Members

Techno update with Ninja Boy 21/02/11 (Month of Romance : แท็บเล็ตแย่งซีนมือถือในงาน MWC 2011 & Apollo 18 แฉภารกิจลับตามล่า"เอเลี่ยน" & ช่องโหว่ใหม่"วินโดวส์"โจมตีผ่านเน็ตได้?)

ช่องโหว่ใหม่"วินโดวส์"โจมตีผ่านเน็ตได้?

รายงานด่วนสำหรับผู้ใช้ Windows ทุกท่าน เนื่องจากมีการเผยแพร่โค้ดที่มีการพิสูจน์ทราบแล้วว่า สามารถใช้โจมตีระบบปฏิบัติการ Windows ได้ทุกเวอร์ชัน โดยตามรายงานข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้อ้างว่า แฮคเกอร์ที่ไม่หวังดีสามารถใช้ช่องโหว่ดังกล่าว เพื่อเจาะเข้าระบบของเหยื่อผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้ แต่ทางไมโครซอฟท์ปฏิเสธว่า ไม่สามารถใช้ช่องโหว่กระทำการในลักษณะดังกล่าวได้

เมื่อวันพุธที่ผ่าน ไมโครซอฟท์ได้ออกมายืนยันว่า ช่องโหว่ที่เกิดจากการล้นข้อมูลในหน่วยความจำบัฟเฟอร์ (buffer overflow) ของระบบปฎิบัติการสามารถส่งผลกระทบต่อโมดูลบริการบราวเซอร์ใน Windows ได้ โดยช่องโหว่ดังกล่าวได้มีการเปิดเผยมาตั้งแต่วันจันทร์ (ของขวัญวันวาเลนไทน์สำหรับไมโครซอฟท์) พร้อมทั้งให้รายละเอียด และโค้ดที่สามารถใช้งานช่องโหว่ดังกล่าวได้ด้วย

Matt Oh นักวิจัยระบบรักษาความปลอดภัยของ MS กล่าวว่า มันมีช่องโหว่อยู่ใน Server Message Block (SMB) จริง โดยจะอยู่ในส่วนฟังก์ชันรายงานความผิดพลาดของโมดูลบริการบราวเซอร์ที่ชื่อ ว่า CIFS (Common Internet File System) ซึ่งรายละเอียดจะปรากฎอยู่ใน blog ของไมโครซอฟท์ อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทยังไม่พบว่า สามารถใช้โค้ดดังกล่าวเข้าโจมตีเครื่องของเหยื่อผ่านทางเน็ตได้โดยง่าย (เกิดขึ้นได้ยาก แต่ไม่ใช่ว่าไม่สามารถทำได้) แต่สามารถใช้โจมตีในลักษณะ DoS ได้ ประเด็นคือ ช่องโหว่ดังกล่าวสามารถพบได้ใน Windows ทุกเวอร์ชัน


ข้อมูลจาก: Microsoft blog

 

Chrome 10 beta ปรับใหญ่ชน IE9

เมื่อวานนี้ Google อัพเดตเว็บบราวเซอร์รุ่นทดสอบเวอร์ชันล่าสุดของบริษัท นั่นคือ Chrome 10 Beta ซึ่งได้รับการปรับปรุงการทำงานให้มีประสิทธิภาพเร็วขึ้นทั้งส่วนของ JavaScript และ Video อีกทั้งยังได้ปรับปรุงอินเตอร์เฟซในส่วนของ Settings ใหม่ที่ดูคล้ายของ Chrome OS ตลอดจนคุณสมบัติการซิงค์ password โดยทาง Google มั่นใจว่า Chrome 10 Beta มีคุณสมบัติการทำงานที่เหนือกว่า IE9 เวอร์ชัน RC อย่างแน่นอน

รายงานในบล็อกของ Google เปิดเผยว่า เอ็นจิ้น V8 ของ JavaScript ที่มาพร้อมกับ Chrome 10 Beta ได้รับการปรับปรุงให้สามารถรัน JavaScript ได้เร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 66% ในขณะเดียวกันยังพัฒนาให้สามารถเล่น video ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีเร่งการแสดงผลกราฟิกกับ GPU โดยตรง ผู้ใช้ที่ใช้การ์ดแสดงผลกราฟิกไฮเอ็นด์จะเห็นประสิทธิภาพการทำงานที่เหนือ กว่าการประมวลผลด้วย CPU เพียงอย่างเดียว แม้กระทั่งในขณะที่เล่นวิดีโอ หรือกราฟิกเต็มหน้าจอ CPU จะถูกใช้พลังประมวลผลน้อยลงมากถึง 80% หาก Chrome 10 Beta ตรวจพบว่า ระบบมีการใช้การ์ดแสดงผลกราฟิกที่เหมาะสม

