ระเบิดลูกใหญ่ใน เอติฮัด ที่ชื่อ ยาย่า ตูเร่
ในขณะที่ฤดูกาลที่อะไรๆ ดูไม่ดีนักของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กำลังจะจบลงก่อนกำหนด ก็มีระเบิดตูมใหญ่ถูกโยนลงมาบอมบ์ถิ่น เอติฮัด เมื่อ ดมิทรี เซลุค เอเยนต์ของ ยาย่า ตูเร่ กองกลางทีมชาติไอวอรี่โคสต์ ออกมาขู่ทีมบอร์ดบริหารของ "เรือใบสีฟ้า" ว่าหากไม่มีการต่อสัญญาใหม่ภายในไม่กี่วันข้างนี้ ซึ่งตามข่าวเค้าให้เวลาถึงวันเสาร์ที่ 23 มีนาคม ยาย่า จะย้ายทีม แถมบอกด้วยว่า นี่ไม่ใช่เรื่องเงิน
ต้องบอกก่อนว่า ยาย่า มีสัญญากับ ซิตี้ ถึงปี 2015 ซึ่งก็คือ 2 ปี พูดกันตามประสาชาวบ้านอย่างเราๆ จะมาคุยกันช่วงซัมเมอร์ก็ไม่แปลก แต่อย่างที่บอกแล้วว่า เซลุค บอกแล้วว่ามันไม่ใช่เรื่องเงิน ที่ทำให้การเจรจาครั้งนี้ยืดเยื้อมานานร่วมๆ 6 เดือน
"ถ้า หากเขาเซ็นสัญญาในช่วง 3-4 วันนี้ก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าหากมันไม่เป็นเช่นนั้น เราจะไม่รออีก และจะเริ่มเปิดการเจรจากับสโมสรอื่นๆ (พูดวันอังคาร) เราจะรอไปจนถึงวันเสาร์นี้ ถ้าไม่ไมีอะไรเกิดขึ้น เราจะบอกกับพวกเขาว่า "ขอบคุณ โอเค ยาย่า จะย้ายออกในเดือน พ.ค. นี้" เซลุค ขู่เอาไว้แบบนี้
ตอน นี้ ยาย่า เป็นนักเตะที่ได้รับค่าเหนื่อยต่อสัปดาห์สูงที่สุดของ ซิตี้ ที่ตัวเลขประมาณ 220,000 ปอนด์ (ราว 11 ล้านบาท) โดย เซลุค ยืนยันว่าเขาไม่ได้ขอเพิ่มค่าเหนื่อยเลยสำหรับเงื่อนไขในการต่อสัญญาใหม่ "ผมไม่รู้สึกว่าเขาจะอยู่กับ ซิตี้ ต่อไป มันไม่ใช่เรื่องเงิน แต่มันเป็นเพราะเหตุผลอื่นๆมากมาย เขาเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่กลับไม่รู้สึกว่าได้รับความเคารพจากสตาฟฟ์โค้ชเลย มีเพียง โรแบร์โต้ มันชินี่ เท่านั้นที่เคารพในฝีเท้าของเขา"
เป็น ที่เชื่อกันว่า ตูเร่คนน้อง มองหาลู่ทางในการย้ายทีมแล้ว โดยพร้อมจะใช้กฎระเบียบของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ที่ระบุว่าถ้านักเตะยังไม่ได้เซ็นสัญญาใหม่หลังจบปีที่ 3 ในสัญญากับต้นสังกัดปัจจุบัน เขาก็จะสามารถซื้อสัญญาที่เหลือและย้ายทีมได้ และมันมีแวว เพราะ เซลุค คนที่ ยาย่า เคยใช้สรรพนามถึงว่า "พ่อ" เอ่ยถึงการพูดคุยเรื่องสัญญาใหม่ที่ยืดเยื้อมานานตั้งแต่ช่วงปลายปีก่อนว่า "มันเป็นเรื่องแปลกจริงๆ มันไม่ใช่เรื่องธรรมดาเลยที่จะใช้เวลาเจรจาสัญญานานถึง 6 เดือน พวกเขากำลังพูดคุยกันถึงรายละเอียดเล็กๆน้อยๆในเวลานี้"
จุด ที่น่าสนใจอย่างหนึ่งคือ ซิกิ เบกิริสไตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคของ ซิตี้ ซึ่งสมัยอยู่ด้วยกันที่ บาร์เซโลน่า ก็เป็นคนปล่อย ยาย่า ย้ายมาร่วมทัพ "เรือใบสีฟ้า" ด้วยค่าตัว 24 ล้านปอนด์ (ราว 1,200 ล้านบาท) เมื่อปี 2010
