Members

"กุน" ชี้แชมป์ลีกจุดเริ่มต้นยุคเรือใบ

เซร์คิโอ กุน อเกวโร ดาวยิงเชิงสูงของ แมนเชสเตอร์ ซิตี ว่าที่แชมป์พรีเมียร์ ลีก ในปีนี้ ประกาศลั่นต้องการคว้าแชมป์ให้ได้ โดยชี้ว่าหากทีมได้ฉลองแชมป์กันวันอาทิตย์นี้ จะเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของทีม "เรือใบสีฟ้า"

เกมพรีเมียร์ ลีก นัดปิดฤดูกาลในวันอาทิตย์ที่ 13 พ.ค. ที่จะถึงนี้ขอเพียง ซิตี ขอเพียงแค่เก็บ 3 แต้ม จาก ควีนปาร์ค เรนเจอร์ส พวกเขาจะปาดหน้า แมนเชอสเตอร์ ยูไนเต็ด อริร่วมเมืองคว้าแชมป์ลีกที่รอคอยมาครองเป็นครั้งแรกในรอบ 44 ปี แบบไม่ต้องสนใจผลของ "ปิศาจแดง" ที่จะบุกไปเยือน สวอนซี ซิตี ในเวลาเดียวกัน เนื่องจากมีลูกได้เสียดีกว่าถึง 8 ประตู

โดย อเกวโร ที่ช่วยยิงให้ "เรือใบสีฟ้า" แบบถล่มถลายในฤดูกาลแรกของตัวเองถึง 22 ประตูจากทุกรายการ ออกมาเปรยทำนองว่า ความสำเร็จในฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเล็กๆ เท่านั้น ซึ่งหลังจากนี้จะเป็นยุคทองของทีมสีฟ้าของเมืองแมนเชสเตอร์ และจะมีโทรฟี่แชมป์ตามมาอีกมากมาย

"ผมอยากจะพาทีมคว้าแชมป์ลีกในฤดูกาลนี้ให้ได้ และจะมีความสำเร็จตามมาอีกหลังจากนี้แน่นอน เรามีฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมแต่มันจะเยี่ยมขึ้นอีกหลังจากนี้" หัวหอกอาร์เจนไตน์ กล่าว
 

Views: 502

Attachments:

Reply to This

Replies to This Discussion

เห็นด้วยนะคับ ๆ และจะถ้วยแชมป์จะเต็มตู้ ๆ

ไม่ใช่ FA ปีที่แล้วหรอกหรอ ?  ถ้าให้ไล่จริงๆก็ต้องเริ่มจาก

1. คนจุดประกายทีมคือ "ทักษิณ  ชินวัตร" ที่เข้ามาซื้อทีมด้วยมูลค่าเกือบ 100 ล้านปอนด์ (ถ้าจำไม่ผิดราวๆ 70 กว่าและจ่ายหนี้ให้อีก 20 หรือ 30 ล้านนี่แหละ)

2. จากการที่ทีมมีสถานะภาพการเงินเป็นเลขสีเขียว  ก็ได้มีการจ้างเถิกร้อยรัก "สเวนโกรัน อิริคสัน" เข้ามาทำทีม  และนำนักเตะเข้ามาเสริมทีมในปีเดียวกันมูลค่ากว่า 60 ล้านปอนด์ (รวมค่าจ้างผู้จัดการ) นับเป็นการลงทุนสูงที่สุดของทีม ณ เวลานั้น   สุดท้ายจบด้วยอันดับ 9 (รึป่าว หรือ 7 หว่า) แต่ได้สิทธิ์ในการไปแข่งถ้วยยุโรปใบเล็กตามกฏแฟร์เพล์   ทว่าก็เป็นฉากสุดท้ายของอดีตผู้จัดการทีมชาติอังกฤษเช่นกัน   โดยหลังจากนั้นมาเขาก็ชีพจรลงเท้าอย่างหนักและยังหาทางกลับมาสู่ระดับท๊อปไม่ได้เสียที