นอก จากประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้นแล้ว ผู้ใช้ยังสามารถซิงค์พาสเวิร์ดบนคอมพิวเตอร์เครื่องต่างๆ ที่ใช้ Chrome 10 Beta ตลอดจนบุ๊คมาร์ค และค่า settings ต่างๆ ได้อีกด้วย โดยจะให้เข้ารหัส password หรือไม่ก็ได้ และในการซิงค์จะสามารถทำได้ผ่านทางแถบ Settings ของ Chrome โดยใน Chrome 10 Beta จะไม่ใช้การป๊อปอัพอีกต่อไป แต่จะแสดงเป็นแท็บในบราวเซอร์ คล้ายกับการเปิดหน้าเว็บหนึ่งๆ การปรับ UI ของ Settings ทำให้ Chrome 10 Beta มีรูปแบบคล้าย Chrome OS มากขึ้น นัยว่า Google คงต้องการสร้างความคุ้นเคยให้กับผู้ใช้ โดยผู้ใช้สามารถเข้าถึง Settings ผ่านทาง chrome://settings/browser ได้อีกด้วย Google กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้การตั้งค่าใช้งานต่างๆ ง่ายขึ้นกว่าเดิม ซึ่งรวมถึงการช่วยเหลือเพื่อนๆ หรือคนในครอบครัวแก้ปัญหาการใช้งานได้อย่างง่ายดายอีกด้วย (ชมตัวอย่างได้ในคลิปข้างล่างนี้)

 

 

 

ข้อมูลจาก: Chrome Blog

 

Facebook Messenger แชท+โทรฟรี

เช้านี้ขออัพเดตคุณผู้อ่านเว็บไซต์ arip ทุกท่านด้วย Facebook Messenger แอพพลิเคชัน iOS ที่จะทำให้ผู้ใช้สามารถเรียกสายเพื่อนๆ ผ่านทางเน็ต (VoIP) และคุณสมบัติการใช้งานเมสเสจ และ Chat ที่สะดวกง่ายดายกว่าบน iPhone และ iPod คราวนี้คุณก็สามารถเลือกได้ว่าจะแชท หรือคุยกับเพื่อนๆ บน Facebook ได้แล้ว...ว้าว!!!

Facebook Messenger จะมีฟังก์ชันการทำงานครอบอยู่บนไคลเอ็นต์ Chat ของ Facebook อีกทีหนึ่ง โดยผู้ใช้สามารถแชร์ภาพถ่ายจากอัลบั้ม สืบค้นข้อความในอดีต ดูโพรไฟล์เพื่อนๆ และใช้อีโมติคอนได้ โดย Facebook Messenger จะใช้คุณสมบัติ push-notification ในการอัพเดทรายชื่อเพื่อนๆ แบบเรียลไทม์ ดังนั้นคุณสามารถรู้ได้ทันทีทีว่าขณะน้ั้น เพื่อนของคุณในเฟซบุ๊คกำลังลอกออน หรือลอกออฟ อีกทั้งยังสามารถส่งเสียงแจ้งเตือนให้คุณทราบได้ด้วย

Facebook Messenger พัฒนาโดยบริษัท CrispApp โดยใช้ Facebook API คอนเน็คกับบัญชีผู้ใช้ของคุณ เพื่อใช้พังก์ชันแชท และเรียกสายเพื่อพูดคุย โดยไม่ต้องมีการให้ยืนยันยอมรับการเปิดเผยข้อมูลล็อกอินของคุณแต่อย่างใด การใช้งาน Facebook Messenger ก็ง่ายมาก หลังจากดาวน์โหลดมาแล้ว เพียงแค่แตะปุ่ม Facebook Connect เพื่อเชื่อมเปิดให้แอพฯได้รับสิทธิ์ในการคอนเน็คกับบัญชีผู้ใช้ของคุณ เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว แอพพลิเคชันจะแสดงรายชื่อของเพื่อนๆ ใน Facebookของคุณ และรวมกลุ่มไว้ เพื่อให้คุณได้จัดการ ซี่งรายชื่อที่แสดงจะมีทั้งที่ Online และ Offiline อยู่ในขณะนั้น