"ผม ถามตัวเองว่า ซิกิ อยู่ที่ บาร์เซโลน่า ตอนที่ ยาย่า ย้ายทีม ดังนั้น ยาย่า อาจจะได้ย้ายอีกครั้ง เนื่องจากทั้งคู่ได้มาร่วมงานกันที่ ซิตี้ เพราะถ้าพวกเขาอยากจะทำผลงานดีโดยมี ยาย่า อยู่ด้วย พวกเขาคงจะปิดการเซ็นสัญญาใหม่ได้ตั้งแต่หลายเดือนก่อนแล้ว พวกเขายังคุยกันในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆอยู่ ไม่ใช่เรื่องค่าเหนื่อย สำหรับนักเตะอย่าง ยาย่า และสโมสรอย่าง ซิตี้ มันเป็นเรื่องแย่ที่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น คุณรู้มั้ยว่าการตบหลังปลอบใจมีความสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด"
"ผม พักอยู่ บาร์เซโลน่า และยังมีคนพูดอยู่เลยว่าการปล่อยเขา (ยาย่า) ออกไปนับเป็นความผิดพลาดครั้งที่ใหญ่ที่สุดของพวกเขาในรอบหลายปีหลังมานี้ เลย โรแบร์โต้ มันชินี่ เป็นคนที่ยอดเยี่ยมและให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี เขาตระหนักดีถึงอิทธิพลของ ยาย่า ที่มีต่อสโมสร แต่เจ้าหน้าที่สโมสรคนอื่นๆกลับไม่คิดเช่นนั้น มันเริ่มต้นจาก ไบรอัน มาร์วู้ด และตอนนี้มันก็เป็นเวลาของคนที่เคยอยู่ที่ บาร์เซโลน่า ตอนที่ ยาย่า ถูกบีบให้ย้ายออกไป"
"ซิกิ เป็น ผอ. ฝ่ายเทคนิคคนใหม่ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะอยากหานักเตะคนอื่นมาแทนที่ ยาย่า ก็เป็นได้ ถ้ามีการบรรลุข้อตกลงและเซ็นสัญญากันภายใน 3 วันนี้ ยาย่า ก็อาจจะอยู่ที่นี่ต่อไป แต่ผมไม่คิดเช่นนั้น พวกเขาไม่ทำให้เรื่องสัญญาใหม่ลุล่วงหรอก ยาย่า ก็จะไม่เปลี่ยนใจเช่นกัน" เซลุค กล่าว
นอกจากนี้ เซลุค ยังเชื่อว่าต่อให้ ชีค มันซูร์ เจ้าของสโมสร "เรือใบสีฟ้า" เกลี้ยกล่อมนักเตะด้วยตัวเอง ก็อาจจะไม่ได้ผลด้วยซ้ำ เหตุโดยเฉพาะหากมันไม่ใช่เรื่องเงินแบบที่ เซลุค บอกจริงๆ แล้วถ้าไม่ใช่เรื่องเงินแล้วจะมีเรื่องอะไรอีก ? นักเตะสถานะอย่าง ยาย่า ใน ซิตี้ ... นักเตะคนสำคัญแทบจะสำคัญที่สุดคนหนึ่ง เซลุค ยืนกรานว่าเป็นเรื่องการให้เกียรติ และการปฏิบัติต่อกัน และนั่นเป็นสิ่งที่ เซลุค บอกว่าไม่เกิดขึ้น
"เราคุยเรื่องสัญญาใหม่มา ตั้งแต่เดือนกันยายนจนถึงตอนนี้ เขาจะสามารถย้ายทีมได้อย่างอิสระภายในเวลาอีก 1 เดือน และคนพวกนี้ยังมัวแต่เจรจากันอยู่นั่นแหละ มันไม่ใช่เรื่องธรรมดาๆ เลย ยาย่า รู้สึกว่ามันแสดงให้เห็นถึงความไม่มีความเคารพกันเลย มันเป็นเรื่องที่น่าอายจริงๆ ซิตี้ มีเงินใช้จ่ายมากมาย แต่กลับไม่เข้าใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนเป็นสิ่งที่มีความหมายเหนือ สิ่งอื่นใด ยาย่า รู้สึกว่าทางสโมสรไม่ต้องการเขาแล้ว"