3. หลังจากไล่เถิก ก็ไปสอย "มาร์ค" สัญชาติเวลล์มาคุมทีม  ทว่าอยู่ร่วมกันได้ไม่กี่เดือนก็โดน "มาร์ค" สองสัญชาติที่อยู่เมืองไทยเล่นงานทางการเมืองเป็นอันต้องขายทีมให้ต่อกับกลุ่มอบูดาบี  ก่อนที่ภายหลังทั้งหมดของสโมสรจะอยู่ภายใต้ของ "ชีค มานซูร์ บิน ซาเยด อัล นาห์ยาน" ซึ่งมีฐานะการเงินที่มั่นคงเป็นอันดับ 2 ภายใน EPL ทว่าเป็นเจ้าบุญทุ่มอันดับ 1 ของยุโรป ณ เวลานี้

4. มาร์ค์ ฮิวส์  เหมือนหนูตกถังข้าวสารเขาจัดการใช้เงินแหลกไม่ต่ำกว่า 150 ล้านปอนด์ในปีเดียวกัน  โดยแลกมาด้วยนักเตะที่ดูแล้วบางคนจะไม่คุ้มค่าตัวเอาเสียเลย  นอกจากนี้ยังเป็นเจ้าแรกที่บุกเบิกตำนานค่าแรงสะท้านโลกก่อนจะมาโดนทำลายโดยยอดทีมทั้งสองจากสเปนและเศรษฐีคลังจากรัสเซีย  แม้ตอนนี้ค่าจ้างด้วยเงินเหล่านั้นจะไม่เป็นที่น่าตกใจเพราะบรรดาทีมใหญ่ๆต่างก็อัพให้ซุปเปอร์สตาร์ของทีมเช่นกันแล้วก็ตาม

5. แม้จะมีนักเตะดีๆมากมายแต่ดูเหมือนพวกเขาก็ทำให้ซิตี้มีผลงานตามเเป้าไม่ได้  ด้วยปรากฏการ "เปิดหลังบ้าน"  ที่ทีมพร้อมจะบุกและยิงประตูเป็นกอบเป็นกำทว่าก็พร้อมเช่นกันที่จะเสียประตู   ทีมทำผลงานได้น่าผิดหวังและจบอันดับที่ 5 (หรือ 6 หว่าจำไม่ได้) ก่อนที่ในช่วงปิดฤดูกาลอีกถัดมาจะกระหน่ำอีกกว่า 100 ล้านปอนด์  และทำผลงานสุดหรูชนะรวด 4 นัดโดยในจำนวนเหล่านี้มีเกมที่ถล่มอาเซนอลรวมอยู่ด้วย

6. แม้จะหรูช่วงต้นแต่ถัดมาก็เป็นทีมที่เสมอต้นเสมอปลายจริงๆ  เมื่อจัดการเสมอเสีย 11 นัดติดต่ออันเป็นผลให้ในนัดที่ 12 แม้จะเก็บชัยชนะมาได้ก็ตามทีแต่นั่นคือจุดจบของกุญซือชาวเวลล์  และเป็นนายใหญ่แดนมักโรนี(หรือพิซซ่า ?) ก้าวเข้ามาทำงานต่อ

7. จบการทำงานครึ่งหลัง  ซิตี้ชอกช้ำจากผลงานพลาดเป้าอดไป UCL โดยได้อันดับที่ 5 แต้มห่างอันดับ 4 เพียง 3 คะแนน   จากนั้นคือการเปลี่ยนแปลงทีมอีกครา  โดย "โรเบอร์โต้ มันชินี่" จัดการดึงนักเตะที่เขาต้องการและหาทางขายทิ้งเหล่านักเตะแข็งข้อกับเขา (เพราะมันชินี่ถูกนักเตะบางคนมองว่าแทงข้างหลังฮิวส์)  เมื่อเริ่มต้นฤดูกาลใหม่มาถึงมันชินี่จัดการแพ็คเกมรับและฝากความหวังไว้ที่ "คาร์ลอส เตเวส" ในการทำประตู   แม้จะมีนักเตะเทคนิคดีๆเข้ามาเสริมเยอะแต่ดูแล้วพวกเขาจะยังไม่สามารถงัดฟอร์เก่งได้เท่าที่ควร