หาก ต้องการแชทก็เพียงแค่แตะบนรายชื่อ หน้าต่างแชทก็จะโผล่ขึ้นมา เพื่อให้เลือกว่าจะ chat หรือ call หากแตะที่ chat แอพก็จะแสดงคีย์บอร์ดให้พิมพ์ และหากแตะที่ call แอพฯก็จะเปิดโอกาสให้คุณสามารถพูดคุยกับเพื่อนได้ โดยไม่ว่าเพื่อนคนนั้นจะใช้ iPhone, iPod Touch หรืออยู่บนเว็บไซต์ Facebook ซึ่งการพูดคุยที่เกิดขึ้นจะเป็นการสนทนาผ่านเน็ตแบบเดียวกับ Skype โดยคุณภาพของการสื่อสารทั้งความชัด และการหน่วงของสัญญาณเสียงที่ได้ยินจะขึ้นอยู่ความเร็วของการเชื่อมต่อขณะ นั้น Facebook Messenger จะมีราคาอยู่ที่ 2.99 เหรียญฯ (ประมาณ 100 บาท) ดาวน์โหลดบน iTunes App Store ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ 

 

 

 

ข้อมูลจาก: crispapp

 

รถยนต์แห่งอนาคตซิ่งได้แค่ใช้สมองคิด

รายงานข่าวเช้านี้ขอเริ่มต้นด้วยการทดลองของนักวิทยาศาสตร์ในเยอรมัน เชื่อหรือไม่ว่า วันนี้คุณสามารถควบคุมรถยนต์ให้วิ่งได้ดังใจ เพียงแค่ใช้"ความคิด"ของคุณเท่านั้น โดยล่าสุดทีมวิจัยฯได้พัฒนาระบบที่ทำให้ผู้ทดสอบสามารถขับรถยนต์ได้โดยไม่ ต้องใช้มือควบคุมพวงมาลัยอีกต่อไป แต่ใช้"สมอง"ของเขาสั่งการแทน...ว้าว!!!

Raul Rojas ศาสตราจารย์ทางด้าน AI ที่มหาวิทยาลัย Freie Universitat Berlin และทีมวิจัยได้สาธิตวิธีใช้อุปกรณ์เชื่อมต่อกับสมอง เพื่อควบคุมพวงมาลัยรถยนต์ให้หมุนซ้าย หรือขวาได้ตามต้องการ โดยเขาเรียกงานวิจัยนี้ว่า BrainDriver ซึ่งทีมวิจัยได้ใช้ Neuroheadset อุปกรณ์อินเตอร์เฟซที่สามารถบันทึกสัญญาณจากสมองของบริษัท Emotiv ที่ออกมาแบบมาให้นักเล่นเกมส์สามารถควบคุมเกมส์ผ่านทางสมอง โดยหลังจากพัฒนาระบบควบคุมการทำงานร่วมกับอินเตอร์เฟซดังกล่าวได้แล้ว ทางทีมวิจัยได้ฝึกหัดการใช้กับผู้ทดสอบ ซึ่งจะต้องฝึกบังคับวัตถุบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้เคลื่อนที่ไปทางซ้าย หรือขวาได้ด้วยการใช้ความคิดเท่านั้น

brain-driver-mind-controlled-car-made-in-germany

สำหรับการตอบสนองที่เกิดขึ้นกับอุปกรณ์อินเตอร์เฟซจะแตกต่างกันไปตามแพ ทเทิร์นของกิจกรรมการทำงานของสมอง (หรือสิ่งที่ผู้ทดสอบคิด) ซอฟต์แวร์ BrainDriver จะเชื่อมกับแพทเทิร์นดังกล่าว เพื่อกำหนดเป็นคำสั่งอย่างเช่น เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา เร่งเครื่อง หรือเบรค เป็นต้น หลังจากนั้น คำสั่งดังกล่าวจะถูกส่งไปยังระบบขับเคลื่อนรถยนต์โดยอัตโนมัติที่ทางทีม วิจัยดัดแปลงเข้าไปในรถยนต์ Volkswagen Passat Variant 3C และถูกตั้งชื่อว่า MadeInGermany เพียงแค่นี้ ผู้ขับก็สามารถควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ คันเร่ง เบรค และพวงมาลัยผ่านทางความนึกคิดได้แล้ว ในส่วนของเส้นทางที่ใช้ทดสอบเป็นถนนทีใช้มุ่งไปสู่สนามบินเก่าที่ชื่อว่า Berlin Tempelhog ลองชมคลิปสาธิตการทำงานของมันดูนะครับ รับรองคุณต้องทึ่งอย่างแน่นอน

