คาร์ลอส เตเบซแสดงให้เห็นแล้วว่าใจเขาเต็มร้อยให้กับแมนเชสเตอร์ซิตี้ทุกนัดที่ลงเล่นและนัดนี้ความขยันของเตฟบวกกับการมีส่วนทั้ง 3 ลูกทำให้เรือใบสีฟ้าของท่านชีคบุกไปโซ้ยนิวคาสเซิ่ลถึงถิ่นเซนต์เจมส์ปาร์ค 3-1 แซงอาร์เซน่อลขึ้นไปรั้งรองจ่าฝูงสำเร็จ
พรีเมียร์ลีก
วันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม 2553
นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 1 - 3 แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ประตู : 0-1 แกเร็ธ แบร์รี่ น.2, 0-2 คาร์ลอส เตเบซ น.5, 1-2 แอนดี้ แคร์โรล น.72, 1-3 คาร์ลอส เตเบซ น.81
เกมนี้แมนเชสเตอร์ซิตี้ที่เพิ่งเสียโอกาสขึ้นนำจ่าฝูงมีโอกาสที่จะทำแต้มขึ้นไปรั้งรองจ่าฝูงได้ชั่วคราว 1 วันถ้าบุกมาเก็บสามแต้มจากนิวคาสเซิ่ลได้ แต่เจ้าถิ่นก็ฟอร์มกำลังแรงหลังจะที่สองสัปดาห์ก่อนเพิ่งจะเด็ดปีกหงส์แดงลิเวอร์พูลลงได้ราบคาบ
ครึ่งแรก
แบร์รี่เคลมเร็ว
เริ่มเกมมาแค่ 2 นาทีทีมเยือนแมนซิตี้ขึ้นนำอย่างรวดเร็วเตเบซจ่ายให้แบร์รี่กดด้วยซ้ายสวนตัวทิมครูลเข้าไปให้แมนซิตี้ทีมเยือนขึ้นนำตั้งไก่ยังไม่โห่
นิวเมาหมัดเตเบซกด2-0
อีกแค่อึดใจนาทีที่ 5 แมนซิตี้ก็มาได้ประตูที่สองทันควันโดยเป็นความขยันของเตเบซพาบอลขึ้นมาก่อนป้ายให้มิลเนอร์เปิดเรียดกลับมาที่จุดนัดพบให้เตเบซแปเสียบสามเหลี่ยมไม่เหลือ
คาร์โรลขวิดเต็มกบาล
ถัดมาแค่นาทีเดียวเกมยังมันส์อย่างต่อเนื่องและเป็น เวย์น เราเล็ดจ์เปิดเข้ามาอย่างแม่น คาร์โรล เทคตัวขึ้นโขกคนเดียวแต่ทิศทางไม่ดีพอบอลโด่งเข้ามือโจฮาร์ทรับติดมือ
เรือใส่ไม่ยั้ง
เกมดุเด็ดเผ็ดมันส์เหลือเกินแค่นาที 14 เตเบซก็ได้พื้นที่และเมื่อไม่มีใครเข้าสกัด เตฟก็จัดการส่องไกลแต่บอลเหินข้ามคานไปนิดเดียว ถัดมาอีก 3 นาทีโคลารอฟได้สับไกหน้ากรอบอีกครั้งแต่ก็ตรงตัวทิม ครูล
บาร์ตันล็อกเป้าซิลบา
เกมนี้ซิลบากับบาร์ตันปะทะกันจัง ๆ 2 จังหวะโดยจังหวะแรกนาที 27 บาร์ตันเข้าบอลแบบไม่ยั้งซิลบาตัวลอยกระเด็น และถัดมาอีกอีก 2 นาทีซิลบาเข้าบอลเอาคืนบ้างโดยเขาเข้าบอลช้ากว่าบาร์ตันทำให้เสียใบเเหลืองไป
โนแลนหล่อลื่น
นาที 41 บอลครอสด้านข้างของนิวคาสเซิ่ลยังน่ากลัวอยู่เสมอและคราวนี้แคร์โรลได้ขึ้นโขกแต่พยายามจะโขกชงให้โนแลนแต่กัปตันนิวคาสเซิ่ลกกลับลื่นไปอย่างน่าเสียดาย ท้ายเกมแมนซิตี้พยายามเกมบอลประคองสกอร์แต่นิวคาสเซิ่ลก็มามีโอกาสจากช่วงทดเวลาจากลูกโขกของแคร์โรลเจ้าเก่าแต่ก็ไม่สำเร็จ เจ้าถิ่นตามหลังอยู่ 0-2
ครึ่งหลัง
นิวเกือบได้จุดโทษ
เริ่มเกมมาทั้งสองฝ่ายก็บุกใส่กันแบบไม่มีเหนียมนาที 49 นิวคาสเซิ่ลได้เปิดบอลหน้ากรอบเขตโทษเหมือนจะไปโดนแขนแบร์รี่ซึ่งอยู่ในเขตโทษแต่ผู้ตัดสินไม่ได้ว่าอะไร
