าไม่ต้องเอาเพิ่มแล้วล๊ะ

ผมว่าตัวหน้าจริงๆเราไม่ได้ขาดน๊ะ แต่ขาดตัวหัวใจ คือกลางรุก ที่ตอนนี้ของเรา

ยังเจ็บอยู่คือไมเคิล จอห์นสัน ถ้าจอห์นสันกลับมาเมื่อไหร่ ไอ้พวกสากๆเนี่ยจะ

กลายเป็นขีปนาวุธได้เอง น่าจะหากลางรุกแทนไมเคิล จอห์นสัน มากกว่าน๊ะ
เห็นด้วยกับลุงและเพื่อนฯครับกองหน้าที่เราได้มาและมีอยู่เพียงพอแล้วครับปรับหลังและกลางนิดหน่อยฝึกซ้อมให้เล่นเข้าขาและเข้าใจกันให้เป็นระบบเหมือน เอซี มิลาน รับรอง ไป Top4 ไม่ยากแน่ครับ
นะถ้าไปตามตื้อ มันชินี้ ของ โรม่ามายืนปีกขวานะสุดยอด
ครับ อยากได้มันชินี่ครับ สุดยอดมาลากเลื้อยทางขวา ช่วงนี้รู้สึกฟอร์มดีมาก

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.