 

 

 

ข้อมูลจาก: autonomos

 

Apollo 18 แฉภารกิจลับตามล่า"เอเลี่ยน"

อ้างอิงจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในปี 1970 เมื่อทาง NASA ได้ส่งยาน Apollo 18 ขึ้นไปสำรวจดวงจันทร์ เพื่อตามหา"เอเลี่ยน" หลังจากที่นักบินอวกาศได้พบรอยเท้าของมันบนนั้น อย่างไรก็ตาม NASA ได้ยกเลิกปฏิบัติการดังกล่าวในเวลาต่อมา เกิดอะไรขึ้นกับนักบินอวกาศที่เดินทางไปในครั้งนี้ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับอะไร? เรื่องราวดังกล่าวได้ถูกถ่ายทอดลงบนแผ่นฟิล์ม ในรูปแบบภาพยนต์สารคดีแอคชั่น ลุ้นระทึกเรื่อง Apollo 18 ที่มีกำหนดลงโรง 22 เมษายน 2011

Apollo 18 the movie NASA Alien Project

ตัวอย่างแรกของภาพยนต์ไซไฟเรื่อง Apollo 18 ได้ถูกปล่อยบน YouTube เมื่อวานนี้ โดยทาง Dimension Films ได้ผู้กำกับมือดีอย่าง Gonzalo Lopez-Gallego และ Timur Bekmambetov มานั่งแท่นอำนวยการสร้าง ซึ่งจากตัวอย่างหนังที่ออกมาให้อารมณ์เหมือนดู The Blair Witch Project ผสมกับ Alien ในบรรยากาศของหนัง Apollo 13 โดยเรื่องราวดัดแปลงมาจากภารกิจลับของ NASA ที่ส่งยาน Apollo 18 ขึ้นไปตามหา Alien หลังจากที่มีการพบรอยเท้าของพวกมันบนดวงจันทร์ และแน่นอนสิ่งที่พวกเขาเผชิญบนนั้นต้องไม่ธรรมดา พวกเขาต้องเผชิญกับสิ่งมีชิวิตนอกโลกทีมีรูปแบบอย่างไร? และได้กลับมายังโลก หรือไม่? พบคำตอบเต็มๆ ได้ในภาพยนต์เรื่อง Apollo 18 แต่ตอนนี้ไปดูคลิปยั่วน้ำลายกันไปพลางๆ ก่อนก็แล้วกันนะครับ

 

 

 

ข้อมูลจาก: YouTube

 

สายลับ"ฮัมมิ่งเบิร์ด"นกจิ๋วจักรกลอัจฉริยะ

ในอดีตการพัฒนาความแข็งแกร่งของกองทัพฯ มักจะเป็นเรื่องของอาวุธยุทโธปกรณ์ที่มีอานุภาพการทำลายล้าง และหน่วยรบที่กล้าหาญ แต่ล่าสุด DARPA หน่วยงานวิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีทางการทหารของสหรัฐอเมริกา ได้พัฒนาหุ่นยนต์ทีมีขนาดจิ๋ว เพื่อทำหน้าที่หน่วย"สอดแนม"ที่ยากต่อการสังเกตของข้าศึก โครงการดังกล่าวมีชื่อว่า AeroVironment Nano Air Vehicle โดยเป็นหุ่นยนต์ที่ออกแบบคล้ายนกฮัมมิ่งเบิร์ด (hummingbird) ที่มีขนาดเท่าๆ กับของจริง

ภายใต้โครงการดังกล่าว ทางทีมวิจัยได้พัฒนาหุ่นยนต์นักฮัมมิ่งเบิร์ดที่มีขนาดใกล้เคียงของจริง ซึ่งไม่เพียงแต่จะมีน้ำหนักเบา และเล็กเท่านั้น ทางทีมพัฒนายังสามารถควบคุมให้มันบินไปในทิศทางต่างๆ ได้ตามต้องการ โดยอาศัยการขยับปีกแบบเดียวกับนกชนิดนี้ ซึ่งเจ้าหุ่นยนต์นกฮัมมิ่งเบิร์ดจะสามารถบินอยู่นิ่งๆ กลางอากาศ เพื่อใช้กล้องวิดีโอในตัวมันจับภาพ แล้วส่งสัญญาณกลับมาให้ทางกองทัพฯ มองเห็นได้อีกด้วย