8. อย่างไรเสียในปีเดียวกัน  ซิตี้  ได้โห่ร้องดีใจสุดขีด หลังเขาจัดการยัดเยียดความปราชัยให้กับคู่แข่งแย่งพื้นที่ UCL อย่างสเปอร์ได้สำเร็จและยังไปไกลถึงการคว้าอันดับที่ 3 เนื่องจากในช่วง 4 เกมสุดท้ายนั้นเดอะกันเนอร์ส์กลับฟอร์ดิ่งลงเหวเสียดื้อ  ผลงานอลังการในอันดับ 3 และมีคะแนนเท่ากับอันดับที่ 2 แพ้เพียงประตูได้เสีย  และตามหลังแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเพียงแค่ 6 คะแนนเมื่อจบฤดูกาลทำให้พวกเขาได้สิทธิ์ไปลงโม่แข้ง UCL แบบอัตโนมัติ

9. ฤดูกาล 2011-2012  ซิตี้จัดการเสริมตัวทันที  แม้จะไม่คึกคัก  แต่ก็ได้เห็นการซื้อตัวผิดพลาดครั้งแรกของกุญซือหนุ่มคนนี้  แม้หลายคนอาจมองว่ายังไม่ถึงกับผิดพลาดเสียทีเดียวแต่ต้องยอมรับว่า "สเตฟาน ซาวิซ" ไม่ใช่นักเตะที่ตอนนี้จะมาทดแทนตำแหน่งของ "แวงซอง กอมปานี" หรือ "โจลีออน เลสคอต" ได้เลย

10. ปีนี้ซิตี้ออกเริ่มต้นได้อย่างยอดเยี่ยม  และพวกเขาดูจะช็อตไปดื้อๆเมื่อเสียแดนกลางที่ครบเครื่องที่สุดของ EPL ไป "ยาย่า ตูเร่" ที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่าง (ผมแปลกใจทำไมนักเตะยอดเยี่ยมถึงไม่เป็น ยาย่า ?) ทว่าหลังจากนั้นก็พบกับเรื่องน่าปวดหัว  บรรดานักเตะตัวหลักนัดกันฟอร์มหลุด  รวมไปถึงการบาดเจ็บ และโดนแบน

11. ท้ายทีสุดบทละครกำหนดหรืออย่างไร  นักเตะแกนหลักกลับมาเจอฟอร์มที่ยอดเยี่ยมของพวกเขา  เหล่าผู้โดนแบนและบาดเจ็บกลับมาพร้อมหน้า  และนักเตะขบฎกลับในอดีตกัปตันทีมก็ได้กลับมาเช่นกัน "คาร์ลอส เตเวส" แม้หลายคนอาจมองว่าที่ฟอร์มดีขึ้นมาได้เพราะทีมมากกว่า  แต่ก็เหมือนกับรถยนตร์หรือมอเตอร์ไซด์   นักเตะอาเจนไตคนนี้เหมือนหัวเทียน  เป็นผู้ทำหน้าที่จุดระเบิดการทำงานของทีมอย่างแท้จริง   ทำให้ทีมกลับมามีความมั่นใจและอันตรายเช่นต้นฤดูกาล

12. ประวัติศาสตร์กำหลังจะโดนเขียนขึ้นหลังในค่ำคืนวันที่ 13 เดือน พฤษภาคม นี้

สุดยอดเขียนได้เร้าใจที่สุดเลย^^

น่าจะไปเขียนเป็นกระทู้น่ะครับ ประมาณว่าประวัติอะไรประมาณนี้ ผมเองก้เพิ่งมาเชียร์ไม่ค่อยรู้เหมือนกัน แต๊งครับ

เขียนดีมากครับ ผมชอบ :)

ชอบครับ ซิตี้1000%

เริ่มแล้วไม่มีจบ อิอิ

ท่าน  saber นี่เขียนดีตลอดอ่ะครับ

ปกติใครพิมพ์ยาวๆนี่ผมจะขี้เกียจอ่าน แต่ถ้าเป็นท่าน saber ผมอ่านจนจบอ่ะ

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.