ตูเร่ คนน้อง นับว่าเป็นนักเตะระดับดาวเด่นคนแรกที่ก้าวมาร่วมทัพ "เรือใบสีฟ้า" ยุคที่ปฏิวัติตัวเองสู่ความยิ่งใหญ่ โดยเจ้าตัวเป็นฟันเฟืองสำคัญในการพาทีมประสบความสำเร็จทั้ง แชมป์เอฟเอ คัพ และ พรีเมียร์ลีก แต่กลับมีเรื่องให้ต้องรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเมื่อเห็น ดาบิด ซิลบา เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติสเปน ที่ย้ายมาร่วมทีมในภายหลัง ได้รับสัญญาฉบับใหม่ตั้งแต่ 6 เดือนก่อนแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายเรื่องที่ทำให้ ยาย่า รู้สึกว่าไม่ได้รับการให้เกียรติจากทาง แมนฯ ซิตี้ เลย ไม่ว่าจะเป็นการไม่จ่ายค่าเดินทางรวมถึงส่งตัวแทนร่วมเดินทางไปกับเจ้าตัวใน การรับรางวัลนักเตะแห่งปีของทวีปแอฟริกาเมื่อปี 2011 และ 2012 รวมถึงเรื่องที่ไม่มีรูปของ ดาวเตะวัย 29 ปี บนโปสเตอร์ยักษ์ที่เป็นภาพของแข้ง "เรือใบสีฟ้า" ฉลองแชมป์ลีกที่ติดอยุ่ตามกำแพงสนามฝึกซ้อมและออฟฟิศของสโมสร
เซ ลุค กล่าวว่า "ในขณะที่มีรูปถ่ายผู้เล่นทุกคนฉลองแชมป์ในช่วงที่ผ่านมาติดอยู่รอบสนาม มันกลับไม่มีรูปของ ยาย่า แม้แต่รูปเดียว แถมในร้านขายของที่ระลึกของสโมสร คุณสามารถหาเสื้อที่มีชื่อของผู้เล่นทุกคนยกเว้น ยาย่า บาร์เซโลน่า และ เรอัล มาดริด จัดเที่ยวบินส่วนตัวให้พวกนักเตะสำหรับการเดินทางไปรับรางวัลต่างๆ ประธานสโมสรของพวกเขาไปร่วมงานมอบรางวัล ฟีฟ่า บัลลงดอร์ ที่ ซูริค ร่วมกับนักเตะของพวกเขา"
"เมื่อตอนที่ ยาย่า ไปรับรางวัลนักเตะแห่งปีของ แอฟริกา เขาขึ้นเครื่องบินชั้นธรรมดาและจ่ายเงินเอง ไม่มีใครจากสโมสรไปกับเขาเลย ซิตี้ เป็นสโมสรใหญ่แต่กลับไม่อำนวยความสะดวกให้ ยาย่า เลย พวกเขาไม่เคยเสนอที่จะจัดเที่ยวบินให้ แน่นอนว่า ยาย่า ไม่เคยขอเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว มันน่าขำจริงๆ มันก็แค่เงินไม่กี่ร้อยปอนด์ แต่มันแสดงให้เห็นถึงจิตใจของพวกเขาเพราะรางวัลนี้ส่งผลดีต่อชื่อเสียงใน ระดับนานาชาติของ ซิตี้ ด้วยเช่นกัน"
ถึงแม้ว่าจะดูเป็นเรื่อง เล็กๆ แต่ว่ามันก็มีมากมาย และเมื่อนำมารวมกับเรื่องสัญญาที่ยังเจรจาไม่ลงตัวเสียที ทำให้มันกลายเป็นปัญหาใหญ่ในท้ายที่สุด เนื่องจาก ยาย่า รู้ดีว่าตัวเองเป็นคนสำคัญของทีมชุดนี้ แต่ดูเหมือนว่าทางสโมสรกลับไม่คิดเช่นนั้น โดย เซลุค ยืนยันว่า "เรือใบสีฟ้า" อาจอยากโละตัวนักเตะให้พ้นทีมก็เป็นได้เพื่อลดภาระค่าเหนื่อยต่อปีของเขาที่ สูงถึง 11 ล้านปอนด์ (ราว 550 ล้านบาท)
"ยาย่า ได้เงินเยอะพอแล้วกับ ซิตี้ และตัวเขาเองก็รู้ดี แต่เขาเป็นนักเตะอันดับ 1 ของโลกในตำแหน่งนี้ และสามารถไปรับเงินจำนวนเดียวกันนี้จากที่อื่นเช่นกัน เขาพร้อมที่จะเซ็นสัญญาที่จะทำให้ได้รับค่าเหนื่อยเท่าเดิมตั้งแต่ 6 เดือนก่อนแล้ว เขาเป็นกองกลางแบบบ็อกซ์-ทู-บ็อกซ์ที่ดีที่สุดในโลก เขาสามารถเล่นเป็นเซนเตอร์แบ็กหรือกองหน้าตัวเป้าก็ได้"
การ ขาย ยาย่า ออกไปอาจเป็นสิ่งที่มีความเป็นไปได้ และอาจเป็นทางออกที่แก้ได้ง่าย หากมองเพียงแค่ว่าขายทิ้งไปซะ ให้หมดเรื่องหมดราว ถ้าต้องการลดภาระจริงๆ แต่ขณะเดียวกัน มันก็คงไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะนักเตะแบบ ยาย่า ตูเร่ คุณภาพแบบนี้ ผลงานแบบนี้ .... หาได้ง่ายๆ ซะที่ไหน !
เครดิต สยามสปอร์ต
Tags:
-
▶ Reply to This