DARPA Hummingbird AeroVironment Nano Air Vehicle

หุ่น ยนต์สายลับฮัมมิ่งเบิร์ดตัวนี้มีความยาวแค่ 6.5 นิ้ว น้ำหนักตัว 19 กรัม ซึ่งที่ขนาดตัว และน้ำหนักแค่นี้ ทางทีมวิจัยสามารถใส่กลไกการบิน วงจรควบคุม กล้องวิดีโอ และแบตเตอรี่เข้าไปภายในได้อย่างไม่น่าเชื่อ อีกทั้งยังสามารถควบคุมการบินของมันได้ทั้งนอกสถานที่ หรือแม้แต่บินเข้าไปภายในตัวอาคารต่างๆ พร้อมทั้งส่งภาพกลับมายังผู้ควบคุมได้อีกด้วย ทาง DARPA คาดว่า สักวันหนึ่งเจ้า AeroVironment ดีไซน์นกฮัมมิ่งเบิร์ดนี้จะสามารถทำหน้าที่เป็นสายลับลาดตระเวนที่มี ประสิทธิภาพสำหรับกองทัพฯ อืม...มันเป็นนกตัวเล็กที่มีความน่ากลัวไม่แพ้อาวุธรบอื่นๆ เลยนะเนี่ย

 

 

 

ข้อมูลจาก: AVINC

 

แท็บเล็ตแย่งซีนมือถือในงาน MWC 2011

ผ่านไปแล้วกับงาน Mobile World Congress 2011 ที่จัดขึ้นณ.กรุงบาเซโลน่า ประเทศสเปน ซึ่งเป็นงานที่บริษัทส่วนใหญ่จะใช้เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่กัน แต่ปรากฎว่า ในงานครั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ที่แย่งพื้นที่ข่าวไปจนแทบไม่เหลือกลับเป็น "แท็บเล็ต" (Tablet) และระบบปฏิบัติการ "แอนดรอยด์" (Android)

Webtrends บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลดิจิตอลเปิดเผยว่า ผลจากการสำรวจกระแสความสนใจในประเด็นต่างๆ ที่เกียวข้องกับงาน Mobile Wolrd Congress 2011 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรากฎว่า Android และ Tablet ได้รับความสนใจมากมายเสียจนแทบจะกลบข่าวของสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่เปิดตัวใน งานนี้ไปเลย โดยผลลัพธ์ดังกล่าวเปิดเผยโดย Webtrends ซึ่งคำนวณจากการวิเคราะห์เว็บโซเชียล อย่างเช่น บล็อก, ไมโครบล็อกอย่าง Twitter ตลอดจนกระทู้ต่างๆ รวมถึงคำตอบใน LinkedIn นอกจากแหล่งข่าวต่างๆ อีกกว่า 20,000 ราย อีกทั้งยังมีการรวบรวมข้อมูลจากเว็บไซต์มีเดียต่างๆ อย่างเช่น YouTube, Flickr และอื่นๆ อีกหลายร้อยแห่ง 

ส่วน แบรนด์ที่ปรากฎในงาน MWC 2011 และมีการพูดถึงในโลกดิจิตอลมากเป็นอันดับหนึ่งคือ Samsung ตามด้วย Google ซึ่งสอดรับการเหตุผลที่ทำให้แพลตฟอร์ม Android กลายเป็นขวัญใจของงานนี้ สำหรับอันดับ 3 ตกเป็นของ HTC ที่เปิดตัวแท็บเล็ต และสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ตามด้วย Nokia ที่เข้ามาเป็นอันดับ 4 ซึ่งเป็นผลจากการประกาศความร่วมมือกับ Microsoft นั่นเอง

สำหรับ กระแสข่าวการพูดถึง"แท็บเล็ต"ในงานนี้คิดเป็น 48% โดยแท็บเล็ตที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในระหว่างงานครั้งนี้ก็คือ Galaxy Tab 10.1 ของ Samsung ตามด้วย LG Optimus 3D และ Apple ซึ่งแม้ Apple จะไม่ได้นำผลิตภัณฑ์ออกแสดงในงานนี้ก็ตาม แต่ iPad ยังคงมีการพูดถึง (กระแสแท็บเล็ตในงานที่เป็นคู่แข่งผนวกกับข่าวลือของ iPad 2) อยู่ด้วยถึง 20% ส่วนแท็บเล็ต Playbook ของ RIM และ Flyer ของ HTC มีการพูดถึงเท่าๆ กันคือ 11% ตามด้วย Touchpad ของ HP ที่ได้รับความสนใจ 3.4%