เกมนิวดูตัน ๆ
เกมค่อนข้างเดือดและปะทะแลกกันกลางสนามซะเป็นส่วนใหญ่ แมนซิตี้ค่อนข้างกดดันนิวคาสเซิ่ลได้ดีทำให้เจ้าถิ่นหาจังหวะแทบไม่เจอ นาที 67 โนแลนเกมตกจังหวะสองแต่บอลไม่มุมพอเข้าซองฮาร์ทรับสบาย
สูตรเดิม!บาร์ตันเปิดแคร์โรลโขก
นาที 71 นิวคาสเซิ่ลได้ฟรีคิกและบาร์ตันก็กะเปิดให้แคร์โรลตามสูตรแต่บัวเต็งรู้ทันสกัดออกหลังไปได้แต่เมื่อถึงลูกเตะมุมของบาร์ตันเจ้าเก่าโยนมาให้ที่จุดนัดพบแคร์โรลโขกลงพื้นเน้น ๆ เข้าไปตุงตาข่ายโดยจังหวะนี้ฮาร์ทพยายามฟ้องผู้ตัดสินว่าเขาโดนโนแลนนั้นยืนขวางและน่าจะเป็นลูกฟาวล์
เรือโงหัวไม่ขึ้น
แมนซิตี้เริ่มเสียกระบวนโดยนิวคาสเซิ่ลได้ใจโยนบอมบ์แหลกและนาที 74 เรนเจอร์ได้โขกโฉบถึงบอลก่อนฮาร์ทแต่บอลไม่ตรงกรอบ นาที 77 เรนเจอร์ได้เปิดเรียดเข้าไปแบบได้ลุ้นแต่แบร์รี่ก็เคลียร์ทิ้งไปได้ทัน
เตฟสวนน่าจะฝังได้
จากจังหวะตัดบอลได้จากแดนนิวคาสเซิ่ลเตเบซทำชิ่งกับจอห์นสันก่อนที่เตเบซจะหลุดเข้าไปแต่จังหวะสุดท้ายไม่รีบยิงตัดสินใจล็อคก่อนหนึ่งทีทำให้หลังนิวคาสเซิ่ลกรูกันมารุมกินโต๊ะก่อนเคลียร์บอลออกไปได้สำเร็จ
โนแลนได้แค่เกือบ
เรนเจอร์โขกชงให้โนแลนถึงบอลก่อนโจฮาร์ทแต่บอลถากเสาออกไปจิ๊ดเดียวในนาที 79
เตฟฝังสำเร็จ
นาที 81 แมนซิตี้ก็มาหนีเป็น 3-1 จนได้โดยเกมก็เริ่มจากเตเบซเจ้าเก่าฝากบอลให้จอห์นสันก่อนไปหาที่ว่างให้เอเจคืนให้แข้งอาร์เจนไตน์ที่ยืนโล่งอยู่ก่อนที่สับไกไปแฉลบซิมป์สันกับโคลอชชินี่ถึง 2 เด้งหนีมือทิมครูลเข้าไปเป็นลูกที่สองของเตเบซและช่วยให้เรือใบน่าจะเล่นง่ายขึ้นกับเวลาที่เหลือ
เรือเกือบได้เม็ด 4
นาที 87 แมนซิตี้ได้สวนขึ้นมาอีกครั้งคราวนี้เป็นทีของจอห์นสันแต่จังหวะสับไกสุดท้ายติดบล็อกเอ็นริเก้ และมาถึงทดเจ็บนาทีแรก บาร์ตันได้ส่องฟรีคิกระยะไกลแต่โจฮาร์ทพุ่งปัดออกหลังไปได้อย่างหวุดหวิด จบเกมแมนซิตี้บุกเอาชนะนิวคาสเซิ่ลถึงถิ่น3-1 เก็บสามแต้มขึ้นไปนั่งแท่นรองจ่าฝูงได้สำเร็จ
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด : ทิม ครูล, ฟาบริซิโอ โคลอชชินี่, สตีเฟ่น เทย์เลอร์, โฆเซ่ เอ็นริเก้, แดนนี่ ซิมป์สัน, ชีค ติโอเต้, โจอี้ บาร์ตัน, เควิน โนแลน , โจนาส กูเตียร์เรซ, เวย์น เราท์เล็ดจ์(เรนเจอร์ น.60), แอนดี้ คาร์โรล
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : โจ ฮาร์ท , โจลีออน เลสค็อตต์ , แว็งซองต์ กอมปานี, อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ, เจอโรม บัวเต็ง, ไนเจล เดยอง, ยาย่า ตูเร่, แกเร็ธ แบร์รี่, เจมส์ มิลเนอร์, ดาบิด ซิลบา (จอห์นสัน น.70 ), คาร์ลอส เตเบซ(บาโลเตลลี่ น.86 )