แมนเชสเตอร์ ซิตี้ยุติการรอคอยความสำเร็จมาอย่างยาวนานถึง 35 ปีด้วยการเถลิงคว้าโทรฟีย์เอฟเอ คัพหลังเบียดชัยเหนือสโต๊ค ซิตี้ 1-0 จากประตูโทนของยาย่า ตูเร่และถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าของท่านชีคหลังก่อนหน้านี้ได้ตั๋วไปแชมเปี้ยนส์ลีกซีซั่นหน้าเรียบร้อยแล้ว
เอฟเอ คัพรอบชิงชนะเลิศ
วันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม 2554
แมนฯซิตี้ 1-0 สโต๊ค
ประตู : 1-0 ยาย่า ตูเร่ น.73
โรแบร์โต้ มันชินี่กุนซือคนหนุ่มของแมนฯซิตี้จัดทัพแกร่งหมายปลดล็อกนำทีมคว้าแชมป์หนแรกในรอบ 35 ปีโดยมาริโอ บาโลเตลลี่ได้โอกาสยืนหอกคู่กับคาร์ลอส เตเบซ
ด้านสโต๊คที่เป็นรองกำลังคะนองหลังเอาชนะอาร์เซนอลมา 3-1 งานนี้มีเควิน โจนส์เป็นหอกตัวเป้าและมีเจอร์เมน เพนแนนท์ลากเลื้อยทางริมเส้นโดยที่ทีเด็ดอยู่ตรงลูกทุ่มไกลของรอรี่ ดีแลปที่ว่ากันว่าเจ็บขาเจ็บน่องได้แต่ห้ามเจ็บแขน
ครึ่งแรก
เรือพับสนามข้างเดียว
ช่วงต้นเกม 10 นาทีแรกเป็น"เรือใบ"ที่ขึงเกมพับสนามสโต๊คจนแทบโงหัวไม่ขึ้นแถมลูกเปิดของโคลารอฟทางปีกซ้ายเป็นชอร์ครอสส์สไลด์ตัดที่เสาแรกบอลแฉลบชนข้างตาข่ายเกือบเข้าประตูตัวเอง
จากนั้นไม่ถึงนาทียาย่า ตูเร่ยิงไกลเต็มข้อจากระยะ 25 หลาบอลติดไซด์ก้อยหนีเสาถากออกไปไม่ถึงนิ้ว
หม้อเริ่มดีขึ้น
เกมของ"ช่างปั้นหม้อ"ดูดีขึ้นเล็กน้อยหลังได้ครองบอลและเป็นฝ่ายเข้าทำได้มากขึ้นแต่ยังไม่มีจังหวะสับไกหรือเสียวในกรอบเขตโทษเลย
เกรียนโอ้เกือบซัด 1-0
เกมที่ไม่แน่นอนของสโต๊คทำให้"เรือใบ"ได้บุกได้สวนจนนาที 24 เกือบได้ประตูขึ้นนำหลังยาย่า ตูเร่รับบอลจากซิลบาที่แงะจากปีกขวาก่อนกระชากลากเดี่ยวขึ้นมากำลังจะเข้าเขตโทษแล้วป้ายให้บาโลเตลลี่ปั่นไซด์บอลกำลังจะเสียบเสาไกลแต่โซเรนเซ่นบินปัดมือเดียวออกหลังเสียเตะมุม
กอมปานีมาเอง
อีก 6 นาทีต่อมากอมปานีเติมเกมรุกรับเอาลูกที่เพื่อนถูกสกัดตรงหน้าเขตโทษแล้วลากไปยิงตรงระยะ 20 หลาแต่บอลบดตรงตัวโซเรนเซ่นที่รับกระฉอกก่อนตามมาตระครุบดาบสองไว้ทันเวลา
ซิลบายิงเหน่งๆข้ามคาน
ก่อนหมดครึ่งแรก 10 นาที"เรือใบ"น่าจะได้ประตูอย่างที่สุดหลังบาโลเตลลี่วิ่งเข้าเขตโทษเอาลูกที่เพื่อนหยอดโด่งมาให้แต่ตอนดึงลงเจอโซเรนเซ่นเข้ามาบีบจนบอลหนีห่างตัวแล้วซิลบาไม่รู้มาจากไหนวิ่งมากระโดดวอลเลย์กดบอลลงพื้นจากระยะ 8 หลาบอลกระเด้งข้ามคานเหลือเชื่อ
หมด 45 นาทีพร้อมทดเจ็บอีกสองนาทีเศษๆสกอร์จบ 0-0 และถ้าเป็นมวย"เรือใบ"คะแนนนำขาดลอยเพราะบุกแทบจะข้างเดียวจริงๆ
ครึ่งหลัง
ซิลบาช้าชวดช็อก
"ช่างปั้นหม้อ"เหมือนจะอัพสปีดในเกมรุกให้ดูวูบวาบขึ้นแต่ยังขาดตัวจบสกอร์หรือตัวที่กล้าได้กล้าเสียแถมเพนแนนท์ตอนนี้อาการน่าเป็นห่วงเจอยันกระเผลกทำให้อาการเจ็บจากครึ่งแรกเริ่มมีปัญหา
นาที 55 "เรือใบ"น่าจะขึ้นนำสุดๆหลังสวนกลับบอลทิ้งยาวให้เตเบซวิ่งควบไปเอาตรงริมเส้นแล้วคลึงล็อกจนสองกองหลังที่วิ่ตีคู่มาพรวดเกือบทะลุปากช่องแล้วอดีตหอกแมนฯยูฯเหลือบเห็นซิลบาวิ่งพรวดมายืนกางมุ้งในเขตโทษคนเดียวเลยเปิดเลียดมาให้สุดยอดแต่ปีกทีมชาติสเปนเลือกที่จะจับเพื่อให้เข้าซ้ายเลยเจอกองหลังสโต๊ควิ่งมาตัดเคลียร์ทิ้งออกไปก่อน นี่ถ้าเป็นคนถนัดขวาวิ่งมานิงเลือกมุมนิ่มแน่นอน
โจนส์หลุดเดี่ยวพลาด!