ใน งาน MWC 2011 ครั้งนี้ต้องยกให้แพลตฟอร์ม Android ไปเต็มๆ เนื่องจากโกยกระแสความสนใจจากในงานผ่านการนับสื่อต่างๆ ทีมีการพูดถึงมากกว่าครึ่งคือ 56% ในขณะที่ iOS ของ Apple ที่แม้จะไม่ได้โผล่ในงาน แต่ก็เป็นข่าวในช่วงงานถึง 20% ตามด้วย Windows 7 ที่มาแรงแซงโค้งด้วยเปอร์เซ็นต์สูงถึง 19% (ผลจากการประกาศความร่วมมือกับ Nokia) ส่วน Symbian เหลือแค่ 3.7% เท่านั้น ดูเหมือนที่นักวิเคราะห์หลายๆ ค่ายทำนายว่า ปีนี้จะเป็นปีแห่ง Tablet และ Smart Phone ดูจากงานนี้ก็น่าจะเห็นได้ชัด

 

เว็บไซต์ในข่าว: mobile world congress 2011

 

แอพฯ GPS ใช้ AR ขับนำให้คุณ"ขับตาม"

เชื่อว่า คุณผู้อ่านที่เคยต้องขับรถตามเพื่อนที่ขับอยู่คันข้างหน้า คงจะเคยประสบกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่างเช่น โดนรถคนอื่นปาดหน้า หรือไฟจราจร ที่ทำให้คุณและเพื่อนต้องมีอันคลาดกัน ซึ่งหลังจากนั้นก็เปลี่ยนมาใช้วิธีโทรศัพท์บอกทางกันไปเรื่อยๆ บอกทางผิดก็หลงได้ง่ายนิดเดียว ปัญหานี้จะหมดไปเพียงแคคุณมี Route 66 Follow Me แอพฯแสดงแผนที่ดาวเท่ียมใหม่ล่าสุดที่มีเทคนิคการนำทางไม่เหมือนใคร?

Rute 66 เป็นแอพพลิเคชันนำทางด้วยระบบแผนที่ GPS ซึ่งเปิดตัวในงาน Mobile World Congress 2011 ที่จัดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยจุดเด่นของแอพตัวนี้ที่ GPS ตัวอื่นๆ ไม่มีก็คือ การใช้เทคโนโลยี Augmented Reality (AR) กับระบบนำทาง โดยคุณสามารถใช้กล้องของสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตทำงานร่วมกับแอพฯ ซึี่งสามารถสร้างภาพรถยนต์ซ้อนทับขึ้นไปบบภาพ ถนนที่จับได้จากกล้อง เพื่อทำให้ดูเหมือนว่า ภาพรถที่สร้างขึ้นมานั้นกำลังขับนำทางให้คุณอยู่ข้างหน้า ดังนันคุณสามารถรู้ล่วงหน้าได้ว่าจะต้องเลี้ยวซ้าย หรือขวาโดยสังเกตจากภาพท้ายรถที่วิ่งอยู่ขั้างหน้าคุณบนจอแท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟนของคุณนั่นเอง...

ฟัง ดูดีใช่ไหมครับ? แต่จะว่าไปแล้ว มันอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันได้เหมือนกัน โดยเฉพาะผู้ขับขี่ที่ไม่ใส่ใจถนนจริงๆ ที่อยู่เบื้องหน้า แล้วเอาแต่มองแอพฯบนหน้าจอเป็นหลัก เนื่องจากมันมีโอกาสที่คุณมองไม่เห็น หรือไม่ทันสังเกตรถที่มาจากทางด้านขวาแล้วพยายามจะเปลี่ยนเลนจนเกิด อุบัติเหตุขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ในทางทฤษฎีแอพฯตัวนี้ก็น่าจะมีประโยชน์อยู่บ้างเหมือนกัน ทางบริษัทจะวางตลาด Route 66 Follow Me ใน Android Market ช่วงปลายปีนี้ ลองดูคลิปสาธิตการทำงานของแอพฯตัวนี้ไปก่อนก็แล้วกันนะครับ

 

 

ข้อมูลจาก: 66.com

 

Credit : ARIP News

Views: 190

Comment

You need to be a member of Manchester City Fan Club in Thailand Website to add comments!

Join Manchester City Fan Club in Thailand Website

Comment by mcfc-มีน on February 23, 2011 at 6:45pm
ขอบคุณครับน้องเจม อิอิ

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.