Members

View All

มันโช่โวพร้อมชนชุดขาวหลังขึ้นนำฝูง

มันโช่โวพร้อมชนชุดขาวหลังขึ้นนำฝูง

หลังจากที่ปล่อยให้ เชลซี และ แมนฯ ยูไนเต็ด นำเป็นจ่าฝูง ในที่สุด แมนฯ ซิตี้ ทีมแชมป์เก่า ก็แซงขึ้นมานำเป็นจ่าฝูงได้สำเร็จ หลังจากที่เปิดบ้านถล่ม แอสตัน วิลล่า ไปได้อย่างง่ายดาย 5-0 ทำให้ โรแบร์โต้ มันชินี่ กุนซือทีม ซิตี้ คุยว่าทีมของเขาพร้อมแล้วที่จะพบกับ เรอัล มาดริด ในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก วันพุธนี้ ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด และ เชลซี สองทีมลุ้นแชมป์ ออกไปเล่นเป็นทีมเยือน และพ่ายคู่แข่งกลับบ้านมือเปล่าทั้งสองทีม

แม้ว่าการคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อาจจะเป็นเรื่องที่ไกลเกินเอื้อมสำหรับ แมนฯ ซิตี้ ในฤดูกาลนี้ หลังจากที่พวกเขาส่อแววที่จะจอดป้ายแค่รอบแบ่งกลุ่ม แต่ ''เรือใบสีฟ้า'' ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า พวกเขายังมีดีมากพอที่จะป้องกันแชมป์พรีเมียร์ ลีก เมื่อเปิดรังถล่มแอสตัน วิลล่า ไปได้อย่างราบคาบ 5-0 ซึ่งถือว่าเป็นสถิติชนะมากที่สุด นับตั้งแต่ที่พวกเขาบุกไปชนะนอริช ที่ แคร์โรว์ โร้ด 6-1 เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา นอกจากนั้นซิตี้ยังทำสถิติไม่แพ้ในพรีเมียร์ลีกมา 18 นัดติดต่อกัน และที่น่าทึ่งไปกว่านั้นคือพวกเขาทำสถิติไม่แพ้เกมลีกในบ้านมาแล้ว 36 นัดติดต่อกัน มากที่สุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์ เป็นรองแค่เชลซีในยุค โชเซ่ มูรินโญ่ ที่ทำสถิติไม่แพ้ในบ้าน 86 เกมติดต่อกันระหว่างปี 2004-08

แมนฯ ซิตี้ มีสถิติที่สวยงามมากในการเล่นกับแอสตัน วิลล่า ในบ้านของตัวเอง โดย 30 นัดก่อนหน้านี้ พวกเขาเป็นฝ่ายชนะถึง 16 เสมอ 8 และแพ้แค่ 6 นัด เรียกได้ว่าตลอด 16 ฤดูกาลที่ ซิตี้ ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกนั้น พวกเขาเก็บแต้มในบ้านได้จากการพบกับวิลล่ามากที่สุด และเกมนี้สถิติก็เพิ่มเป็นชนะ 17 จาก 31 นัด หลังจากที่ ''เรือใบสีฟ้า'' ได้ประตูจาก ดาบิด ซิลบา ในนาทีที่ 43 และการเหมา 2 ลูกของคู่กองหน้าอย่าง เซร์คิโอ อเกวโร่ (ลูกจุดโทษนาทีที่ 54 และกับลูกยิงในนาทีที่ 67) และ คาร์ลอส เตเวซ (ลูกจุดโทษในนาทีที่ 65 กับการซัดในนาทีที่ 74) ส่งผลให้แชมป์เก่า เก็บเพิ่มเป็น 28 แต้ม จากการลงเล่น 12 นัด พร้อมแซงขึ้นไปเป็นจ่าฝูงของตารางคะแนนทันที นำหน้าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คู่อริร่วมเมืองอยู่ 1 แต้ม

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะชนะคู่แข่งอย่างถล่มทลาย แต่ โรแบร์โต้ มันชินี่ กุนซือ ซิตี้ ชี้ทีมของเขายังเค้นฟอร์มเก่งกว่านี้ได้อีก และเชื่อว่าฟอร์มการเล่นนัดนี้จะทำให้พวกเขามีกำลังใจมากขึ้น ในการเปิดบ้านรับการมาเยือนของ เรอัล มาดริด ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก วันพุธที่ 21 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งเป็นนัดที่จะชี้ชะตาการผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายของ ''เรือใบสีฟ้า'' เลยทีเดียว

        ''เราเล่นกันได้ดี และสร้างโอกาสทำประตูได้หลายครั้ง ทว่าเราก็พลาดจังหวะทำประตูไปถึง 2 หนในครึ่งแรก เรายังทำได้ดีกว่านี้อีก แต่ผมหวังว่า เรากำลังเริ่มหาฟอร์มที่เคยทำได้เมื่อฤดูกาลก่อนเจอแล้ว เราเริ่มเปลี่ยนหลายอย่างไปเมื่อไม่กี่เกมก่อนหน้านี้ และมันก็ดูเหมือนจะได้รับผลตอบแทนแล้วล่ะ ผมรู้สึกพอใจมากๆ ที่บรรดากองหน้าของเราทำได้ถึง 6 ประตู ในช่วง 2 เกมหลังสุด มันเป็นเรื่องสำคัญมากที่พวกเขาอยู่ในฟอร์มที่ดี และเริ่มหาตาข่ายเจอเป็นประจำแล้ว''