อีก 7 นาทีต่อมาสโต็คเกือบช็อกแฟน"เรือใบ"หลังเจอบอลโบราณสาดยาวจากแดนตัวเองพอบอลตกลงพื้นเป็นโจนส์ที่วิ่งแซงเลสค็อตต์จนเหลี่ยมดีกว่าแล้วหลุดเข้าเขตโทษตัวตัวกับฮาร์ทแต่ตอนยิงเหมือนสุดเลยยิงแบบดีดๆปลายเท่าเลยติดบล็อกชวดโอกาสทองที่สุดไปอย่างน่าเสียดาย
เตเบซยิงไกล
นาที 64 เตเบซใช้ความสามารถเฉพาะตัวพลิกบอลตรงหน้าเขตโทษแล้วซัดด้วยอีขวาบอลเลียดพุ่งน่ากลัวแต่โซเรนเซ่นที่วันนี้เล่นดีล้มตัวรับหนึบหนับ
ยาย่ากดหาย 1-0!!!
ในที่สุดนาที 73 "เรือใบ"มาได้ประตูที่รอคอยเริ่มจากจังหวะที่ซิลบาทำชิ่งแล้วตัวเองวิ่งทำทางเข้าเขตโทษและเหมือนฮูธจะเหลี่ยมดีกว่าแต่ปีกนาโนไปแงะแย่งมาได้แล้วปาดให้"เกรียนโอ้"สไลด์ยิงติดบล็อกแต่บอลทะลักมาเข้าทางยาย่า ตูเร่ที่วิ่งมาตะบันด้วยอีซ้ายเหมือนยิงจุดโทษตูมเดียวบอลพุ่งตรงเป็นลำแสงตรงๆจนโซเรนเซ่นเดาทางไม่เพราะกองหลังพุ่งไปบล็อกสองตัวจนบังแถมมีเตเบซยืนบังทางอีกตัวด้วย ซิตี้นำแล้ว 1-0
หม้อรอดตายอีก
ยอดทีมพันล้านพอได้ประตูขึ้นนำแล้วทีนี้บุกมันนาที 80 อดัม จอห์นสันตัวสำรองลากกระชากผ่านเลาะเส้นหลังเข้ามาก่อนปาดให้ซิลบาซัดในเขตโทษแต่ติดบล็อกรอดตายไปอีกมื้อ
ซิลบาเกือบบวกเม็ดสอง
ก่อนหมดเวลา 6 นาทีซิลบาที่วันนี้จี๊ดได้ใจสบโอกาสสับไกเต็มๆด้วยอีกซ้ายในเขตโทษแต่โซเรนเซ่นล้มตัวปัดทิ้งแล้วฮูธมาเคลียร์ทิ้งดาบสอง
หม้อหมดหวัง
โอกาสที่สโต๊คจะตีเสมอมีน้อยมากเพราะแดนหน้ามีแต่ตัวช้าๆอย่างยอห์น คาริวตัวสำรองแถมโจนส์ถ้าวัดตัวต่อตัวก็ยากที่จะหลุดเข้าไปยิงง่ายๆแถมเจอรุมเข้าตลอด
ช่วงเวลาที่เหลือ"เรือใบ"เล่นเผาเวลาก่อนเบียดเอาชนะ 1-0 คว้าแชมป์เอฟเอ คัพไปครองสมใจหมายและเป็นการปลดล็อกรอคอยแชมป์แรกในรอบ 35 ปีส่วนสโต๊คแม้ได้รองแชมป์แต่ก็ได้ตั๋วไปลุยยูโรป้า ลีกเป็นการปลอบใจแทน
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
แมนฯซิตี้ : โจ ฮาร์ท,ไมกาห์ ริชาร์ดส,แวงซองต์ กอมปานี,โจเลออน เลสค็อตต์,อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ,ไนเจล เดยอง,แกเรธ แบร์รี่(จอห์นสัน น.73),ดาวิด ซิลบา,ยาย่า ตูเร่,คาร์ลอส เตเบซ(ซาบาเลต้า น.88),มาริโอ บาโลเตลลี่
สโต๊ค : โธมัส โซเรนเซ่น,แอนดี้ วิลกินสัน,โรเบิร์ธ ฮูธ,ไรอัน ชอว์ครอสส์,มาร์ค วิลสัน,เจอร์เมน เพนแนนท์,เกล็น วีแลน(พิวจ์ น.84),รอรี่ ดีแลป,แมทธิว เอเธอริ่งตัน(ไวท์เฮด น.62),โจนาธาน วอลเตอร์ส,เคนวิน โจนส์
Tags:
ALL HAIL CITY!ALL HAIL CITY!!ALL HAIL CITY!!!!
BLUEMOON YOU NOT SAW ME STADING ALONE LA!!!!!
ยอดเยี่ยมฮา>/p>
เปรียบเทียบเวลาหล่ะก็
เท่ากับมันชินีคุมทีมแค่ปีครึ่ง
ก็ทำสำเร็จตามเป้า
สุดยอดเลยคร้าฟ
ตะโกนกับพ่อลั่นบ้านเลย เย้ๆๆๆๆ
^^
© 2024 Created by thaiMCFC. Powered by