วัดกันไปเลยตัวต่อตัวใน แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด VS แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถือเป็นซูเปอร์บิ๊กแมตช์ที่แฟนบอลทั่วโลกตั้งตารอคอยอยากเห็นการดวลแข้งให้ รู้ดำรู้แดงไปเลย เพราะเปรียบเสมือนเกมรอบชิงชนะเลิศชี้ชะตาว่าใครจะเป็นแชมป์

แน่นอนสำหรับทีมของท่านเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุมความได้เปรียบเนื่องจากนำโด่งเป็นจ่าฝูงทิ้งห่างแชมป์เก่า ซิตี้ ถึง 15 คะแนน

แต่เมื่อพิจารณาฤดูกาลก่อน ทีมของ โรแบร์โต้ มันชินี่ เคยบุกมายำ ยูไนเต็ด เละเป็นโจ๊ะ 6-1 ต่อหน้าเหล่าสาวกในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด มาแล้วจึงย่อมเป็นเกมที่ยากเกินคาดเดาจะจบเช่นไร

ดังนั้นสำหรับป๋าเฟอร์กี้ซึ่งผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะย่อมไม่ประมาทอยู่แล้ว จึงพร้อมจัดผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดเช่นเดียวกับโค้ช มันโช่ ขนนักเตะเต็มอัตราศึกลงสนาม

สำหรับทั้ง ยูไนเต็ด และ ซิตี้ เมื่อเปรียบเทียบขุมกำลังแต่ละตำแหน่งต่างมีสุดยอดผู้เล่นฝีเท้าไม่ยิ่ง หย่อนไปกว่ากัน และนี่คือการประลองฝีเท้าดวลกันเป็นคู่ดังต่อไปนี้


ริโอ เฟอร์ดินานด์ ปะทะ คาร์ลอส เตเบซ

หลังสลัดอาการบาดเจ็บ ริโอ กลับมาเป็นหัวใจสำคัญในแผงหลังได้อีกครั้ง ฤดูกาลนี้ลงเล่นเป็นจริงในลีกถึง 21 เกมย่อมแสดงให้เห็นว่าปราการหลังปากเป็ดผู้นี้คือคนที่ป๋าไว้ใจที่สุด ดังนั้นไม่ว่ากองหน้าฝั่งตรงข้ามพังประตูก็ต้องผ่านเขาให้ได้ก่อน

ส่วนดาวยิงมะขามข้อเดียวกลายเป็นตัวความหวังสูงสุดของ ซิตี้ ไปแล้วเมื่อพิจารณาจากฟอร์มการเล่นในปัจจุบันซัลโวถึง 7 ประตูใน 6 นัดหลังสุด ดังนั้นไม่เพียงแค่ ริโอ เท่านั้นกองหลังคนอื่นๆก็ต้องช่วยกันระวังด้วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะศิษย์ เก่าย่อมรู้ทางหนีที่ไล่ของกันและกันเป็นอย่างดี


ไมเคิล คาร์ริค ปะทะ ยาย่า ตูเร่

อดีตดาวเตะสเปอร์สคือผู้ปิดทองหลังพระให้ ยูไนเต็ด อย่างแท้จริงในฤดูกาลนี้การที่ทีมนำห่างถึง 15 แต้มส่วนนึงต้องยกความดีความชอบให้ คาร์ริค โชว์ฟอร์มดีที่สุดโดดเด่นทั้งรุกและรับ,คุมเกมแดนกลางแถมยังทำ 4 แอสซิสต์ให้เพื่อนๆพังประตู นอกจากนั้นพิจารณาสถิติบ่งบอกว่าเป็นหนึ่งในแข้งผ่านบอลเกิดประสิทธิภาพมาก สุด

สำหรับ ยาย่าไม่ต้องสงสัยอะไรทั้งนั้นสามารถเรียกได้ว่าเขาคือคนที่คุมจังหวะเกมของ ทีมเรือใบสีฟ้าอย่างแท้จริง ไม่เพียงแค่นั้นอดีตสตาร์บาร์เซโลนายังสามารถเติมเกมรุกสอดจากแถวสองขึ้นมา พังประตูได้อีกด้วยสถิติ 5 ลูกและ 3 แอสซิสต์


โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ปะทะ แว็งซองต์ กอมปานี

สืบเนื่องจาก เวย์น รูนี่ย์ ยังต้องลุ้นว่าจะหายทันลงเป็นตัวจริงหรือไม่ ดังนั้นความหวังการพังประตูจึงต้องฝากไปที่ ฟาน เพอร์ซี่ ดาวซัลโวสูงสุดประจำทีมยิงไปแล้ว 19 ประตูเพียงแต่ตอนนี้ฟอร์มฝืดไปนิดยังยิงไม่ได้ 9 นัดติดต่อกันแล้ว ดังนั้นเกมดาร์บี้แมตช์จึงถือเป็นโอกาสเหมาะสำหรับกองหน้าทีมชาติฮอลแลนด์ หวังปลดล็อคในวันจันทร์นี้

อย่างที่รู้กันอยู่ว่าแผงกองหน้าของ ยูไนเต็ด แต่ละคนล้วนอันตราย ดังนั้นสำหรับ โรแบร์โต้ มันชินี่ บิ๊กบอสต้องเลือก กอมปานี เป็นกองหลังที่ไว้ใจที่สุดพร้อมรับมือและสกัดกั้นเกมรุกโดยเฉพาะน่าจะได้รับ คำสั่งให้ตามประกบ ฟาน เพอร์ซี่ เป็นเงาตามตัว


ดาบิด เด เกอา ปะทะ เซร์คิโอ อาเกวโร่

แม้นายทวารดาวรุ่งสแปนิชค่อนข้างได้รับเสียงโจมตีค่อนข้างเยอะพอสมควร แต่ด้วยวัย 22 ปีสำหรับตำแหน่งผู้รักษาประตูย่อมพัฒนาได้อีกมาก ยิ่งพิจารณาฤดูกาลนี้ เด เกอา สามารถยึดมือ 1 มาครองอย่างถาวรแถมรักษาคลีนชีตได้ถึง 11 เกมจึงเป็นงานมหาหินสำหรับกองหน้าทุกคนที่คิดจะยิงผ่านเขาคนนี้

ผลงานของหอกอาร์เจนไตน์อาจไม่หวือหวาเหมือนเมื่อฤดูกาลก่อนแต่ "กุน" ยังสามารถทำประโยชน์ให้กับ ซิตี้ ได้หลากหลายด้านไม่เพียงแค่พังประตูซึ่งซัดไปแล้ว 9 ลูกแถมสร้างโอกาสส่องเป้าถึง 71 ครั้งกับอีก 2 แอสซิสต์ ยิ่งเป็นเกมดาร์บี้แมตช์แห่งแมนเชสเตอร์ด้วยแล้ว อาเกวโร่ จะได้เจออดีตเพื่อน เด เกอา จากที่เคยเล่นด้วยกันมาแล้วใน แอตเลติโก้ มาดริด จึงย่อมรู้สหายเก่ามีจุดอ่อนอยู่ตรงไหน


เวย์น รูนี่ย์ ปะทะ โจ ฮาร์ท

กองหน้าร่างอวบถือเป็นนักเตะที่ถูกโฉลกกับดาร์บี้แมตช์แมนเชสเตอร์เอามากๆ เพราะได้รับการจดบันทึกเป็นผู้พังประตูรวมกันมากที่สุดถึง 10 ลูก ขณะที่ฤดูกาลนี้ยิงไปแล้ว 12 เม็ดและอีก 9 แอสซิสต์ ดังนั้นเกมซูเปอร์บิ๊กแมตช์แบบนี้ รูนี่ย์ ไม่อยากจะพลาดแม้เสี้ยววินาทีเดียวแม้ยังมีอาการบาดเจ็บรบกวนแต่น่าจะหายทัน เวลา

แม้มาตรฐานของ ฮาร์ท ฤดูกาลนี้ตกต่ำลงไปเล็กน้อยแถมมีอาการเหวอให้เห็นบ่อยขึ้น แต่พิจารณาจากสถิติรักษาคลีนชีตถึง 14 นัดมากกว่าใครในเกาะอังกฤษรวมถึง ยูไนเต็ด ด้วย ดังนั้นโค้ช "มันโช่" ย่อมฝากความหวังมาที่ผู้รักษาประตูทีมชาติอังกฤษจะไม่ยอมให้ลูกฟุตบอลผ่าน มือเขาเป็นอันขาด

เครดิต http://www.soccersuck.com