        ''เกมพรีเมียร์ลีก กับยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นการแข่งขัน 2 รายการที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เราจะเล่นกับหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดของโลก และเราอยากทำผลงานให้ออกมาดี เพราะเรายังมีโอกาสอยู่นิดๆ ในกลุ่มนี้ (ที่จะผ่านเข้ารอบไปได้) มันจะเป็นเกมที่ยากลำบากมากๆ แต่เราอยากเอาชนะให้ได้ และเดินหน้าเล่นให้ดีต่อไป''

        ทางด้าน แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ถือว่าเป็นจอมคัมแบ็ก หลังจากที่ในฤดูกาลนี้ พวกเขาเป็นฝ่ายตามหลังคู่แข่ง 10 และสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาชนะได้ถึง 8 เกม ล่าสุด ดูเหมือนว่ายูไนเต็ดจะหมดฤทธิ์ในการพลิกสถานการณ์ เมื่อออกไปพ่ายนอริช ที่แคร์โรว์ โร้ด 0-1 โดยเจ้าถิ่นได้ประตูชัยจากลูกโหม่งของ แอนโธนี่ พิลคิงตัน ซึ่งเป็นอดีตเด็กปั้นของ ''ผีแดง'' เองในนาทีที่ 60

แมนฯ ยูไนเต็ด แสดงให้เห็นว่ามีปัญหาในเรื่องเกมรับอย่างมากในฤดูกาลนี้ แต่ที่ผ่านมาพวกเขาก็สามารถใช้เกมรุกพลิกสถานการณ์มาได้ตลอด แต่ดูเหมือนว่าวันนี้จะไม่ใช่วันของพวกเขา โดยเฉพาะ ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ ที่กำลังร้อนแรง แต่เมื่อได้โอกาสเป็นตัวจริงกลับโชว์ฟอร์มไม่ออก เช่นเดียวกับ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ที่เริ่มแผ่วไป และดูเหมือนว่าการขาด เวย์น รูนี่ย์ หัวหอกตัวเก่ง ที่ต่อมทอนซิลอักเสบ จะมีผลต่อเกมรุกของ ''ผีแดง'' มาก

ขณะเดียวกัน ก็ต้องชมเกมรับของนอริช ซึ่งจนถึงตอนนี้ พวกเขาทำสถิติไม่เสียประตูในพรีเมียร์ลีก มาแล้ว 333 นาที นอกจากนั้นมันยังเป็นชัยชนะเหนือทีมยูไนเต็ดครั้งแรก นับตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2005 ซึ่งตอนนี้ลูกทีมของ ไนเจล เวิร์ทธิงตัน เป็นฝ่ายชนะไป 2-0 อย่างไรก็ตาม เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นายใหญ่ของยูไนเต็ด ก็ยอมรับว่าพวกเขาสมควรแพ้เนื่องจากคู่แข่งเล่นได้เยี่ยมจริงๆ และสมควรได้รับชัยชนะแล้ว

        ทางด้าน โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ ผู้จัดการทีมเชลซีเริ่มที่จะได้รับความกดดันมากขึ้น หลังจากที่ ''สิงห์บลูส์'' บุกไปพลาดท่าแพ้เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 1-2 ที่ เดอะ ฮอว์ธอร์นส์ โดยเมื่อแปดเดือนก่อน อันเดร วิลลาช-โบอาช กุนซือคนเก่าก็ถูกไล่ออกหลังจากที่นำทีมมาพ่ายที่สนามแห่งนี้ และประวัติศาสตร์ทำท่าว่าจะซ้ำรอย หลังจากที่ ดิ มัตเตโอ นำทีมเก็บได้แค่ 2 แต้มจาก 4 เกมล่าสุดใน พรีเมียร์ลีก และหากว่าพวกเขาออกไปพ่ายยูเวนตุส ในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก วันอังคารนี้ เชื่อว่า กุนซือชาวอิตาลีผู้นี้จะต้องงานเข้าอย่างแน่นอน

        สามสัปดาห์ก่อน เชลซียังนำโด่งเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก โดยทิ้งห่างแมนฯ ยูไนเต็ดถึง 7 แต้ม แต่หลังจากที่พวกเขาพ่าย ''ผีแดง'' คาบ้าน ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จนตอนนี้ ''สิงห์บูลล์'' ตกลงมาอยู่อันดับสาม และตามหลัง ซิตี้ อยู่ 4 แต้มแล้ว

        ทั้งนี้ ปัญหาใหญ่ของเชลซีมีทั้งในแนวรับและแนวรุก โดย ดาวิด ลุยซ์ กองหลังชาวบราซิล ที่ย้ายมาร่วมทีมสองฤดูกาลแล้ว แต่ดูเหมือนว่าจะยังปรับตัวให้เข้ากับฟุตบอลพรีเมียร์ลีกไม่ได้ ส่วน เฟร์นานโด ตอร์เรส กองหน้าชาว สเปน นับวันยิ่งทำให้ทีมและแฟนบอลหมดความเชื่อมั่นในตัวเขา ดังนั้นเชื่อว่าในช่วงตลาดเปิดรอบสองเดือนมกราคมนี้ เชลซีจะต้องมีการเสริมทัพ เพื่อแก้ไขและปรับปรุงจุดอ่อนของพวกเขา